|
|
|
|
|
avocado
»
paccon2020
|
Black sesame seeds are considered as a beneficial medicine. In this work, sesame seeds were extracted using honey as solvent. The effect of ratios (w/v) of sesame and honey on the total phenolic content and antioxidant activity of sesame seed extract were evaluated to determine the most suitable ratio of extraction. Total phenolic content and antioxidant activity of extract were measured according to the Folin–Ciocalteu methods and DPPH methods using gallic acid and 3,5-di-tert-4-butylhydroxytoluene (BHT) as standard, respectively. The results revealed that the highest amount of total phenolic content and activity in scavenging DPPH free radicals were observed in the ratio of 1:1 w/v of sesame and honey with the amount of 4.22%±0.03 mg gallic acid equivalent/g extract and 62.05%±0.38 (BHT at 57.08%±0.46), respectively. This extract was investigated the nutritional information. It composes of sesamin 55 mg/100 g extract, omega3, omega 6, omega 9, boron, 10 essential amino acids and other nutrients. Moreover, absorption of sesamin in rats was investigated from their serum after a single oral dose of extract 3.2 g/kg in rats using HPLC. The results indicated that sesamin can be absorbed at first for 15 minutes and exhibited the highest sesamin at 2.0 h.
|
คำสำคัญ :
งาดำ โภชนาการ
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
285
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
ฐิติพรรณ ฉิมสุข
วันที่เขียน
12/10/2563 10:21:41
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
2/3/2564 4:43:59
|
|
|
|
|
|
การบริการวิชาการสู่ชุมชนด้านการทำนุบำรุงมรดกทางวัฒนธรรม
»
วัดร้างแสนขานกับจิตรกรรมเขียนสีกลางกรุ อายุ 600 ปี ค้นพบใหม่อีกแห่งในล้านนา
|
เจดีย์วัดร้างแสนขาน ตั้งอยู่บนถนนมณีนพรัตน์ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ปรากฏชื่อวัดแสนขาน ในเอกสารตำนานพงศาวดาร แต่สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นวัดที่ปรากฏชื่อในพงศาวดารโยนกว่า “...พญาเมืองเกษเกล้าได้ถูกอัญเชิญให้ขึ้นครองราชย์ แต่พระองค์ครองราชย์ได้แค่ 2 ปี พระองค์ก็ทรงเสียพระจริตจึงถูกปลงพระชนม์ และทำการส่งสักการ(เผา) ณ วัดแสนขาน แล้วจึงนำเอาพระอัฐิธาตุไปบรรจุไว้ ณ เจดีย์วัดโลกโมฬี..”
อีกหนึ่งข้อสันนิษฐานคือ วัดนี้สร้างขึ้นโดยเจ้าแสนขาน หนึ่งในอำมาตย์ของพระเจ้าสามฝั่งแกน ที่คิดช่วยให้ "เจ้าลก" พระโอรสองค์ที่ 6 ในพญาสามฝั่งแกน ขึ้นครองราชย์ในนาม พระเจ้าติโลกราช แล้วบังคับให้พระเจ้าสามฝั่งแกนสละราชสมบัติ ในปี พ.ศ. 1985 ซึ่งต่อมาถูกพระเจ้าติโลกราชคุมขังและลดยศเป็น "หมื่นขาน" และให้ไปครองเมืองเชียงแสนแทน
โดยสถาพปัจจุบันเป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านพักอาศัยของประชาชน โดยการบุกรุกพื้นที่ของวัดจนถึงแนวขอบของฐานเจดีย์ รอบด้านเป็นอาคารบ้านพักชั้นเดียวและสองชั้น ซึ่งได้ทำการเช่าที่ดินจากราชพัสดุมาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจคือจิตรกรรมฝาผนังที่ถูกค้นพบในครั้งนี้ ถือเป็นหลักฐานใหม่ที่เกี่ยวข้องกับงานจิตรกรรมฝาผนังล้านนาในสมัยพุทธศตวรรษที่ 21 ซึ่งในอดีตที่ผ่านมามีข้อมูลเพียงงานจิตรกรรมฝาผนังในถ้ำคูหา วัดอุโมงค์ เชิงดอยสุเทพ ซึ่งเมื่อกล่าวถึงงานจิตรกรรมล้านนาโบราณในสมัยพุทธศตวรรษที่ 21 แล้ว ย่อมเป็นงานที่พบได้น้อยมากและเป็นภาพลายดอกไม้และลายธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจากการเวลาและสภาพภูมิอากาศ ที่เป็นตัวทำลายงานจิตรกรรมเขียนสีเหล่านั้น
จากการค้นพบครั้งนี้เกิดจากการสำรวจวัดร้างในเขตเมืองเก่าเชียงใหม่ ระหว่างปี 2561-2562 นำโดย รศ.ดร. สืบศักดิ์ แสนยาเกียรติคุณ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.ธวัชชัย ทำทอง จากมหาวิทยาลัยราชภัฎลำปาง และ อ.ฐาปกรณ์ เครือระยา จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ทำการสำรวจวัดร้างแสนขาน ตามเอกสารที่ได้บันทึกไว้ว่า วัดร้างดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออกของวัดโลกโมฬี นอกจากนี้ยังพบว่าวัดร้างแสนขานยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากทางกรมศิลปากร จึงทำให้เห็นสภาพเจดีย์ร้างอยู่ท่ามกลางสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่ ซึ่งก็เป็นบ้านเรือนของประชาชนที่จับจองพื้นที่รายล้อมเขตโบราณสถานดังกล่าว โดยสภาพของเจดีย์ยังค่อนข้างเห็นเป็นองค์ชัดเจน รูปแบบของเจดีย์สามารถบ่งบอกรายละเอียดได้บ้างบางส่วน สิ่งที่ทำให้เราเห็นหลักฐานภาพจิตรกรรมล้านนาโบราณในสมัยพุทธศตวรรษที่ 21 ก็เพราะการขุดหาของมีค่าจากกรุจนกรุแตก
ภาพเขียนฝาผนังภายในกรุของวัดร้างแสนขานนั้น เขียนขึ้นเพื่อตกแต่งภายในกรุสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก กว้าง 55 เซนติเมตร ยาว 140 เซนติเมตร และสูง 120 เซนติเมตร ซึ่งเป็นกรุชั้นใน ส่วนกรุชั้นนอก (กรุหลอก) จะมีการก่อปูนไม่ฉาบ ห่างออกมาจากกรุในด้านละประมาณ 40-45 เซนติเมตร โดยกรุดังกล่าวอยู่ในระดับตัวเรือนธาตุ
จิตรกรรมฝาผนังประดับกรุ ปรากฏบนผนังกรุด้านทิศเหนือ(ตัวภาพหันหน้าไปทางทิศใต้) ซึ่งเป็นผนังฝั่งเดียวที่มีงานเขียนภาพจิตรกรรม อีกทั้งภาพหลักฐานจิตรกรรมฝาผนังในกรุมีสภาพลบเลือนไปมาก จำเป็นต้องใช้เทคนิคคัดลอกจิตรกรรมด้วยมือและคอมพิวเตอร์ควบคู่กัน โดยการคัดลอกลายเส้น เพื่อให้เห็นรายละเอียดของภาพรวมในงานจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ของศิลปะล้านนา ซึ่งมีอายุกว่า 600 ปีได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม
จิตรกรรมดังกล่าวเป็นเทคนิคเขียนสีปูนเปียก ซึ่งเป็นเทคนิคที่นิยมกันในยุคโบราณ เพื่อให้งานจิตรกรรมนั้นติดทนนาน ดังนั้นภายในห้องกรุเราจึงเห็นเนื้อปูนที่กะเทาะออกมาสองชั้นคือชั้นแรกคือปูนฉาบ และชั้นที่สองคือชั้นปูนเปียกเพื่อเตรียมเขียนงานจิตรกรรม สีที่ใช้เขียนพบว่ามีเพียงสองสีที่ชัดเจน คือสีแดงและสีดำ ซึ่งน่าจะเป็นสีที่มาจากชาดและยางรัก อันเป็นวัตถุให้สีที่นิยมกันในยุคโบราณ ส่วนภาพเขียนเป็นภาพเทวดา 2 องค์ องค์แรกไม่สามารถระบุได้เนื่องจากมีการกะเทาะของปูนบริเวณส่วนองค์เทวดาพอดี องค์ที่ 2 เป็นเทวดา 4 กร นั่นคือพระพรหมนั่นเอง
พระพรหมทรงเครื่องสวมชฎามีรัศมี มือคู่แรกประนมมือไว้ มือคู่หลังกรีดกรายเหมือนถือช่อดอกไว้แต่ไม่ชัดเจน นุ่งผ้าสะบัดพลิ้ว รอบๆมีดอกไม้ลอยเป็นดอกโบตั๋น ส่วนฐานล่างสุดเป็นลายหม้อดอกบูรณฆฏะในหม้อเป็นดอกบัว ส่วนด้านบนเป็นลักษณะของรูปทรงสามเหลี่ยม ซึ่งจากการดูลายเส้นที่เลือนรางสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นรูปทรงของฉัตรหรือไม่ก็เป็นรูปทรงของเจดีย์
จิตรกรรมผาผนังภายในกรุวัดร้างแสนขาน ตามสภาพปัจจุบันนั้น อยู่ในสภาพที่ชำรุดลบเลือนมาก จนหลายคนเข้าใจว่าคงไม่มีภาพจิตรกรรมหลงเหลือ แต่จากการสำรวจครั้งนี้กลับพบหลักฐานของจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสำคัญมากอีกชิ้นหนึ่งในล้านนา ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อวงการวิชากาต่อไปในอนาคต
|
คำสำคัญ :
จิตรกรรมวัดร้างแสนขาน, จิตรกรรมล้านนา 600 ปี
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
ภาษา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
315
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
ฐาปกรณ์ เครือระยา
วันที่เขียน
5/9/2563 22:20:19
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
2/3/2564 12:00:18
|
|
|
การวาดรูปสีน้ำเบื้องต้น
»
หลักการการวาดสีน้ำ
|
หลักการระบายสีน้ำ และเทคนิคการระบายสีน้ำ ความจำเป็นที่จะต้องเข้าใจคุณสมบัติของสีน้ำ และต้องสามารถควบคุมได้ การลงมือทดลองจะเห็นธรรมชาติและความเป็นไปของจังหวะสี ดังนั้นการสร้างสรรค์ภาพวาดสีน้ำจึงต้องใช้เทคนิคพื้นฐานการระบายสีน้ำ ซึ่งจะสามารถนำไปสร้างสรรค์ภาพจิตรกรรมสีน้ำที่สมบูรณ์
การระบายแบบเปียกบนเปียก (Wet ON Wet) : คือ สีเปียก (สีผสมน้ำแล้ว) ระบายบนกระดาษเปียก (กระดาษที่ระบายน้ำหรือน้ำสีไว้แล้ว) วิธีการคือ ใช้พู่กันจุ่มสี (ค่อนข้างข้น) แตะแต้มบนกระดาษที่เปียกอยู่แล้วตามด้วยสีอื่น สีจะไหลซึม รุกรานเข้าหากันอย่างกลมกลืนและมีส่วนที่เกิดเป็นสีใหม่เพิ่มขึ้นมา
ถ้าทำบนกระดาษเปียกชุ่ม สีจะรุกรานกันรวดเร็วและนุ่มนวล เทคนิคนี้นำไปใช้ระบายท้องฟ้า หรือน้ำทะเลได้ ถ้าทำบนกระดาษเปียก สีจะรุกรานไม่มากแต่ยังคงผสมผสานกลมกลืนกันดี เทคนิคนี้นำไปใช้ระบายเป็นพวกวัตถุรูปทรงทั่วไปได้ ถ้าทำบนกระดาษหมาด สีจะผสมผสานกลมกลืนกันน้อย เห็นการแยกสัดส่วนชัดเจนกว่า เทคนิคนี้นำไปใช้ สร้างพื้นผิวแสดงความแตกต่าง ไม่เรียบ
การระบายแบบเปียกบนแห้ง (Wet ON Dry) : เป็นลักษณะการระบายเรียบโดยใช้สี (ผสมน้ำแล้ว) ระบายบนกระดาษแห้งมี 3 รูปแบบ ดังนี้
ระบายเรียบสีเดียว (Flat wash) : โดยใช้พู่กันจุ่มสีระบายไปตามแนวนอนบนกระดาษที่เอียงเล็กน้อยให้น้ำสีไหลลงไปกองข้างล่างแล้วระบายต่อเนื่องกันลงไปจนจบ การระบายครั้งต่อไปให้ต่อที่ใต้คราบน้ำที่ยังเปียกอยู่ ผลที่ได้คือสีจะใส เรียบสม่ำเสมอ ระวัง อย่านำพู่กันไปจุ่มน้ำ หรือเติมน้ำลงในสี ระหว่างทำงานเพราะจะทำให้สีที่ได้ไม่เรียบเกิดเป็นขั้นได้
ระบายเรียบหลายสี (Colour wash) : ทำเหมือนกับระบายเรียบสีเดียวแต่เมื่อจบสีที่ 1 แล้วให้ระบายสีที่ 2 ต่อที่ใต้คราบน้ำขณะที่เปียกอยู่ ผลที่ได้คือ สีต่างๆ จะมีการผสมผสานกลมกลืนกันอย่างต่อเนื่อง หมายเหตุ ทั้งการระบายเรียบสีเดียว และ หลายสี เป็นพื้นฐานของงานสีน้ำที่นำไปใช้ระบาย ให้เกิดภาพแล้วแต่ว่าจะให้เป็นสีเดียว หรือหลายสี เช่น ภาพคนใส่เสื้อผ้า ก็ต้องเป็นระบายเรียบหลายสี
ระบายเรียบอ่อนแก่ (Grade wash) : เป็นการระบายให้เกิดค่าน้ำหนักของสี จะเริ่มจากอ่อนไปหาแก่ หรือ จากแก่ไปหาอ่อนก็ได้ ถ้าเริ่มจาก แก่ไปหาอ่อน ก็ผสมสีให้ข้นกว่าปกติ แล้วระบายเรียบได้ช่วงหนึ่งให้ล้างพู่กันจนสะอาดแล้วจุ่มน้ำมาระบายใต้คราบน้ำเป็นระยะๆให้สีจางลงไปเรื่อยๆ ถ้าเริ่มจาก อ่อนไปหาแก่ ให้ผสมสีเจือจางแล้วระบายเรียบไปช่วงหนึ่ง ก็เพิ่มสีให้มีความเข้มข้นขึ้น แล้วระบายต่อใต้คราบน้ำลงมา เป็นระยะๆ ให้สีเข้มขึ้นการระบายเรียบอ่อนแก่ เป็นเทคนิคที่นำไปใช้ระบายให้เกิด มิติ แสง-เงา
การระบายแบบแห้งบนแห้ง (DRY ON DRY) : เป็นการระบายสีข้นๆบนกระดาษแห้งในลักษณะต่างๆเช่น แตะ แต้ม ขีด เขียน ลากเส้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการใช้ส่วนต่างๆของพู่กันคือปลายบ้าง โคนบ้างเพื่อให้เกิดเป็นลักษณะต่างๆ เทคนิคนี้นำไปใช้เน้นเพื่อเพิ่มรายละเอียดของภาพ เช่น เมื่อเราทำภาพตัวบ้านเสร็จแล้วเราก็มาใส่ประตู หน้าต่าง ด้วยการใช้สีข้นๆ แตะ แต้ม ลงไปเราก็จะได้รายละเอียดของภาพแบบ
ดังนั้น การวาดภาพสีน้ำกระบวนการสำคัญคือการให้แสงและเงา ที่เข้าใจธรรมชาติของภาพ แล้วนำมาร้างสรรค์งานภาพวาดสีน้ำต่อไป
|
คำสำคัญ :
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
ดนตรี ศิลปะ วรรณกรรม บันเทิง
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
1031
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
ฐาปกรณ์ เครือระยา
วันที่เขียน
5/9/2563 22:15:54
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
2/3/2564 14:20:13
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
บทความ
»
อาหารพื้นบ้านของชาวล้านนา
|
ภาคเหนือหรืออาณาจักรล้านนาในอดีต เป็นดินแดนแห่งหนึ่งที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาแต่อดีตจวบจน
ปัจจุบัน มีผู้คนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนแห่งนี้จากหลาย ๆ แหล่ง ทำให้ได้รับวัฒนธรรมหลากหลาย
จากชนชาติต่าง ๆ เข้ามาในชีวิตประจำวัน รวมถึงประเภทอาหารและการบริโภคอาหาร ประกอบกับลักษณะ
ภูมิประเทศที่มีเทือกเขาน้อยใหญ่ และมีแหล่งต้นน้ำหลายสาย ทำให้อากาศค่อนข้างหนาวเย็นในฤดูหนาว
และฤดูฝน ส่งผลให้มีพืชพันธุ์ธัญญาหารมากมายโดยเฉพาะผักพื้นบ้าน ชาวล้านนา (คนที่อาศัยในภาคเหนือ)
ได้สรรค์สร้างอาหารที่มีหลากหลายประเภทหรือตำหรับที่มีเสน่ห์ และมีเอกลักษณ์รสชาติเป็นของตนเอง
การปรุงอาหารของชาวล้านนาส่วนใหญ่จะมีทั้งรสอ่อน เผ็ด เค็ม เปรี้ยว แต่ไม่หวาน อาหารภาคเหนือไม่นิยมใส่
น้ำตาล ความหวานจะได้จากวัตถุดิบส่วนผสมที่นำมาประกอบอาหาร เช่น ความหวานจากผัก และปลา เป็นต้น
|
คำสำคัญ :
อาหารล้านนา
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
ภาษา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
2038
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
กัณณิกา ข้ามสี่
วันที่เขียน
11/10/2562 10:31:57
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
2/3/2564 16:46:18
|
|
|
|
อ. มธุรส ชัยหาญ
»
การเชื่อมโยงงานวิจัยเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ (Research Connect)” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
|
การเชื่อมโยงงานวิจัยเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ (Research Connect)” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัย หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีงานวิจัย และ นวัตกรรมระหว่างผู้มีเทคโนโลยี (Technology Provider) และ ผู้ต้องการใช้เทคโนโลยี (Technology Seeker) เพื่อเป็นโอกาสและช่องทางในการส่งต่อผลงาน สิ่งประดิษฐ์ และ ความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่มุ่งตอบสนองการนำไปใช้ประโยชน์ในหลากหลายมิติ ทั้งเชิงวิชาการ เชิงชุมชนสังคมและเชิงพาณิชย์ โดยการจัดบู้ธและนำเสนองานวิจัยและนวัตกรรมสาขาเกษตรและอาหารแปรรูป“กรรมวิธีการสกัดและการเพิ่มความบริสุทธิ์สารเอล-ควาบราซิทอล (L-quebrachitol) จากซีรั่มน้ำยางพารา” ณ. ห้อง Mayfair Ballroom โรงแรม เดอะเบอร์เคลีย์ โฮเต็ล ประตูน้ำ กรุงเทพ ในวันที่ 3 กันยายน 2562 กระบวนการสกัด L-Quebrachitol จากซีรั่มน้ำยางพาราสดและน้ำทิ้งจากกระบวนการรีดยางแผ่นมาผลิตสารบริสุทธิ์ L-quebrachitol ซึ่งเป็นน้ำตาลกลุ่ม oligosaccharide ที่สามารถละลายน้ำได้ 100 เปอร์เซ็นต์ สารดังกล่าว มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูง (Antioxidant) และ สารต้านจุลินทรีย์ (Antimicrobial) ยับยั้งแบคทีเรียสาเหตุการเกิดสิว Staphylococcus aureus, S. epidermidis และ Propionibacterium acnes จึงสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเวชสำอางชนิดต่างๆโดยเฉพาะเวชสำอางสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายสามารถใช้เป็น ส่วนประกอบของสารต้านมะเร็ง (Anti-cancer agents) และ สามารถนำมาผลิตเป็นสารเคลือบแผ่นยาง สำหรับลดเชื้อราปนเปื้อนบนแผ่นยางผึ่งแห้ง (Air dry sheets) และ ยางก้อนถ้วย สารบริสุทธิ์ L-quebrachitol สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อราหลักที่ปนเปื้อนบนยางแผ่น Aspergillus และ Penicillium ได้ดี สามารถลดการเจริญของเชื้อราดังกล่าว ได้นาน 4 เดือน ภายหลังจากการเคลือบยางแผ่นผึ่งแห้งและยางก้อนถ้วยด้วยสารบริสุทธิ์ L-quebrachitol จากงานวิจัย เมื่อวิเคราะห์ต้นทุนในการผลิต พบว่า มีราคาถูกกว่า สารบริสุทธิ์ L-quebrachitol ที่ผลิตและจำหน่ายทางการค้า ถึง 44 เท่า ด้วยกรรมวิธีการสกัดและแยกสาร L-quebrachitol ด้วยเทคนิคที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และ มีราคาถูก
|
คำสำคัญ :
L-quebrachitol กระบวนการสกัด ซีรัมยางพารา ผลิตภัณฑ์สปา ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
934
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
มธุรส ชัยหาญ
วันที่เขียน
1/10/2562 10:36:47
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
2/3/2564 8:47:25
|
|
|
การ KM เพื่อเผยแพร่ผลของการนำความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมอบรมสัมมนา
»
การ KM เพื่อเผยแพร่ผลของการนำความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมอบรมสัมมนา
|
การ KM เพื่อเผยแพร่ผลของการนำความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมอบรมสัมมนา
ตามหนังสือที่ ศธ ๐๕๒๓.๑.๙.๒/๒๘๓๑ ลงวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ได้อนุมัติให้กระผม รศ.ดร.ณัฐพร จันทร์ฉาย เดินทางไปปฏิบัติงาน ในวันที่ ๒๔-๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ เพื่อเข้าร่วมประชุมวิชาการ ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จังหวัดปทุมธานี โดยเข้าร่วมอบรมทั้งสิ้น 7 เรื่อง (ดังตารางลงทะเบียนเอกสารแนบ) ได้แก่
1. เรื่อง Smart Farm : เกษตรไทยยุค 4.0 ในวันที่ 25/03/2562 เวลา 13.30-16.30 น.
2. เรื่อง สูตรตำหรับนาโนเพื่อนวัตกรรมอาหารสัตว์ ในวันที่ 26/03/2562 เวลา 09.00-12.00 น.
3. เรื่อง นวัตกรรมจากไข่เพื่อการมีสุขภาพที่ดี ในวันที่ 26/03/2562 เวลา 13.30-16.30 น.
4. เรื่อง จากทรัพยากรชีวภาพสู่การวิจัยเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ในวันที่ 27/03/2562 เวลา 09.00-12.00 น.
5. เรื่องการใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อปรับปรุงคุณภาพอาหารสัตว์และคความต้องการโภชนะสำหรับโคนมไทย ในวันที่ 27/03/2562 เวลา 13.30-16.30 น.
6. เรื่อง นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการพัฒนาคุณภาพสัตว์น้ำไทยอย่างยั่งยืน ในวันที่ 28/03/2562 เวลา 09.00-12.00 น.
7. เรื่องการขอรับมาตรฐานกับ สมอ. ในวันที่ 27/03/2562 เวลา 13.30-16.30 น.
และได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในด้านวิชาการและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของอุตสาหกรรมที่ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตและการบริการในภาคเอกชน ตลอดจนเข้ารวมชมนิทรรศการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรและพัฒนาสังคมไทยให้เข้มแข็ง รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนำไปใช้ให้การเรียนการสอน งานวิจัย หรือการพัฒนาตนเองได้ โดยผลที่ได้จากการเข้าร่วมสัมมนาดังกล่าวสามารถนำมาพัฒนากระบวนการทำสารเสริมในอาหารสัตว์น้ำในแคปซูล อัลจิเนต-ไคโตซานและกรรมวิธีการผลิต จากการที่ได้งบของ NIA จำนวน 1,180,000 บาท จากสิทธิบัตรเลขที่ 1801004807 จากการนำความรู้ในเรื่องที่ 2 และ 6. คือ เรื่อง สูตรตำหรับนาโนเพื่อนวัตกรรมอาหารสัตว์ และนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการพัฒนาคุณภาพสัตว์น้ำไทยอย่างยั่งยืน อีกทั้งนำความรู้ในเรื่อง ที่ โครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนตามหลักการ BEDO’s Concept และ สรรหาชุมชนใหม่ : กลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมสีธรรมชาติ ไผ่ และงานฝีมือ ของ BEDO งบ 1,289,000 บาท ในเรื่องที่ 4. เรื่อง จากทรัพยากรชีวภาพสู่การวิจัยเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ และยังสามารถนำมาประยุคใช้ในงานขอทุนวิจัย และพัฒนางานวิจัยอื่น ๆ ได้อีก เช่น การศึกษาบทบาทของเชื้อจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนสีอินดิโกในระหว่างการผลิตสีย้อมห้อมแบบธรรมชาติเพื่อการผลิตสีย้อมแบบยั่งยืน ของ สวทช. งบ 200,000 บาท และ เขียนงานวิจัยขอทุน วช. 2563 เรื่อง ผลของเอนโดไฟติกเเบคทีเรียต่อคุณภาพการให้สีครามของห้อมในพื้นที่จังหวัดเเพร่
|
คำสำคัญ :
การ KM เพื่อเผยแพร่ผลของการนำความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมอบรมสัมมนา นวัตกรรมอาหารสัตว์ ซินไบโอติก
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
811
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
ณัฐพร จันทร์ฉาย
วันที่เขียน
29/9/2562 16:04:10
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
2/3/2564 8:19:02
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
PACCON 2019
»
PACCON2019
|
จากการที่ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมงานงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านเคมีในงาน PACCON 2019 7 – 8 กุมภาพันธ์ 2562 สิ่งที่ได้รับ เพื่อนำมาแชร์ประสบการณ์ คือ งานวิจัยด้าน MOLECULAR SEITHCES โดย Prof. Dr. Bernard L. Feringa University of Groningen, The Netherlands 2016 Nobel Laureate in Chemistry MOLECULAR SWITCHES Chiroptical molecular switches and information storage In our initial attempts to design molecules with the intrinsic dynamic functions that ultimately evolved into molecular rotary motors, we took inspiration from the process of vision. ?is amazing natural responsive process is based on an elementary chemical step, the photochemical cis-trans isomerization around a carbon–carbon double bond in the retinal chromophore (Figure 1). We envisioned the exploration of this simple switching process in the design of molecular information storage units and responsive elements in dynamic molecular systems and materials. Although molecular bi-stability can be induced by various input signals including light, redox reactions, pH changes, metal ion binding, temperature, and chemical stimuli, the use of photochemical switching has distinct advantages as it is a non-invasive process with high spatial-temporal precision. Building on seminal work by Hirshberg on azobenzenes, Heller on fulgides, Irie on diarylethylenes and others, numerous photochromic molecules have been explored in recent years in our group to achieve responsive function, including control of optical and electronic properties of materials, supramolecular assembly processes and biological function. In our journey towards bistable molecules with excellent photoreversibility and high fatigue resistance, we focused on the synthesis of chiral overcrowded alkenes (Figure 1). Non-destructive read-out of state is a central aspect of any potential molecular information storage system, and was addressed by taking advantage of the distinct right (P)- and le (M)-handed helicities in this system, enabling read-out by chiroptical techniques far outside the switching Fig. 1 regime. ?e interconversion between two isomers with distinct chirality, i.e. a chiroptical molecular switch, denes a zero-one digital optical information storage system at the molecular level. Although high-density optical information storage materials based on this approach are promising, the fundamental challenge of addressing individual molecules at the nanoscale in a closely packed assembly in an all-optical device remains to be solved, despite the spectacular advances in single molecule detection techniques seen over the last decades [22]. At this point it is appropriate to emphasize two aspects of these studies. Firstly, the chiral overcrowded alkenes that formed the basis for the chiroptical molecular switches have their genesis in my PhD studies under the guidance of Hans Wijnberg on biaryl atropisomers. ?e idea that twisted olens might show atropisomerism was explored, using the then recently invented McMurry coupling reaction, in the synthesis of cis- and trans-isomers of inherently dissymmetric overcrowded alkenes (see Figure 2 for a time line) [23]. ?e realization that these novel structures had an intrinsic chiral stilbene type chromophore that was immune from the notorious photocyclization seen in stilbenes, provided a stepping stone more than a decade later to chiroptical switches and two decades Fig. 2 later to light-driven rotary molecular motors. Secondly, with the photoisomerization of these chiral overcrowded alkenes, reported in 1991 [24], we demonstrated that controlled clockwise or counterclockwise motion in either direction of one half of the molecule with respect to the other half was achieved simply by changing the wavelength of irradiation. Control of directionality of rotary motion was key to the latter development of molecular rotary motors. ?e photoresponsive overcrowded alkenes were used as chiral dopants in mesoscopic materials to achieve chiroptical switching between cholesteric liquid crystal phases [25], as well as control elements for molecular rotors [26]and for photoswitching the handedness in circular polarized luminescence [27]. ?e wavelengths of switching and the stereoselectivity of the isomerization process were tuned, for instance, via donor-acceptor substituents. In a series of studies together with the Harada group at Tohoku University, we established the chiroptical properties, absolute conguration and racemization pathways of biphenanthrylidenes [28]. An important milestone was our discovery of dynamic control and amplication of molecular chirality by circular polarized light (CPL) [25]. Here CPL irradiation shied the equilibrium between P or M helices of chiroptical switches to achieve a tiny chiral imbalance that was amplied through formation of a twisted nematic liquid crystalline phase. -is discovery strengthened the idea that unidirectional rotary motion was in principle possible using CPL irradiation although, on
|
คำสำคัญ :
paccon2019
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
769
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
ฐิติพรรณ ฉิมสุข
วันที่เขียน
13/9/2562 14:08:06
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
26/2/2564 7:20:30
|
|
|
|