การเข้าร่วมงานประชุมวิชาการระดับชาติประจำปี 2561 เมื่อวันที่ 11-13 ธันวาคม 2561 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ขอนำเสนอสรุปเนื้อหาและการนำไปใช้ประโยชน์ของการเข้าร่วมประชุม ดังต่อไปนี้
ดิจิตอลพลิกโลกเกษตร
จำนวนประชากรโลกเพิ่มขึ้น แต่ผลผลิตทางการเกษตรและอาหารมีแนวโน้มเติบโตไม่ทันต่อความต้องการของประชากร การนำเทคโนโลยีดิจิตอลที่ทันสมัยมาใช้ทางด้านการเกษตร ที่เรียกว่า การเกษตรอัจฉริยะ หรือ การเกษตรแม่นยำ จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น โดยสามารถช่วยสร้างผลผลิตที่มีประสิทธิภาพในภาคการเกษตร โดยใช้พื้นที่ทางการเกษตรและทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด เทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะมีความก้าวหน้าไปอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และยุโรป เช่น การพัฒนาอุปกรณ์ตรวจจับการไหลผ่านของเมล็ดพืช เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ในประเทศเกาหลีใต้ได้ไปเรียนรู้และนำเทคโนโลยีมาพัฒนาปรับแต่งให้เข้ากับสภาพแวดล้อม โดยมีตัวเซนเซอร์ให้สามารถตรวจจับเมล็ดข้าวขนาดเล็ก และมีซอฟต์แวร์ควบคุมจังหวะการปล่อยเมล็ดข้าวลงไปเพาะในนาให้ถูกต้อง
การเปลี่ยนแปลงของโลกที่สำคัญ คือ การพลิกผัน (Disruption) ในอุตสาหกรรมหลัก ๆ และภาคการเกษตร เทคโนโลยีที่เป็น Megatrends ที่มีผลกระทบต่อการพลิกผัน เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), Big Data, IoT, 5G และ Robotics เป็นต้น ในทางการเกษตรจะมีการใช้เทคโนโลยี genomic engineering :ซึ่งมีการดัดแปลงพันธุกรรมพืช เช่น ข้าว ข้าวโพด เพื่อให้ปลูกได้ในสภาวะแห้งแล้ง ปลูกในพื้นที่ที่ไม่สามารถปลูกได้ เทคโนโลยี precision farming จะถูกนำมาใช้ในการเลี้ยงสัตว์ และปลูกพืช เช่น การควบคุมและวินิจฉัยโรค การให้ปุ๋ย ประเทศไทยมีนโยบายเรื่องการเกษตรอัจฉริยะออกมาแล้ว เหลือเพียงขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น
การพัฒนากรงไก่ไข่สำหรับนับจำนวนไข่และควบคุมการให้อาหาร
การนำเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายมาประยุกต์ใช้กับการเลี้ยงปศุสัตว์ และพัฒนาองค์ความรู้ ระบบประกอบด้วยกรงเลี้ยงไก่ไข่จำลอง และ Node MCU esp8266 ใช้สำหรับประมวลผลและส่งข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ เซนเซอร์ Reflective photoelectric เพื่อตรวจนับจำนวนไข่ไก่ มีการแสดงผลผ่านเว็บแอปพลิเคชัน ส่วนการให้อาหารไก่ควบคุมการเปิด-ปิด มอเตอร์เซอร์โวผ่านเว็บแอปพลิเคชัน
สมาร์ทฟาร์มเห็ดแม่โจ้
ระบบการผลิตเห็ดหลินจือที่นำเทคโนโลยีระบบการควบคุมและการแจ้งเตือนอัจฉริยะ ผ่านระบบอินเทอร์เนตโดยอัตโนมัติส่งไปยังสมาร์ทโฟน ทำให้ทราบสถานะในโรงผลิตเห็ด และสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที ระบบสมาร์ทฟาร์มเห็ดแม่โจ้ประยุกต์ใช้ loT ที่มีเซนเซอร์ตรวจวัดความชื้น และควบคุมการเปิดปิดน้ำที่ใช้ระบบสปริงเกอร์ชนิดหัวพ่นหมอก และมีระบบบันทึกข้อมูลความชื้น อุณหภูมิตลอดระเวลาการผลิตเห็ด
การบำบัดของเสียซูโครสจากอุตสาหกรรมอาหารทางชีวภาพ
เอนไซม์ลีแวนซูเครส (levansucrase) ย่อยสลายซูโครสได้เป็นกลูโคสและฟรุกโตสผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิส (hydrolysis) และเกิดเป็นสารลีแวน (levan) โดยปฏิกิริยาทรานส์ฟรุกโตซิลเลชัน (transfructosylation) ลีแวนมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมหลายด้าน เช่น เป็นสารให้ความหวานในอุตสาหกรรมอาหาร และเป็นสารต้านมะเร็งในทางเภสัชกรรม เป็นต้น การศึกษาการบำบัดของเสียของอุตสาหกรรมอาหารที่มีซูโครสเป็นองค์ประกอบด้วยเอนไซม์ลีแวนซูเครสจากจุลินทรีย์ Bacillus siamensis ที่คัดเลือกจากถั่วเน่า พบว่า สามารถลดปริมาณซูโครสลงได้
การคัดแยกแบคทีเรียจากตะกอนน้ำเสียของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม
การคัดแยกแบคทีเรียจากตะกอนน้ำเสียเพื่อใช้ผลิตพอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอต (Polyhydroxyalkanoate; PHA) โดยใช้กลีเซอรอลเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิตไบโอดีเซล (waste glycerol) เป็นแหล่งคาร์บอน พบว่า แบคทีเรียที่คัดแยกได้ คือ Bacillus cereus ซึ่งสามารถย่อยสลาย waste glycerol ที่ใช้เป็นแหล่งคาร์บอน สำหรับการผลิต PHA ได้ เพื่อลดต้นทุนในการผลิตไอโอพอลิเมอร์ต่อไปได้
ความสามารถในการแก้หมันของละออกเรณูในข้าว
การศึกษาความสามารถของยีนแก้หมันของละอองเรณูระบบ Wild Abortive Cytoplasmic Male Sterility (WA-CMS) ในข้าว โดยศึกษาความมีชีวิตของละออกเรณูและการติดเมล็ด ร่วมกับการใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอ พบว่า ข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ไม่มียีนแก้หมันระบบ WA-CMS แต่น่าจะมียีนแก้หมันของระบบ Boro II-CMS (BT-CMS) ดังนั้น ข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 จัดเป็นกลุ่ม B-line ของระบบ WA-CMS ที่น่าจะมียีนแก้หมันของระบบ BT-CMS โดยจะนำไปประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ข้าวลูกผสมต่อไป
สารประกอบฟีนอลิกและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดสาหร่ายไก
สาหร่ายไก (Rhizoclonium hieroglyphicum) เป็นสาหร่ายน้ำจืดสีเขียวเป็นอาหารพื้นบ้านของคนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย การวิเคราะห์หาปริมาณสารประกอบฟีนอลิกและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธีการขจัดอนุมูลอิสระเอบีทีเอส (ABTS radical scavenging activity) พบว่า สารสกัดสาหร่ายไกด้วยเอทานอลมีปริมาณสารฟีนอลิกสูงที่สุด ส่วนสารสกัดสาหร่ายไกด้วยน้ำมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระสูง จะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดในอุตสาหกรรมอาหารสุขภาพและเวชสำอางได้
องค์ประกอบฟีนอลิกและฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของใบดาหลา
ดาหลาเป็นพืชสมุนไพรในตระกูลขิงข่า ส่วนของใบประกอบด้วยสารพฤกษเคมีและฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญ สารสกัดใบดาหลาด้วยน้ำและตรวจวัดสารกลุ่มฟีโนลิกด้วยวิธี Folin-Ciocalteu method วิเคราะห์องค์ประกอบของสารกลุ่มฟีนอลิกด้วย LS/MS และวิเคราะห์ฤทธิ์ขจัดอนุมูลอิสระเอบีทีเอสและดีพีพีเอช พบว่า สารประกอบฟีนอลิกที่สำคัญ ได้แก่ isoquercetin, catechin และ gallic acid และสารสกัดใบดาหลามีประสิทธิภาพขจัดอมุมูลอิสระเอบีทีเอสและดีพีพีเอชได้ ดังนั้น ใบดาหลาเป็นแหล่งสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดเป็นวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้
ในการเข้าร่วมประชุมวิชาการครั้งนี้ทำให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ การใช้แบคทีเรียบำบัดของเสีย การปรับปรุงพันธุ์ข้าว และการวิจัยสารสกัดจากพืชที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการนำมาพัฒนาการเรียนการสอน และการทำงานวิจัยด้านการปรับปรุงพันธุ์พืชต่อไป
เอกสารอ้างอิง
รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติ ประจำปี 2561. วันที่ 11-13 ธันวาคม 2561. ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่.