ทิศทางการทำงานภายใต้วิถีชีวิตใหม่ (NEW NORMAL)
จากการเข้าร่วมรับฟังการบรรยาย สามารถสรุปเป็นประเด็น. ทิศทางการทำงานภายใต้วิถีชีวิตใหม่ ดังนี้
- ไม่จำเป็นต้องมีออฟฟิศ อีกต่อไป กล่าวคือ เราสามารถดำเนินการทำงาน ณ สถานที่ใด ๆ ก็ได้ โดยทำผ่านระบบเครือข่าย ออนไลน์ เพิ่มมากขึ้น โดยทุก ๆ ที่สามารถเป็นออฟฟิศในการทำงานได้นั่นเอง
- มีความยืดหยุ่นในการทำงานค่อนข้างมาก โดยไม่จำเป็นต้องลงชื่อในการทำงาน แต่จะเน้นการทำผลงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของงานเพิ่มมากขึ้น
- มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทำให้เกิดความท้าทายที่จะลองเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ ๆ หรือโปรแกรม แอพพลิเคชั่นในรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองการทำงานภายใต้การเรียนการสอนแบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
- ต้องมีการคำนึงถึงสุขอนามัยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะยึดหลักการสวมใส่หน้ากากอนามัยเสมอ มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล หมั่นล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงที่ชุมนุมแออัด และหลีกเลี่ยงการพบปะพูดคุยกับกลุ่มเสี่ยง หรือผู้มีอาการป่วย เป็นต้น
- ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตในการทำงาน โดยการปรับเปลี่ยนมาทำงานที่บ้าน (Work from home) แทน รวมทั้งการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ การประชุมออนไลน์ โดยงดการเข้าร่วมชุมนุม พบปะระหว่างบุคคล เพื่อลดการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการระบาดค่อนข้างมาก
- ระบบ Social Media และ Internet จะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็น platform รูปแบบหนึ่งที่จะช่วยให้การสื่อสารระหว่างบุคคลเป็นไปได้ง่ายขึ้น
10 ทักษะที่ควรมีในยุค NEW NORMAL
1. ความสามารถแก้ปัญหาซับซ้อน (Complex Problem Solving) แก้ปัญหาด้วยมุมมองและวิธีที่หลากหลายเพื่อจัดการปัญหาที่ซับซ้อนมากกว่าเดิม
2. คิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) ใช้เหตุผลวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี-ข้อด้อยวิธีแก้ปัญหาได้อย่างมีระบบ
3. ความคิดสร้างสรรค์ (Creative) สร้างสรรค์ไอเดียแปลกใหม่ในการแก้ปัญหา เพิ่มทางเลือกมีทางออกในชีวิตมากขึ้น
4. บริหารจัดการคน (People Management) บริหารคนให้ตรงกับงาน และเติมแรงจูงใจให้สร้างผลงานได้ดีที่สุด
5. ความสามารถร่วมมือกับผู้อื่น (Coordinating with others) การจัดการพฤติกรรมของตัวเองให้ทำงานกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น
6. ทักษะความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) รับรู้ถึงพฤติกรรมของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว และเข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น
7. ทักษะการประเมินและตัดสินใจ (Judgment and Decision Making) ประเมินและตัดสินใจในการทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยใช้วิธีที่ถูกต้องและเหมาะสม
8. ทักษะมีใจรักการบริการ (Service Orientation) มีจิตอาสาและเสียสละ สามารถหาหาวิธีช่วยเหลือผู้อื่นอย่างกระตือรือร้น
9. ทักษะการเจรจาต่อรอง (Negotiation) ช่วยลดช่องว่างทางความคิด และประสานผลประโยชน์ให้ Win-Win ได้ทั้งสองฝ่าย
10. ทักษะความยืดหยุ่นทางความคิด (Cognitive Flexibility) ใช้หลักการหลากหลายเพื่อจัดลำดับและปรับวิธีการทำงานต่าง ๆ ด้วยความคิดที่สร้างสรรค์
แหล่งอ้างอิง : 10 ทักษะ ในยุค new normal ที่ควรมี! (coreandpeak.co.th)
เรียบเรียงโดย อาจารย์ ดร.ศิรศักดิ์ ศศิวรรณพงศ์
สาขาวิชาสถิติ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้