|
ความรู้จากการเข้าร่วมอบรม/สัมมนา/ประชุมวิชาการ
»
การเผยแพร่ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการระดับชาติวิจัยรำไพพรรณี ครั้งที่ 17 เนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ครบ 119 ปี เรื่อง “งานวิจัยและนวัตกรรมสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG Bio-Circular-Green Economy”
|
ตามที่คณะวิทยาศาสตร์ ได้อนุญาติให้ข้าพเจ้า นางอัจฉรา แกล้วกล้า ตำแหน่ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เข้าร่วมการประชุมวิชาการระดับชาติวิจัยรำไพพรรณี ครั้งที่ 17 เนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ครบ 119 ปี เรื่อง “งานวิจัยและนวัตกรรมสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG Bio-Circular-Green Economy” เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ (อาคาร 36) มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี (ในรูปแบบออนไลน์) นั้น
บัดนี้ ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมการประชุมวิชาการระดับชาติวิจัยรำไพพรรณี ครั้งที่ 17 เนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ครบ 119 ปี เรื่อง “งานวิจัยและนวัตกรรมสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG Bio-Circular-Green Economy” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงขอรายงานสรุปเนื้อหาและประโยชน์ที่ได้รับ ดังนี้
1. สรุปเนื้อหาที่ได้รับจากการเข้าประชุม/อบรม ฯลฯ
1.1 เข้ารับฟังการบรรยายพิเศษ เรื่อง “แนวทางการนำทรัพย์สินทางปัญญา ผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ.2564" โดย ดร.สรรพวรรธ วิทยาศัย ผู้จัดการหน่วยจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการได้ผลงานทางวิชาการแล้วนำผลงานนั้นไปใช้ประโยชน์ ที่ผ่านมาต้องมีการทำข้อตกลงในแต่ละขั้นตอนที่มีภาคเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เป็นอุปสรรคต่อหน่วยงานมหาวิทยาลัย และผู้วิจัยเป็นอย่างมาก สำหรับในปัจจุบันมหาวิทยาลัย จะต้องมีการจัดทำระบบในการเปิดเผยผลงานวิจัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัย และผู้วิจัยต้องตัดสินใจว่าจะเป็นเจ้าของผลงานหรือไม่ภายในระยะเวลา 1 ปี และต้องมีการยื่นรายงานการขอนำไปใช้ประโยชน์ภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติการใช้สัญญาทุนภาครัฐ ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยต้องมีระบบ หน่วยงาน และแผนในการเตรียมข้อมูลว่าแต่ละงานวิจัยมีความคุ้มค่าการใช้ประโยชน์หรือไม่ เรียกว่า การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และ การจัดสรรประโยชน์ ตัวอย่างของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีระเบียบระบุไว้ว่างานวิจัยใดที่มีการนำไปใช้ในการเรียนการสอน งานวิจัยนั้นเป็นทรัพย์สินของทางมหาวิทยาลัย ประเภทของทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทย มี 2 รูปแบบ คือ การจดทะเบียนให้ได้สิทธิ์ และการจดแจ้งสิทธิ์ ดังนี้
ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม จดทะเบียนให้ได้สิทธิ์ จดแจ้งสิทธิ์
- เครื่องหมายการค้า √
- ความลับทางการค้า/ความรู้ทางเทคนิค √
- แบบผังภูมิวงจรรวม √
- สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ √
- สิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร √
- งานอันเป็นลิขสิทธิ์ √
- พืชพันธุ์ √
การบริหารกระบวนการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ และการขึ้นทะเบียนในสิทธิ์หรือแจ้งสิทธิ์จะต้องมีความสอดคล้องและมีการวางแผน หากเผยแพร่ผลงานทางวิชาการไปก่อนหน้าแล้ว อาจไม่สามารถขึ้นทะเบียนในสิทธิ์หรือแจ้งสิทธิ์ได้ ข้อควรระวังในการทำแผนการใช้ประโยชน์ภายหลังการเปิดเผยผลงานทางวิชาการ คือ แผนการใช้ประโยชน์ควรมีเทคนิคการเขียนให้สามารถทำได้ หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ผลลัพธ์สูง หากเปอร์เซ็นต์ผลลัพธ์ต่ำ หรือทำได้น้อยกว่าแผน จะทำให้ผลงานที่เป็นทรัพย์สินนั้นไม่สามารถอ้างสิทธิ์ได้
1.2 เข้ารับฟังการปาฐกถาพิเศษโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) ในหัวข้อเรื่อง “งานวิจัยและนวัตกรรมสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยโมเดลเศษฐกิจ BCG (Bio-circular-Green Economy)” โดยได้บรรยายเกี่ยวกับการนำ BCG มาใช้เพื่อพัฒนาประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านั้นจะมีโปรแกรมเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่อการพัฒนาประเทศของทุกประเทศ ประกาศโดยสหประชาชาติ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ต่อมาได้มีการพัฒนามาเป็นโปรแกรม BCG เพื่อตอบสนองต่อการท้าทายในปัจจุบันจนถึงอนาคต โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ประเด็นท้าทาย สิ่งที่พบหรือปรากฏการณ์
Digital disruption ครั้งที่ 1 internet ครั้งที่ 2 mobile internet ครั้งที่ 3 internet of think ครั้งที่ 4 AI and Robotic
Geopolitical Risk ตะวันออกกลาง จีน vs ไต้หวัน รัสเซีย vs ยูเครน
Healthcare crisis SARs>Ebola>Covid-19
Recession Inflation>Oil price>GDP drop
Climate Change Natural disasters Activist vs Protester Regulatory uncertainly Business risks
ประเด็นท้าทายเหล่านี้มีประโยชน์ในการขับเคลื่อนทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน เช่น การเกิด covid-19 นำสู่ความก้าวหน้าทางการแพทย์ และ internet conference โดยรัฐบาลได้มีการตอบสนองต่อประเด็นท้าทายเหล่านี้ในหลายๆ นโยบาย เช่น นโยบายการเงินสีเขียว การสร้างข้อตกลงใน APEC Economy ร่วมกับนานาประเทศ เป็นต้น การทำแผน BCG model ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 2565 เรียกว่า แผนปฏิบัติการการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลทางเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้าหมายไว้ในปี 2570 ในด้านต่าง ๆ ดังนี้ การเพิ่มอัตราการเจริญทางเศรษฐกิจ การลดความเหลือมล้ำ การรักษาธรรมชาติ และการพึ่งพาตนเอง ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อน รัฐบาลได้วางกลไกการขับเคลื่อนส่วนหนึ่งผ่านทาง สวทช. ในการเอาความรู้ทางด้านการวิจัยมาสนับสนุน BCG ซึ่งทรัพยากรด้านบุคคลมีมากถึง 2,901 คน ซึ่งอยู่ในระดับปริญญาเอกถึง 67% และมีการวางแผนให้สอดคล้องกับ BCG มีเป้าหมายเพื่อยกระดับให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีรายได้เพิ่มมากขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่ดีในอนาคต
1. ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่
1.1 ได้รับความรู้และประสบการณ์จากการเข้าร่วมการประชุมวิชาการฯ
1.2 ได้รับความรู้เกี่ยวกับงานวิจัยในด้านต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการเรียน การสอน และการทำงานวิจัย
1.3 เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในผลงานการวิจัยระหว่างบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ
2. ประโยชน์ต่อหน่วยงาน (ระดับงาน/หลักสูตร/คณะ)
จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการ และฟังการบรรยายในหัวข้อเรื่องต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยใหม่ๆ ของนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญ ความรู้ที่ได้จากการฟังบรรยาย ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อหลักสูตรและคณะ และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทั้งในด้านการเรียนการสอน โดยได้นำความรู้ที่ได้จากการฟังบรรยายดังกล่าวมาประยุกต์และถ่ายทอดให้แก่นักศึกษาและผู้ร่วมงาน ใช้ในการเรียนการสอนและงานวิจัย นอกจากนั้นยังได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ต่างๆ กับนักวิจัยที่เชี่ยวชาญ ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ต่อหลักสูตรและคณะเป็นอย่างยิ่งโดยจะช่วยทำให้การปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพต่อไป
|
คำสำคัญ :
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
226
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
อัจฉรา แกล้วกล้า
วันที่เขียน
31/3/2567 11:09:58
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
20/11/2567 12:09:34
|
|
|
ความรู้จากการเข้าร่วมอบรม/สัมมนา/ประชุมวิชาการ
»
การเผยแพร่ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการระดับชาติวิจัยรำไพพรรณี ครั้งที่ 16 เนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ครบ 118 ปี เรื่อง “50 ปีมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี การวิจัยเพื่อการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น”
|
ตามที่คณะวิทยาศาสตร์ ได้อนุญาติให้ข้าพเจ้าเข้าร่วมการประชุมวิชาการระดับชาติวิจัยรำไพพรรณี ครั้งที่ 16 เนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ครบ 118 ปี เรื่อง “50 ปีมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี การวิจัยเพื่อการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น” เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ (อาคาร 35) มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี (ในรูปแบบออนไลน์) นั้น
บัดนี้ ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมการประชุมวิชาการระดับชาติวิจัยรำไพพรรณี ครั้งที่ 16 เนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ครบ 118 ปี เรื่อง “50 ปีมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี การวิจัยเพื่อการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงขอรายงานสรุปเนื้อหาและประโยชน์ที่ได้รับ ดังนี้
1. สรุปเนื้อหาที่ได้รับจากการเข้าประชุม/อบรม ฯลฯ
1.1 เข้ารับฟังการบรรยายพิเศษ เรื่อง “การวิจัยเพื่อการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล” โดย ศาสตราจารย์ ดร. พีระพงศ์ ทีฑสกุล ประธานอนุกรรมการด้านการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย กกอ. และคณะอนุกรรมการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
1.2 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “ฤทธิ์ต้านแบคทีเรียก่อโรคบางชนิดของสารสกัดหยาบเอทานอล จากเหง้ากระเจียว” โดย คุณอุมาพร ทาไธสง ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา โดยงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดหยาบเอทานอลจากเหง้ากระเจียวในการยับยั้งแบคทีเรียก่อโรค 5 ชนิดได้แก่ Bacillus subtilis TISTR 6633, Listeria monocytogenes DMST 17303, Salmonella Enteritidis ATCC 13076, Pseudomonas aeruginosa ATCC 27853 และ Proteus mirabilis ผลการทดสอบด้วยวิธี disc diffusion พบว่า สารสกัดหยาบเอทานอลจากเหง้ากระเจียวสามารถยับยั้งการเจริญของ B. subtilis TISTR 6633 และ L. monocytogenes DMST 17303 แต่ไม่สามารถยับยั้งการเจริญของ S. Enteritidis ATCC 13076, P. aeruginosa ATCC 27853 และ P. mirabilis เมื่อทําการหาค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ (minimal inhibitory concentration, MIC) ด้วยวิธีการ agar dilution พบว่า ค่า MIC ของสารสกัดหยาบเอทานอลจากเหง้ากระเจียวต่อ B. subtilis TISTR 6633 และ L. monocytogenes DMST 17303 เท่ากับ 1,250 และ 312.5 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ตามลําดับ ในขณะที่ S. Enteritidis ATCC 13076, P. aeruginosa ATCC 27853 และ P. mirabilis มีค่า MIC >5,000 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร
1.3 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “การพัฒนาสารอาหารทดแทนที่เหมาะสมเพื่อการผลิตเอทานอล” โดย คุณกรองจันทร์ รัตนประดิษฐ์ สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาโดยการนําแป้งไฮโดรไลเซตซึ่งได้จากการย่อยแป้งมันสําปะหลังด้วยเอนไซม์ มาทดแทนการใช้กากน้ำตาลเพื่อลดต้นทุนการผลิตเอทานอล โดยหาอัตราส่วนที่เหมาะสมระหว่างกากน้ำตาลต่อแป้งไฮโดรไลเซตในการเลี้ยงยีสต์ Saccharomyces cerevisiae M1 ในสูตรอาหารที่มีอัตราส่วนของกากน้ำตาลต่อแป้งไฮโดรไลเซต 90:10, 70:30, 50:50 และ 100:0 (ชุดควบคุม) ตามลําดับ พบว่าการใช้อัตราส่วน 50:50 ให้ผลผลิตเอทานอลสูงสุดคิดเป็นร้อยละ 10.22 โดยปริมาตรต่อปริมาตร
1.4 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “ผลของแสง LEDs ต่อการเจริญเติบโตและสารออกฤทธิ์กล้วยไม้เหลืองจันทบูร” โดย คุณพรพรรณ สุขุมพินิจ คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี โดยได้ทำการศึกษาการเลี้ยงกล้วยไม้หวายจันทบูรภายใต้แสงที่แตกต่างกัน คือ แสงฟลูออเรสเซนต์สีขาว, แสงสีส้ม (LEDs อัตราส่วน Warm white 165 ดวง : Red 60 ดวง), แสงสีม่วง (LEDs อัตราส่วน Red 165 ดวง : Blue 60 ดวง) และแสงสีชมพู (LEDs อัตราส่วน Red 77 ดวง : Blue 44 ดวง : Orange 77 ดวง : White 24 ดวง) เป็นระยะเวลา 4 เดือน พบว่า การเจริญเติบโตทางด้านความสูง และจํานวนใบไม่แตกต่างกันทางสถิติ (p0.05) แสงสีส้มมีแนวโน้มส่งผลให้มีความสูงและขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลําลูกกล้วยเฉลี่ยมากที่สุด (20.89 และ 0.74 เซนติเมตร ตามลําดับ) และแสงสีขาวมีแนวโน้มมีจํานวนใบมากที่สุด ผลการวิเคราะห์คุณสมบัติของสารสกัดกล้วยไม้ พบว่าปริมาณฟีนอลิกรวมของสารสกัดกล้วยไม้ที่เลี้ยงด้วยแสงสีขาวมีปริมาณมากที่สุดแต่ไม่แตกต่างจากสารสกัดที่เลี้ยงด้วยแสงสีส้ม เช่นเดียวกับปริมาณฟลาโวนอยด์รวมที่สารสกัดแสงสีขาวมีปริมาณใกล้เคียงกับสารสกัดกล้วยไม้ที่เลี้ยงด้วยแสงสีส้มและสีม่วง ส่วนฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระ พบว่าสารสกัดกล้วยไม้ที่เลี้ยงด้วยแสงสีส้มและสีม่วงให้ผลดีที่สุด จากผล การทดลองแสดงถึงแนวโน้มที่ดีในการเลี้ยงกล้วยไม้ภายใต้แสง LEDs เพื่อลดเวลาในการปลูก และสามารถควบคุมปริมาณ สารออกฤทธิ์ที่ต้องการได้เมื่อเทียบกับการปลูกในธรรมชาติ
1.5 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “ผลของความเค็มที่มีต่อการบริโภคออกซิเจนของลูกกุ้งขาวแวนนาไม ระยะโพสต์ลาวา” โดย คุณนงนุช ตั้งเกริกโอฬาร ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาบูรพา ได้ศึกษาอัตราการบริโภคออกซิเจนของลูกกุ้งขาวแวนนาไม ระยะโพสต์ลาวา (postlarva) ที่ระดับความเค็ม 0, 5, 10, 15, 20, 25, 30 และ 35 ส่วนในพันส่วน ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ลูกกุ้งที่ใช้ในการทดลองมีความยาวเฉลี่ย 0.830.20 เซนติเมตร และน้ำหนักเฉลี่ย 0.0131±0.0056 กรัม จากการศึกษาพบว่า อัตราการบริโภคออกซิเจน ต่อน้ำหนักของลูกกุ้ง 1 กรัม ที่ระดับความเค็ม 0, 5, 10, 15, 20 และ 25 ส่วนในพันส่วน มีค่าเท่ากับ 9.12, 11.59, 11.85, 9.76, 10.86 และ 9.68 µmol/h ตามลําดับ ซึ่งมีค่าต่ำกว่า อัตราการบริโภคออกซิเจนที่ระดับความเค็ม 30 และ 35 ส่วนในพันส่วน ซึ่งมีค่าเท่ากับ 14.46 และ 17.41 µmol/h ตามลําดับ เมื่อทําการทดสอบความแตกต่างทางสถิติ พบว่า อัตราการบริโภคออกซิเจนที่ระดับความเค็ม 0, 15, 20 และ 25 ส่วนในพันส่วน ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ แต่มีค่าต่ำกว่าของอัตราการบริโภคออกซิเจนที่ระดับความเค็ม 5, 10, 30 และ 35 ส่วนในพันส่วน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p < 0.05)
1.6 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “การใช้พรมมิ (Bacopa monnieri) ในอาหารปลาต่อการต้านเชื้อ Aeromonas sp. ในปลาหางนกยูง” โดย คุณสราวุธ แสงสว่างโชติ คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏรําไพพรรณี โดยได้ทำการศึกษาพืชน้ำในประเทศไทยสกุลพรมมิ (Bacopa monnieri) เพื่อใช้ในการเพิ่มภูมิต้านทานให้กับปลาหางนกยูง ด้วยการสกัดพรมมิอบแห้งโดยใช้เอธานอล แล้วนําสารที่ได้มาเคลือบอาหารเม็ด ที่ความเข้มข้น 0, 250, 500, 750 และ 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมอาหาร เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้ใช้พรมมิ ให้ปลากินอาหารเป็นเวลา 4 สัปดาห์ แล้วนํามาทดสอบทําให้ติดเชื้อกับแบคทีเรียแกรมลบ Aeromonas sp. ศึกษาอัตรา การรอดตาย พบว่าปลาหางนกยูงที่ได้รับอาหารผสมสารสกัดจากพรมมิสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรียได้ดีกว่าชุดการทดลองควบคุม โดยชุดการทดลองที่ให้ผลดีที่สุด คือ ชุดการทดลองที่ผสมสารสกัดพรมมิ 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมอาหาร
2. ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่
2.1 ได้รับความรู้และประสบการณ์จากการเข้าร่วมการประชุมวิชาการฯ
2.2 ได้รับความรู้เกี่ยวกับงานวิจัยในด้านต่างๆเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการเรียน การสอน และการทำงานวิจัย
2.3 เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในผลงานการวิจัยระหว่างบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ
3. ประโยชน์ต่อหน่วยงาน (ระดับงาน/หลักสูตร/คณะ)
จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการ และฟังการบรรยายในหัวข้อเรื่องต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยใหม่ๆ ของนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญ ความรู้ที่ได้จากการฟังบรรยาย ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อหลักสูตรและคณะ และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทั้งในด้านการเรียนการสอน โดยได้นำความรู้ที่ได้จากการฟังบรรยายดังกล่าวมาประยุกต์และถ่ายทอดให้แก่นักศึกษาและผู้ร่วมงาน ใช้ในการเรียนการสอนและงานวิจัย นอกจากนั้นยังได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ต่างๆ กับนักวิจัยที่เชี่ยวชาญ ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ต่อหลักสูตรและคณะเป็นอย่างยิ่งโดยจะช่วยทำให้การปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพต่อไป
|
คำสำคัญ :
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
522
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
อัจฉรา แกล้วกล้า
วันที่เขียน
26/3/2566 10:48:54
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
21/11/2567 1:28:52
|
|
|
ความรู้จากการเข้าร่วมอบรม/สัมมนา/ประชุมวิชาการ
»
ความรู้จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการระดับชาติวิจัยรำไพพรรณี ครั้งที่ 14 เนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีครบ 116 ปี “วิจัยนวัตกรรม สร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน”
|
จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการระดับชาติวิจัยรำไพพรรณี ครั้งที่ 14 เนื่องในวโรกาสคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีครบ 116 ปี “วิจัยนวัตกรรม สร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน” สรุปเนื้อหาที่ได้รับจากการเข้าประชุม/อบรม ฯลฯ ดังนี้
1. เนื้อหาที่ได้จากการเข้าร่วมประชุม
1.1 เข้ารับฟังการบรรยายพิเศษ เรื่อง “วิจัยนวัตกรรม สร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน” โดย ศาสตราจารย์ ดร.เทิดชาย ช่วยบำรุง ผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
1.2 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “การเตรียมวัสดุผสมไททาเนียมไดออกไซด์และไฮดรอกซีอะพาไทต์สำหรับใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการกำจัดแก๊สฟอร์มาลดีไฮด์บนวัสดุรองรับ” โดย คุณศุภกร เดโช มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
1.3 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงจากขยะพลาสติก” โดย อ.ร้อยทิศ ญาติเจริญ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
1.4 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “การหาสภาวะที่เหมาะสมในการผลิตน้ำตาลรีดิวซ์จากชีวมวลหญ้าดอกแดงโดยใช้เอนไซม์” โดย คุณ ณัฐธิดา ประภารัตน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
1.5 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “เจลพอลิเมอร์สำหรับประยุกต์ใช้เป็นอุปกรณ์วัดปริมาณรังสีในงานประจำ” โดย คุณ ธนกร ทองพุ่ม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
1.6 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “การเตรียมและลักษณะเฉพาะของเส้นใยนาโน PVP/SnO2 ด้วยเทคนิคอิเลกโทรสปินนิ่ง” โดย คุณ กชกร ยังให้ผล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
1.7 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “การวิเคราะห์แนวโน้มของอุณหภูมิในเขตเมืองและเขตชนบททางภาคเหนือของประเทศไทย” โดย ผศ.ดร. จุฑาพร เนียมวงษ์ มหาวิทยาลัยบูรพา
1.8 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “ผลของความเข้มข้นสารละลายไคโตซานต่อค่าการส่งผ่านแสงของฟิล์มบางไคโตซานที่สังเคราะห์ด้วยวิธีการจุ่มเคลือบ” โดย คุณ พทรา เหล่าพาณิชยางกูร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
1.9 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “การเตรียมและขึ้นรูปเส้นจากใบสับปะรดเพื่อนำไปเป็นวัสดุกรองอากาศสำหรับกำจัดแก๊สฟอร์มาลดีไฮด์” โดย คุณ ธนาภรณ์ วงษ์ธานี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
1.10 เข้ารับฟังการบรรยาย เรื่อง “ระบบควบคุมสภาพอากาศสำหรับโรงเรือนเพาะเห็ดเมืองหนาวขนาดเล็กด้วยไมโครคอนโทรลเลอร์” โดย ผศ. ชาคริต วินิจธรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
2. ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่
2.1 ได้รับความรู้และประสบการณ์จากการเข้าร่วมการประชุมวิชาการฯ
2.2 ได้รับความรู้เกี่ยวกับงานวิจัยในด้านต่าง ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการเรียน
การสอน และการทำงานวิจัย
2.3 เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในงานวิจัยระหว่างบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ
3. ประโยชน์ต่อหน่วยงาน (ระดับงาน/หลักสูตร/คณะ)
จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการ และฟังการบรรยายในหัวข้อเรื่องต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยใหม่ๆ ของนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญ ความรู้ที่ได้จากการฟังบรรยาย ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อหน่วยงาน และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทั้งในด้านการเรียนการสอน โดยได้นำความรู้ที่ได้จากการฟังบรรยายดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน และงานวิจัยที่กำลังดำเนินการอยู่ นอกจากนั้นยังได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ต่างๆ กับนักวิจัยที่เชี่ยวชาญ ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ต่อหน่วยงานเป็นอย่างยิ่ง โดยจะช่วยทำให้การปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพต่อไป
|
คำสำคัญ :
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
1465
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
อัจฉรา แกล้วกล้า
วันที่เขียน
3/10/2564 16:05:49
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
21/11/2567 14:00:31
|
|
|
ความรู้จากการเข้าร่วมอบรม/สัมมนา/ประชุมวิชาการ
»
ความรู้จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการระดับชาติ ประจำปี 2561 มหาวิทยาลัยแม่โจ้
|
การเข้าร่วมประชุมวิชาการระดับชาติประจำปี 2561 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ MJU Annual Conference 2018 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ วันที่ 11-13 ธันวาคม 2561 เป็นเวทีให้นักวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และทุนอื่น ๆ ได้นำเสนอผลงานวิจัยที่ปิดโครงการในรอบปี ให้แก่ประชาชน นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ บุคลากรในภาครัฐ และ ภาคเอกชน ตลอดจนร่วมนำเสนอโจทย์วิจัย รวมถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง การประชุมวิชาการระดับชาติ ประจำปี 2561 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ MJU Annual Conference 2018 นี้ ประกอบด้วยการนำเสนองานวิจัยทั้งภาคบรรยายและภาคโปสเตอร์ เช่น งานวิจัยเรื่อง การเตรียมไฮโดรเจลจากน้ำยางธรรมชาติโปรตีนต่ำสำหรับใช้เป็นวัสดุปิดแผล โดย อัจฉรา แกล้วกล้า เอกวิทย์ ตรีเนตร และ ไพโรจน์ วงศ์พุทธิสิน มีเนื้อหาสรุปดังนี้ งานวิจัยนี้ได้ประยุกต์ใช้เอนไซม์โปรติเอสจาก แบคทีเรีย Bacillus subtilis กำจัดโปรตีนในน้ำยาง แล้วนำน้ำยางที่ได้มาทดสอบการขึ้นรูปเป็นแผ่นไฮโดรเจลสำหรับใช้เป็นวัสดุปิดแผล ผลการทดลองพบว่า สามารถขึ้นรูปด้วยกำมะถัน และ N,N’ Methylene-bis-acrylamide ได้ และผลการทดสอบทางชีวภาพ พบว่าเอนไซม์โปรติเอสช่วยลดปริมาณโปรตีนจากน้ำยางธรรมชาติได้จริง และงานวิจัย เรื่อง การศึกษาลักษณะคุณภาพผลและรูปแบบโปรตีนในผลของลำไยพันธุ์ดอที่ปรากฏอาการผิดปกติทางสรีรวิทยาของผล โดย เอกวิทย์ ตรีเนตร วัลลภา คอนคำ อัจฉรา แกล้วกล้า วินัย วิริยะอลงกรณ์ และ อดิศักดิ์ จูมวงษ์ มีเนื้อหาสรุปดังนี้ งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาและพัฒนากระบวนการวิเคราะห์ด้านเคมีและรูปแบบโปรตีนของกลุ่มอาการความผิดปกติทางสรีรวิทยาของผล (โรคลำไยแดง) ในระยะผลอ่อนของลำไยพันธุ์ดอ ผลการศึกษาพบว่า ในระยะเริ่มแรกของการเกิดอาการของโรค ขนาดและน้ำหนักผลไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ในการศึกษา 1D gel พบโปรตีนบ่งชี้ ที่สามารถคืนสภาพการแสดงออกหลังการติดผล 30 สัปดาห์
|
คำสำคัญ :
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
2410
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
อัจฉรา แกล้วกล้า
วันที่เขียน
27/3/2562 22:02:06
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
21/11/2567 22:16:53
|
|
|
ความรู้จากการเข้าร่วมอบรม/สัมมนา/ประชุมวิชาการ
»
ความรู้จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการประจำปี 2560 มหาวิทยาลัยแม่โจ้
|
การเข้าร่วมประชุมวิชาการประจำปี 2560 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ MJU Annual Conference ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ เป็นเวทีให้นักวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และทุนอื่น ๆ ได้นำเสนอผลงานวิจัยที่ปิดโครงการในรอบปี ให้แก่ประชาชน นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ บุคลากรในภาครัฐ และ ภาคเอกชน ตลอดจนร่วมนำเสนอโจทย์วิจัย รวมถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
การประชุมวิชาการประจำปี 2560 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ MJU Annual Conference นี้ ประกอบด้วยการนำเสนองานวิจัยทั้งภาคบรรยายและภาคโปสเตอร์ เช่น งานวิจัยเรื่อง ผลของผงถ่านกัมมันต์จากกากกาแฟในอาหารไก่ไข่ต่อผลผลิตไข่และคุณภาพไข่ โดย รชานนท์ ธนภัทรพงศ์ บัวเรียม มณีวรรณ์ ทองเลียน บัวจูม อัจฉรา แกล้วกล้า และจุฬากร ปานะถึก มีเนื้อหาสรุปดังนี้ การปรับสีของไข่แดงด้วยการเสริมผงถ่านกัมมันต์จากกากกาแฟในอาหารไก่ไข่ ใช้แม่ไก่สายพันธุ์ ซี.พี.บราวน์ อายุ 104 สัปดาห์ จำนวน 120 ตัว ผลการศึกษาพบว่า การเสริมผงถ่านกัมมันต์จากกากกาแฟที่ระดับ 0.25 เปอร์เซ็นต์ มีแนวโน้มช่วยเพิ่มสีของไข่แดงในช่วง 5-8 สัปดาห์ของการทดลอง และงานวิจัย เรื่อง คุณสมบัติทางกายภาพและชีวภาพของแผ่นยางพาราที่ผลิตจากน้ำยางพาราโปรตีนต่ำ โดย ไพโรจน์ วงศ์พุทธิสิน ฐิตินันท์ รัตนพรหม อัจฉรา แกล้วกล้า พรพิทักษ์ วงศ์เปี้ยจันทร์ ศุภโรจน์ โรจนสุวรรณ และ สุภิญโญ ศรีวิภักดิ์ มีเนื้อหาสรุปได้ดังนี้ งานวิจัยนี้ได้ประยุกต์ใช้เอนไซม์โปรติเอสจาก แบคทีเรีย Bacillus subtilis กำจัดโปรตีนในน้ำยาง แล้วนำน้ำยางที่ได้มาทดสอบการขึ้นรูปเป็นแผ่นยางพาราสำหรับใช้เป็นแผ่นปิดแผล ผลการทดลองพบว่า สามารถขึ้นรูปด้วยกำมะถัน หรือ N,N’ Methylene-bis-acrylamide ผลการทดสอบทางชีวภาพ พบว่าเอนไซม์โปรติเอสช่วยลดปริมาณโปรตีนจากน้ำยางพาราได้จริง
|
คำสำคัญ :
|
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
|
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
2734
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
อัจฉรา แกล้วกล้า
วันที่เขียน
19/3/2561 22:38:13
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
21/11/2567 22:07:58
|
|
|
|