การบรรยายโดยวิทยากร
หัวข้อ “ประเภทและองค์ประกอบเพื่อการเตรียมผลงานวิจัย (Scientific disclosure; types and anatomy) โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศิวพร มีจู สมิธ วิทยากรกล่าวถึง เหตุผลของการตีพิมพ์หรือนำเสนอผลงานวิจัย ซึ่งประกอบด้วย ๒ เหตุผล หลัก ๆ คือ
๑. เหตุผลส่วนตัว (Personal gain) อาทิ เพื่อการขอสำเร็จการศึกษา เพื่อสร้างผลงาน เพื่อเป็นที่ชื่นชม และเพื่อหารายได้
๒. เหตุผลสาธารณะ (Public gain) อาทิ เพื่อการเผยแพร่องค์ความรู้ที่ค้นพบอันจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
จากนั้นกล่าวถึง ประเภทของการเผยแพร่ผลงานวิจัย ซึ่งมี ๓ ประเภทหลัก ๆ คือ
๑) โปสเตอร์ (poster)
๒) การนำเสนอในการประชุมวิชาการ (presentation) และ
๓) การตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ (publication)
โดยขยายความเกี่ยวกับเตรียมความพร้อมของประเภทการเผยแพร่ผลงานวิจัยต่าง ๆ อาทิ
โปสเตอร์ มีโครงสร้างหลักอยู่ ๕ ส่วน คือ บทนำ (Introduction) วิธีการ (methods) ผลการวิจัยหรืออภิปรายผล (results/discussion) การสรุปผล (conclusion) และการอ้างอิง (literature cited)
การนำเสนอในการประชุมวิชาการ มีหลักที่สำคัญที่ต้องพึงระวัง คือ รู้เวลาในการนำเสนอ รู้ว่าผู้ฟังคือใคร ควรใช้เวลาต่อหน้านำเสนอเพียง ๑ นาที ไม่ควรนำเสนอด้วยการอ่านจากหน้านำเสนอ และควรเตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่เป็นไปได้ที่จะได้รับจากผู้ฟัง
การตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ วิทยาการได้เน้นและขยายความเกี่ยวกับหัวข้อนี้ อาทิ
ข้อควรระวังก่อนการส่งตีพิมพ์ เช่น ควรตรวจสอบว่าเคยนำส่วนใดส่วนหนึ่งของผลงานวิจัยไปเผยแพร่หรือไม่ เป็นต้น
การเตรียมความพร้อมบทความวิจัย
๑) หัวข้องานวิจัย สามารถตั้งชื่อหัวข้องานวิจัยได้ ๓ รูปแบบหลัก คือ อิงสมมติฐาน (Hypothesis) อิงวิธีการ (Methods) และอิงผลลัพธ์ (Results)
๒) บทคัดย่อ (Abstract) ควรเขียนให้ชัดเจนและครอบคลุมงานวิจัยที่เป็นหลักสำคัญทั้งหมด เนื่องจากบทคัดย่อเป็นด่านแรกที่ผู้อ่านงานวิจัยพบเจอก่อน โดยอาจยึดหลักสำคัญ ดังนี้
๒.๑) บอกถึงวัตถุประสงค์ของงานวิจัย
๒.๒) อธิบายถึงวิธีการหรือเทคนิคที่ใช้ในงานวิจัย
๒.๓) แสดงผลลัพธ์ที่สำคัญ ๆ
๒.๔) สรุปผลลัพธ์ที่ได้
ข้อแนะนำในการเขียนบทคัดย่อเป็นภาษาอังกฤษ ๑) ควรใช้ Past tense ๒) ควรใช้ภาษาที่มีความชัดเจนไม่คลุมเครือ ๓) แสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจน ๔) ไม่ควรใช้คำโอ้อวดเกินจริง และ ๕) ไม่ควรใช้คำ อาทิ better, faster, larger, more effective, more variable เป็นต้น
๓) รูปภาพ (Figure) ควรใช้สีน้อยที่สุด ภาพและตัวอักษรที่แสดงในภาพมีความคมชัด เป็นต้น
หัวข้อ “สาระน่ารู้ การแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับขั้นตอนการส่งผลงานวิจัยเพื่อรับการประเมินสำหรับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ (Manuscript submission: Peer-review in practice and tips) โดย โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศิวพร มีจู สมิธ วิทยากรกล่าวถึง Peer review ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งที่สำคัญในการตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารวิชาการที่สำคัญ โดยได้แสดงถึงสถิติของการ ตอบรับบทความวิจัย อาทิ ได้รับการตอบรับแต่ให้ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำร้อยละ ๔๑ ปฏิเสธหลังจากพิจารณาบทความร้อยละ ๓๐ เป็นต้น จากนั้นกล่าวถึง การเลือกวารสารวิชาการที่จะตีพิมพ์ควรต้องพิจารณาหลักสำคัญ ๆ ได้แก่ ควรเลือกตีพิมพ์ในวารสารที่ความเกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่ทำเป็นอันดับแรก ต่อมาให้พิจารณาขอบเขตของงานวิจัย พิจารณาจากชื่อเสียงของวารสาร และอันดับสุดท้ายพิจารณาที่ค่า Impact factor ฯลฯ
การอบรมเชิงปฏิบัติการ
หัวข้อ “การเขียนถึงเนื้อความของเขาให้เป็นประโยคของเรา (Paraphrasing) โดย Dr. Christopher B. Smith วิทยากรได้บรรยาย การคัดลอกงานวิจัย (paraphrasing) ที่ผู้วิจัยหรือผู้เขียนบทความวิจัยที่จะต้องให้ความสำคัญ โดยให้ความหมายของ Paraphrasing ว่าเป็นการคัดลอกหรืออ้างถึงคำ (word) ความคิด (idea) ของบุคคลอื่นมาเป็นของตนเอง โดยการคัดลอกงานวิจัยมักพบเจอได้ ๔ รูปแบบ คือ ๑) คัดลอกหรือนำงานของผู้อื่นมาอ้างอิงโดยขาดการอ้างอิง ๒) การใช้ความคิดของผู้อื่นโดยขาดการให้เครดิต ๓) การอ้างอิงหรือให้เครดิตที่ไม่เพียงพอ ๔) การนำข้อความของผู้อื่นโดยขาดการใช้เครื่องหมาย quotation (“…”) เป็นต้น และกล่าวถึงเทคนิคการนำเนื้อความของบุคคลอื่นมาประยุกต์ให้เป็นประโยคของเรา โดยการให้ผู้เข้าร่วมการอบรมได้ลองปฏิบัติจริง อาทิ การเปลี่ยนเอกพจน์ (singular) ไปเป็น พหูพจน์ (plural) การเปลี่ยนรูปแบบการเขียนโดยการสรุปสาระสำคัญ เป็นต้น