|
สรุปรายงานจากการอบรม
»
การประยุกต์ใช้เทคนิค Loop-mediated isothermal amplification (LAMP) ในงานวิจัย
|
ปัจจุบันเทคนิคทางอณูพันธุศาสตร์ได้เข้ามามีบทบาทในการทำประโยชน์กับงานหลายๆ ด้าน อาทิเช่น ด้านการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรค ด้านอุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงพันธุ์พืช การนำเทคนิคทางอณูพันธุศาสตร์เข้ามาช่วยเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม เริ่มจากการใช้เทคนิค Polymerase Chain Reaction เพิ่มชิ้นส่วนดีเอ็นเอเฉพาะส่วนที่ต้องการ ภายในระยะเวลาอันสั้นในหลอดทดลอง ซึ่งจะใช้เวลานานประมาณ 3-4 ชั่วโมง และมีความจำเป็นต้องใช้เครื่อง PCR ในการทำ ซึ่งไม่เหมาะกับห้องปฏิบัติการขนาดเล็ก หรือการทำงานภาคสนาม ดังนั้นจากข้อจำกัดดังกล่าวจึงได้มีการพัฒนาวิธีเพิ่มขยายยีนด้วยเทคนิค Loop-mediated isothermal amplification (LAMP) ขึ้นมา วิธีการนี้สามารถเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตได้ถึง 109 เท่า ภายในระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง การเพิ่มปริมาณ DNA จะใช้อุณหภูมิคงที่เพียงอุณหภูมิเดียว (60-65 ํC) โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่อง PCR และการ run gel electrophoresis มีการใช้ primers 4 ชุด หรือ 6 ชุด ที่จำเพาะต่อกับสาย DNA แม่พิมพ์ 6 ตำแหน่ง จึงทำให้มีความจำเพาะต่อการตรวจสอบสูง และทำการเพิ่มปริมาณ DNA โดยใช้เอนไซม์ Bst DNA polymerase สำหรับการตรวจสอบยีนที่เพิ่มขยายได้ ในเทคนิค LAMP จะเกิดสาร pyrophosphate เป็น by product ในปฏิกิริยา สารดังกล่าวสามารถจับกับ magnesium กลายเป็น magnesium pyrophosphate ซึ่งจะเกิด ตะกอนสีขาวขุ่น ไม่ละลายน้ำ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรืออาจยืนยันผลด้วยเครื่อง spectrophotometry หรือสารฟลูออเรสเซ็นต์ ซึ่งจะมีปริมาณมากหรือน้อยขึ้นกับปริมาณการเพิ่มขยายยีนนั้นๆ
|
คำสำคัญ :
LAMP, PCR, Loop-mediated isothermal amplification, เทคนิค LAMP
|
กลุ่มบทความ :
กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร
|
หมวดหมู่ :
กลุ่มงานช่วยวิชาการ
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
1247
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
วริศรา สุวรรณ
วันที่เขียน
27/9/2565 15:43:55
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
11/6/2566 6:48:31
|
|
|
สรุปรายงานจากการอบรม
»
การผลิตสื่อด้วยโปรแกรมขั้นพื้นฐานในยุคโควิด
|
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอนในทุกระดับการศึกษา ตั้งแต่โรงเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยนักเรียนและนักศึกษาจะต้องปรับตัวให้เข้ากับการเรียนการสอนในชีวิตปกติใหม่ (New Normal) รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกยุคดิจิทัล เช่นเดียวกับบทบาทของครูอาจารย์ที่ต้องปรับตัว รับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสอนโดยใช้สื่อต่างๆ ที่เหมาะสมกับการถ่ายทอดความรู้เพื่อสร้างความสนใจแก่ผู้เรียนในชั้นเรียน
“สื่อการเรียนรู้” (instructional media) มีบทบาทสำคัญมากในการจัดการการเรียนรู้ คุณสมบัติสำคัญของสื่อเปรียบได้กับการสื่อสาร โดยผู้สอนจะถ่ายทอดเนื้อหาต่างๆ ไปยังผู้เรียนโดยผ่านสื่อการเรียนรู้การผลิตสื่อในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ได้ง่ายสำหรับผู้ที่เริ่มต้น การผลิตสื่อโดยใช้โปรแกรมที่ติดมากับเครื่องคอมพิวเตอร์ ipad หรืออุปกรณ์อิเลกโทรนิกส์ต่างๆ น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับมือใหม่ที่เริ่มผลิตสื่อ เนื่องจากโปรแกรมเหล่านี้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งใช้ง่าย และไม่ยุ่งยาก แต่หากต้องการผลิตสื่อแบบมืออาชีพ อาจต้องใช้โปรแกรมที่สูงขึ้นเพื่อผลิตสื่อให้ตรงกับความต้องการ เช่น power point, canva, imovie, Loom, OBS และ DaVinci Resolve สื่อที่มีให้เลือกใช้ มีหลายโปรแกรมด้วยกัน โดยในแต่โปรแกรม จะมีข้อดีและข้อเสีย แตกต่างกันไป ดังนั้นควรเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการของตนเอง
|
คำสำคัญ :
การผลิตสื่อ, สื่อการเรียนรู้,
|
กลุ่มบทความ :
กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร
|
หมวดหมู่ :
กลุ่มงานช่วยวิชาการ
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
1110
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
วริศรา สุวรรณ
วันที่เขียน
29/9/2564 23:14:10
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
10/6/2566 22:43:04
|
|
|
|
|
|
|
สรุปรายงานจากการอบรม
»
การเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์เบื้องต้น
|
Cell culture หมายถึงการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์ขึ้นในหลอดทดลอง โดยใช้อาหารเลี้ยงเซลล์ที่แตกต่างกันตามชนิดของเซลล์ ปัจจุบันนักวิจัยได้นำเทคนิคการเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์มาใช้ในการทดสอบสิ่งต่างๆ เช่น การทดสอบยาต้านเชื้อจุลินทรีย์ การทดสอบวัคซีน การผลิตโปรตีนที่จำเพาะในเซลล์ และการทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์ เป็นต้น แทนการทดสอบในสัตว์โดยตรง ซึ่งมีความยุ่งยากในการควบคุมปัจจัยต่างในการดำเนินชีวิตของสัตว์ มีค่าใช้จ่ายสูง และยังต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัยในสัตว์ทดลอง ดังนั้นนักวิจัยจึงหันมาใช้แนวทางการทดสอบสิ่งต่างๆในเซลล์สัตว์ที่ทำการเพาะเลี้ยงขึ้นในหลอดทดลองแทน ประโยชน์ของการเลี้ยงเซลล์ในหลอดทดลองคือ สามารถควบคุมสภาวะแวดล้อมที่จะให้เซลล์อยู่ได้ เซลล์จะมีความเหมือนและมีลักษณะเฉพาะตัว ประหยัด และสามารถคาดเดาผลที่จะเกิดกับสัตว์ทดลองได้เมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยสารต่างๆ
|
คำสำคัญ :
การเพาะเลี้ยงเซลล์สัตว์
|
กลุ่มบทความ :
กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร
|
หมวดหมู่ :
กลุ่มงานช่วยวิชาการ
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
36000
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
วริศรา สุวรรณ
วันที่เขียน
5/9/2559 0:50:36
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
11/6/2566 2:28:04
|
|
|
สรุปรายงานจากการอบรม
»
กล้องจุลทรรศน์ชนิดหัวกลับที่ต่อกับชุดฟลูออเรสเซ็นต์
|
การศึกษา ค้นคว้า หรือการทำงานวิจัย โดยใช้กล้องจุลทรรศน์เป็นเครื่องมือพื้นฐานนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความรู้เกี่ยวการเลือกใช้กล้องจุลทรรศน์ให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการศึกษา อีกทั้งควรมีทักษะการใช้เครื่องมือ และการดูแลรักษาที่ถูกต้อง จะช่วยทำให้ผลการทดลองเป็นที่น่าเชื่อถือ และเป็นการยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือต่างๆอีกด้วย
การใช้งานกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง ชนิดหัวกลับ เป็นกล้องที่มี objective Len อยู่ใต้ตัวอย่าง กล้องประเภทนี้เหมาะกับตัวอย่างที่เกาะติดอยู่บริเวณผิวก้นหลอด ได้แก่ เซลล์เม็ดเลือด แต่การดูเซลล์ผ่านกล้องจุลทรรศน์ชนิดหัวกลับ จะสามารถสังเกตเห็นรูปร่างลักษณะภายนอกเซลล์เท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆภายในเซลล์ได้ ดังนั้นหากต้องการมองเห็นลักษณะภายในเซลล์ ต้องใช้ชุดฟลูออเรสเซ็นต์เข้ามาช่วย เราจึงเรียกกล้องประเภทนี้ว่า กล้องจุลทรรศน์หัวกลับพร้อมชุดฟลูออเรสเซ็นต์ นิยมใช้ศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ที่มีคุณสมบัติสามารถเรืองแสงหรือเปล่งแสงได้ เมื่อได้รับพลังงานแสงจากแหล่งกำเนิดที่มีพลังงานสูง เช่นแสง UV ซึ่งเป็นแสงที่มีความยาวคลื่นต่ำ ทำให้เป็นแสงที่มีพลังงานสูง เมื่อแสงถูกปล่อยให้ไปกระทบกับวัตถุที่มีความสามารถดูดกลืนแสงได้ วัตถุจะปลดปล่อยพลังงานออกมา ในลักษณะที่เป็นแสงที่ตาเรามองเห็นได้ (visible light)
|
คำสำคัญ :
กล้องจุลทรรศน์
|
กลุ่มบทความ :
กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร
|
หมวดหมู่ :
กลุ่มงานช่วยวิชาการ
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
4932
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
วริศรา สุวรรณ
วันที่เขียน
13/3/2559 14:46:12
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
11/6/2566 7:14:57
|
|
|
|
สรุปรายงานจากการอบรม
»
การใช้ Flow Cytometry ในการศึกษาโครโมโซมในเซลล์พืช
|
Flow cytometry เป็นวิธีการที่ใช้ในการตรวจวิเคราะห์เซลล์ ด้วยการฉายแสงเลเซอร์ลงสู่เซลล์ที่ผ่านการย้อมสารเรืองแสง แล้ววัดการเรืองแสงที่เกิดขึ้นบนผิวเซลล์หรือภายในเซลล์ โดยแต่ละเซลล์จะถูกบีบให้เคลื่อนที่ผ่านเครื่องทีละ 1 เซลล์ หรือเป็นเซลล์เดี่ยวๆ เทคนิคนี้มีความไวสูง และสามารถตรวจวัดเซลล์ได้เป็นจำนวนมากด้วยความรวดเร็ว เครื่องจะทำการแปลสัญญาณแสงที่หักเห และสะท้อนกลับ ออกมาเป็นกราฟ การอ่านผลจะต้องเปรียบเทียบกับกราฟมาตรฐาน จึงจะสามารถบอกความแตกต่างของตัวอย่างได้ มีการประยุกต์ใช้เทคนิค Flow cytometry ในงานต่างๆ เช่น การตรวจหาความผิดปกติในโครโมโซม การตรวจหาเซลล์มะเร็งเพื่อติดตามผลการรักษา การตรวจหา Autoantibodies บนผิวเซลล์ในโรค Autoimmune ต่างๆ การทดสอบประสิทธิภาพของยาที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เป็นต้น สำหรับงานวิจัยทางพืชได้มีการนำ Flow cytometry มาใช้ในการศึกษาปริมาณ DNA และจำนวนชุดโครโมโซมในกล้วยไม้
|
คำสำคัญ :
flow cytometry
|
กลุ่มบทความ :
กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร
|
หมวดหมู่ :
กลุ่มงานช่วยวิชาการ
|
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
14363
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
|
ผู้เขียน
วริศรา สุวรรณ
วันที่เขียน
15/3/2558 22:03:55
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
9/6/2566 1:36:07
|
|
|
|