ระบบตรวจสอบภายในตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล
วันที่เขียน 26/7/2561 16:22:28     แก้ไขล่าสุดเมื่อ 24/4/2567 10:03:35
เปิดอ่าน: 2309 ครั้ง

วัตถุประสงค์ของการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลมีขึ้นเพื่อคุ้มครองทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต (เกษตรกร) โดยผู้บริโภคต้องการสินค้าที่มีคุณภาพดีและมีการผลิตที่เป็นมิตรต่อส่งแวดล้อม และในส่วนของผู้ผลิตคือเกษตรกรต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้เพื่อที่จะสามารถขายสินค้าได้ ซึ่งการรับรองคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรที่ผลิตขึ้นตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลมีข้อกำหนดพื้นฐานที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้การรับรองมาตรฐานเป็นไปอย่างราบรื่น

ในประการแรกต้องทำความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลว่ามีขึ้นเพื่อคุ้มครองทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต (เกษตรกร) โดยผู้บริโภคต้องการสินค้าที่มีคุณภาพดีและมีการผลิตที่เป็นมิตรต่อส่งแวดล้อม และในส่วนของผู้ผลิตคือเกษตรกรต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้เพื่อที่จะสามารถขายสินค้าได้ ซึ่งการรับรองคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรที่ผลิตขึ้นตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลมีข้อกำหนดพื้นฐานคร่าวๆ ดังต่อไปนี้

 

  1. ห้ามไม่ให้มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ใดๆ   : หลักการของเกษตรอินทรีย์คือการพึ่งตนเองและความอุดมสมบูรณ์นั้นต้องหมุนเวียนมาจากไร่นาของตนเอง เช่นการใช้ปุ๋ยหมักจากมูลสัตว์และพืช ตลอดจนการปลูกพืชหมุนเวียน
  2. ห้ามไม่ให้มีการใช้สารกำจัดศัตรูพืชใดๆ เช่นสารกำจัดวัชพืช ยาฆ่าแมลง สารกำจัดโรคพืชเป็นต้น โดยมีข้อยกเว้นในกรณีของผลิตภัณฑ์ไล่แมลงและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติบางชนิด เช่น สะเดา
  3. สร้างความหลากหลายโดยการปลูกพืชหมุนเวียนหรือการปลูกพืชร่วม (ไม่ใช่พืชเชิงเดี่ยว) : หลีกเลี่ยงการเผาและพิจารณาถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่นห้ามทิ้งขยะเรี่ยราด ห้ามทำลายพื้นที่หน้าดิน และห้ามทำลายป่าอนุรักษ์ เป็นต้น
  4. ให้ใช้เมล็ดพันธ์อินทรีย์โดยการเก็บเมล็ดพันธ์เอง หรือนำเมล็ดมาจากกลุ่มเกษตรกรอินทรีย์
  5. ป้องกันการปนเปื้อน เช่น สารเคมีที่มาจากการพ่นจากแปลงข้างเคียง หากแปลงข้างเคียงมีการใช้สารเคมี ยังสามารถทำเกษตรอินทรีย์ได้ แต่ต้องมีวิธีป้องกันไม่ให้มีการปนเปื้อนจากการใช้สารเคมีของที่นาใกล้เคียง
  6. ปรับเปลี่ยนแปลงนาที่มีทั้งหมดให้เป็นนาอินทรีย์ ห้ามไม่ให้มีการผลิตแบบคู่ขนาน โดยเกษตรกรรายเดียวกันไม่สามารถปลูกพืชชนิดเดียวกันทั้งที่เป็นอินทรีย์และไม่เป็นอินทรีย์ แม้ว่าแปลงการผลิตจะเป็นคนละแปลงก็ตาม
  7. ก่อนจำหน่ายผลผลิตอินทรีย์ได้นั้น จะต้องผ่านระยะปรับเปลี่ยนเป็นเวลาสามปี
  8. การแยกผลผลิตและการแสดงฉลาก : การเก็บผลผลิตอินทรีย์จะต้องแยกจากผลผลิตสถานภาพอื่นในทุกระยะ เริ่มตั้งแต่การเก็บเกี่ยว ตากและจัดเก็บ ต้องมีการแสดงฉลากและสัญลักษณ์ผลผลิตอินทรีย์ในระหว่างการจัดเก็บและขนส่งทุกครั้ง โดยฉลากและสัญลักษณ์ต้องระบุแหล่งที่มา (เช่น ชื่อ รหัสเกษตรกร รหัสแปลง) สถานภาพ (เช่นอินทรีย์หรือปรับเปลี่ยน) และผู้ให้การรับรอง
  9. การบันทึกและจัดเก็บเอกสาร : มาตรฐานกำหนดให้เกษตรกรต้องทำบันทึกฟาร์มและการผลิต โดยบันทึกอาจเป็นรูปแบบอย่างง่าย เหมาะสมต่อการใช้งานของเกษตรกร แต่จำเป็นต้องบันทึกเหตุการณ์ในปัจจุบันและบันทึกอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนเก็บรักษาไว้เพื่อการตรวจสอบทั้งจากภายในและภายนอก

10.ข้อตกลงและการให้ความร่วมมือกับกาตรวจสอบภายในและภายนอก

 

ในปัจจุบันหลายประเทศได้กำหนดมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ให้เป็นภาคบังคับทางกฎหมาย เช่น EC834/2007 (สหภาพยุโรป) NOP/USDA (ประเทศสหรัฐอเมริกา) Canada Organic Productions Regulation SOR/2009-176 (ประเทศแคนาดา) เป็นต้น แม้ว่ามาตรฐานของแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่โดยภาพรวมจะมีความคล้ายคลึงกันและอ้างอิงตามการนิยาม “เกษตรอินทรีย์” ที่กำหนดขึ้นโดยกลุ่มเคลื่อนไหวด้านเกษตรอินทรีย์ที่ประกอบด้วยผู้ผลิตและผู้เกี่ยวข้องจากทั่วโลกในนามสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ หรือ IFOAM นั่นเอง

 

ตลาดเกษตรอินทรีย์มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่องโดยตลาดใหญ่ที่สุดคือสหรัฐอเมริกา โดยคิดเป็น 46% ของส่วนแบ่งตลาดทั้งหมด รองลงมาคือเยอรมัน ฝรั่งเศส ในส่วนของทวีปเอเชียคือประเทศจีนโดยคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 7% (ที่มา FiBL-AMI, 2018) หากเกษตรกรไทยต้องการส่งสินค้าอินทรีย์ออกไปยังประเทศคู่ค้าใด จะต้องทำการขอรับรองมาตรฐานของประเทศนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่นหากได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของสหรัฐอเมริกา จะไม่สามารถใช้ได้กับมาตรฐานของยุโรป ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องมีการรับรองมาตรฐานให้ตรงกับประเทศที่ต้องการจะส่งสินค้าไปจำหน่าย โดยปกติการขอรับรองมาตรฐานยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะสามารถทำพร้อมกันได้ เนื่องจากข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินงานสอดคล้องกัน

 

โดยภาพรวมนอกจากการทำเกษตรอินทรีย์จะส่งผลดีต่อผู้ผลิตโดยตรง เนื่องจากไม่ต้องสัมผัสสารเคมีที่เป็นอันตราย รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยหลักการเกษตรกรรมที่เป็นมิตรต่อส่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการส่งออกและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรอีกด้วย ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้ผู้ผลิตทำการเพาะปลูกแบบอินทรีย์     

คำสำคัญ :
กลุ่มบทความ :
หมวดหมู่ :
แชร์ :
https://erp.mju.ac.th/acticleDetail.aspx?qid=813
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)
ไม่มีข้อมูลตามเงื่อนไขที่ท่านกำหนด
รายการบทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หมวดหมู่ : กลุ่มงานสายวิชาการ
การเผยแพร่ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการ/อบรม/สัมมนา » การประชุมวิชาการระดับชาติ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ครั้งที่ 5 มหาวิทยาลัยแม่โจ้
การประชุมวิชาการระดับชาติ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ครั้งที่ 5 ในวันที่ 28 มีนาคม 2567 เวลา 08.00 - 17.00 น. ณ ห้องเอกภพวิทยา ชั้น G อาคารจุฬาภรณ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งจัดโดย...
ChatGPT  การประชุมวิชาการ  เทคโนโลยี  วิทยาศาสตร์  สิ่งแวดล้อม     กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร   กลุ่มงานสายวิชาการ
ผู้เขียน พิกุล ศรีดารัตน์  วันที่เขียน 11/4/2567 15:19:10  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 24/4/2567 9:34:29   เปิดอ่าน 24  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง
รายงานสรุปเนื้อหาและการนำไปใช้ประโยชน์จากการเข้าอบรม สัมมนาหรือประชุมวิชาการ » รายงานสรุปเนื้อหาและการนำไปใช้ประโยชน์จากการเข้าร่วมและนำเสนอผลงาน การประชุมวิชาการระดับชาติ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ครั้งที่ 5
รายงานสรุปเนื้อหาและการนำไปใช้ประโยชน์จากการเข้าร่วมและนำเสนอผลงาน การประชุมวิชาการระดับชาติ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ครั้งที่ 5
รายงานสรุปเนื้อหา     กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร   กลุ่มงานสายวิชาการ
ผู้เขียน ศิริพร สมุทรวชิรวงษ์  วันที่เขียน 2/4/2567 16:14:15  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/4/2567 16:56:52   เปิดอ่าน 41  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง
การจัดการองค์ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมประชุม อบรม สัมมนา » เทคนิคการเขียนบทความทางวิชาการเพื่อตีพิมพ์ในวารสารในประเทศและวารสารต่างประเทศ
การเขียนบทความทางวิชาการเพื่อให้ได้ตีพิมพ์ในวารสารในประเทศและวารสารต่างประเทศนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นสำหรับบุคลากรสายวิชาาร เนื่องจากหลังจากที่ทำการศึกษา วิจัย ค้นคว้า ทดลองสิ่งใหม่ ๆ ๆได้แล...
Chat GPT  บทความวิชาการ  วารสาร     กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร   กลุ่มงานสายวิชาการ
ผู้เขียน ศิรศักดิ์ ศศิวรรณพงศ์  วันที่เขียน 4/3/2567 10:52:45  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 24/4/2567 6:48:57   เปิดอ่าน 76  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง