ในการเข้าร่วมโครงการฝึกอบรม หลักสูตร “เทคนิคการเขียนบทความทางวิชาการเพื่อตีพิมพ์ในวารสารในประเทศและวารสารต่างประเทศ” โดยสรุปเนื้อหาที่ได้จากการอบรม มีรายละเอียดดังนี้
ได้รับฟังการบรรยายหัวข้อ “เทคนิคการเขียนบทความทางวิชาการเพื่อตีพิมพ์ในวารสารในประเทศและวารสารต่างประเทศ” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.โยธิน แสวงดี โดยประเด็นการบรรยายทั้ง ๒ วัน ประกอบด้วย
๑. การใช้ CHATGPT ในงานวิจัย
๒. การค้นหาวารสารเพื่อตีพิมพ์
๓. การเขียนบทคัดย่อ
๔. การเขียนบทนำ
๕. การเขียนระเบียบวิธีการวิจัย
๖. การเขียนผลการวิจัย
๗. การเขียนอภิปรายผลการวิจัย
๘. การเขียนบทสรุป
๙. การจัดทำตาราง
๑๐. การเขียนบรรณานุกรม
โดยวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ หัวข้อบรรยาย ประกอบด้วย การเขียนบทความวิจัยตีพิมพ์สำหรับ Scopus WOS ISI TCI : โดยการนำ Chat GPT เข้ามาช่วย โดยมีสาระดังนี้
การนำ Chat GPT Version 3.5 เข้ามาใช้ในการจัดทำบทความวิจัย แต่ทั้งนี้ผู้วิจัยจำเป็นต้องมีการตรวจทานข้อมูลที่ได้จากการป้อนคำสั่งใน Chat GPT โดยเราสามารถให้ Chat GPT ช่วยในการแนะนำขนาดตัวอย่าง วิธีการสุ่มตัวอย่าง สถิติสำหรับในการวิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัยของเรา ลักษณะการนำเสนอข้อมูล พร้อมประเภทตารางในการนำเสนอ แต่ทั้งนี้ข้อมูล และวิธีการวิเคราะห์ต้องเป็นไปตามระเบียบวิธีวิจัย และข้อมูลต่าง ๆ ต้องมาจากผู้วิจัยเป็นผู้คิดค้นเอง โดยมี Chat GPT เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกของเราเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำแทนได้ทุกอย่าง โดยกระบวนการทุกขั้นตอน จำเป็นต้องเป็นผู้วิจัยในการจัดการเองทั้งหมดเท่านั้น
หลังจากนั้นก็เป็นการบรรยายหัวข้อ การค้นหาวารสารเพื่อการตีพิมพ์ โดยให้เหมาะสมกับบทความวิจัยที่เราต้องการจะนำเสนอ อีกทั้งยังแนะนำวิธีการค้นหาวารสารที่มีค่า Impact และวารสารที่อยู่ในฐานต่าง ๆ และแนะนำหลักการเขียนบทความวิจัย โดยต้องใช้คำวิชาการในการนำเสนอ และ ๑ ย่อหน้า ต่อ ๑ ประเด็น ที่เราจะนำเสนอ โดยใน ๑ ย่อหน้านั้น จะต้องเป็น ๑ Tense (กรณีบทความเป็นภาษาต่างประเทศ) การเขียนเชื่อมโยงระหว่างย่อหน้ากับตาราง กราฟ และรูปภาพ และที่สำคัญการอ้างอิงต้องไม่ซ้ำ โดยหนึ่งเอกสารควรอ้างเพียงครั้งเดียว
สิ่งที่วิทยากรบรรยายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่วงวิชาการพึงตระหนัก และคำนึงถึง โดยกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการจะให้ความสำคัญอย่างมาก ได้แก่ ผลงานวิชาการต้องเป็นผลงานวิจัยใหม่ ได้ข้อค้นพบใหม่ ความแปลกใหม่ (Novelty) ความสามารถในการทำซ้ำผลวิจัย (Reproducibility) ที่เน้นการวัด ทวนสอบหลายครั้ง หลายวิธี แต่ต้องสื่อสารเอง ไม่คัดลอก โครงสร้างของต้นฉบับบทความที่มาตรฐานและใช้ทั่วไป ประกอบด้วย ชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง บทนำ แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ระเบียบวิธีวิจัย ผลการวิเคราะห์ข้อมูลและอภิปรายผล สรุปและข้อเสนอแนะ จำนวนหน้าโดยรวมประมาณ ๑๕ - ๒๕ หน้า และบรรยายเกี่ยวกับการจัดเตรียมบทความโดยเริ่มต้นในการเขียนบทความ โดยการเขียนบทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา รวมทั้งวัตถุประสงค์และตามด้วยแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยร้อยเรียงเข้ากับคำถามวิจัย (โจทย์วิจัย) โดยระบุความจำเป็นที่ต้องทำให้ชัดเจน ตามด้วยวัตถุประสงค์ของการวิจัย และระเบียบวิธีวิจัยโดยอธิบายถึงแหล่งข้อมูล ลักษณะข้อมูล ขนาดตัวอย่าง วิธีการสร้างตัวชี้วัด ระดับการวัดตัวแปร ตามด้วยการจัดทำบรรณานุกรม การเขียนกิตติกรรมประกาศ การจัดตาราง กราฟ รูปภาพ โดยให้กลมกลืนกับการนำเสนอในแต่ละประเด็น
โดยการบรรยายจะเป็นการซักถาม ตอบข้อซักถามในแต่ละประเด็น ขณะที่บรรยายในแต่ละหัวข้อ ทั้งสองวัน โดยมีการตั้งคำถามให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้ตอบคำถาม และถามคำถามในประเด็นที่มีข้อสงสัย โดยผู้เข้าร่วมประชุมได้มีคำถามเกี่ยวกับการทำวิจัย และแนวทางในการจัดเตรียมผลงานวิชาการเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติ