|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosafety) และการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity)
»
ความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosafety) และการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity)"
|
ความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosafety) และการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) เป็นสองแนวทางหลักในการปกป้องสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากอันตรายที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตที่อาจก่อให้เกิดโรคหรือความเสี่ยงต่างๆ โดยมีความแตกต่างในแนวทางการจัดการและการดำเนินการ ความปลอดภัยทางชีวภาพมุ่งเน้นไปที่การป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคหรือสารพันธุกรรมที่มีความเสี่ยง เช่น การใช้เทคโนโลยีทางชีวภาพในห้องปฏิบัติการ หรือการจัดการกับวัสดุชีวภาพที่อาจเป็นอันตราย โดยมีการตั้งมาตรฐานและข้อบังคับที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ในทางตรงกันข้าม การรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพมุ่งเน้นที่การป้องกันภัยคุกคามจากการใช้งานและการจัดการทรัพย์สินทางชีวภาพที่มีค่าหรืออันตราย ซึ่งรวมถึงการป้องกันการโจรกรรม การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และการใช้ทรัพย์สินทางชีวภาพในทางที่ผิด โดยการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพจะเน้นที่การจัดการข้อมูล การควบคุมการเข้าถึง และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เพื่อให้สามารถจัดการกับภัยคุกคามที่เกิดจากการใช้งานหรือการจัดการที่ไม่เหมาะสม
การดำเนินงานในด้านความปลอดภัยทางชีวภาพและการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพต้องมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงถูกจัดการอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อมได้อย่างมาก การทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรต่างๆ รวมถึงการพัฒนามาตรฐานที่เป็นสากลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างระบบการจัดการความเสี่ยงที่ครบวงจรและมีประสิทธิภาพ
|
คำสำคัญ :
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
333
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
ศิรินภา อ้ายเสาร์
วันที่เขียน
2/9/2567 15:55:57
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
21/11/2567 11:50:27
|
|
|
|
|
|
|
การพัฒนาระบบสารสนเทศ
»
เริ่มต้นการพัฒนาด้วย React-Native
|
การใช้ React Native กับ TypeScript เป็นการเพิ่มความปลอดภัยของชนิดข้อมูลให้กับ JavaScript โดยการใช้ Type Checking ที่ช่วยป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการพัฒนา React Native คือ เฟรมเวิร์กที่ใช้สำหรับพัฒนาแอปมือถือข้ามแพลตฟอร์ม (iOS และ Android) ด้วย React และ JavaScript วิธีการเริ่มต้น: ติดตั้ง Node.js และ Expo CLI ดาวน์โหลด Node.js และติดตั้ง Expo CLI (npm install -g expo-cli) สร้างโปรเจกต์ใหม่ด้วย TypeScript ใช้คำสั่ง expo init MyApp --template expo-template-blank-typescript เพื่อสร้างโปรเจกต์ใหม่ที่ใช้ TypeScript เขียนคอมโพเนนต์ สร้างคอมโพเนนต์ในไฟล์ .tsx ซึ่งสามารถใช้ประเภทข้อมูล (types) เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งานโค้ดเป็นไปอย่างถูกต้อง ตั้งค่า TypeScript ใช้ไฟล์ tsconfig.json เพื่อกำหนดการตั้งค่าของ TypeScript พัฒนาและทดสอบ ใช้คำสั่ง expo start เพื่อเริ่มเซิร์ฟเวอร์พัฒนาและทดสอบแอปบน Emulator หรืออุปกรณ์จริง ข้อดี: Type Safety: ช่วยจับข้อผิดพลาดได้ก่อนที่จะรันแอป การพัฒนาเร็วขึ้น: การใช้ TypeScript สามารถทำให้การพัฒนาเร็วขึ้นด้วย IntelliSense และการตรวจสอบข้อผิดพลาด การใช้ React Native กับ TypeScript จะทำให้การพัฒนาแอปของคุณมีความมั่นคงและปราศจากข้อผิดพลาดมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
|
คำสำคัญ :
Component Expo-CLI NativeWind React-Native
|
กลุ่มบทความ :
กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร
|
หมวดหมู่ :
กลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
330
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
สมนึก สินธุปวน
วันที่เขียน
1/9/2567 12:23:55
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
21/11/2567 17:35:47
|
|
|