สำหรับการนำเสนอผลงานวิจัยหัวข้อที่สนใจ มีดังนี้
(1) หัวข้อวิจัยด้านเทคโนโลยีการปลูกพืชไร้ดิน ระบบไฮโดรโปนิกส์ เช่น
- “ผลของวัสดุปลูกต่อการเจริญเติบโตของใบพายอัลบิดา (Cryptocoryne albida)” ใบพายอัลบิดาเป็นพรรณไม้น้ำสวยงามเฉพาะถิ่นของไทยที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่การขยายพันธุ์ในธรรมชาติค่อนข้างช้า งานวิจัยนี้ใช้เทคโนโลยีการปลูกพืชไร้ดินแบบ Deep flow technique (DFT) พบว่าฟองน้ำสีดําเป็นวัสดุปลูกที่เหมาะสมที่สุด โดยส่งผลให้มีความยาวรากเพิ่มขึ้นสูงสุดอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ เนื่องจากฟองน้ำสีดํามีคุณสมบัติที่ดีต่อการปลูกพรรณไม้น้ำ เพราะมีรูพรุนไม่อัดแน่นรากสามารถชอนไชง่าย มีช่องว่างในการแลกเปลี่ยนอากาศกับราก จึงช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตได้ดี
- “ผลการเพิ่มแอมโมเนียมไนเตรทในสารละลายธาตุอาหาร KMITL 2 ต่อการเจริญเติบโต และสารสำคัญของพรรณไม้น้ำพรมมิ (Bacopa monnieri) ในระบบปลูกพืชไร้ดิน” พรมมิเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณรักษาโรค บํารุงสมอง และต้านอนุมูลอิสระ งานวิจัยนี้ศึกษาผลของระดับความเข้มข้นแอมโมเนียมไนเตรทในสูตรสารละลายธาตุอาหาร KMITL 2 ต่อการเจริญเติบโตของพรมมิในระบบปลูกพืชไร้ดิน พบว่า ความเข้มข้นที่ 1 และ 2 mEq/L มีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของลำต้น จำนวนกิ่ง น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในขณะที่ความเข้มข้นที่ 5 mEq/L และถูกสกัดด้วยเอทานอล 95% มีปริมาณสาระสำคัญมากที่สุดทั้งฟีนอลทั้งหมด ฟลาโวนอยด์ทั้งหมด ซาโปนินทั้งหมด
- “ผลของชนิดพลาสติกฟิล์มต่อการเจริญเติบโต คุณภาพและผลผลิตของผักกาดหอม” คุณภาพและผลผลิตของผักกาดหอมขึ้นอยู่กับพลาสติกคลุมหลังคาโรงเรือน งานวิจัยนี้ทดสอบผลของพลาสติกคลุมหลังคาที่มีสเปกตรัมแสงแตกต่างกันต่อการเจริญเติบโตของผักกาดหอมที่ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์แบบ Nutrient Film Technique (NFT) พบว่าการปลูกภายใต้พลาสติกสีเหลืองมีผลทําให้ผักกาดหอมทั้ง 2 พันธุ์ ได้แก่ เรดโอ๊คและกรีนโอ๊ค ให้ผลผลิตสูงที่สุด
(2) หัวข้อวิจัยด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เช่น
- “ผลของระยะเวลาการเตรียมอับละอองเกสรร่วมกับความเข้มข้นของ 2,4-D ต่อการเพาะเลี้ยงอับละอองเกสรพริกลูกผสมชั่วที่ 1 พันธุ์ปากคลอง” การเพาะเลี้ยงอับละอองเกสรเป็นวิธีการสร้างสายพันธุ์ดับเบิลแฮพลอยด์ (double haploid) ซึ่งเป็นพืชสายพันธุ์แท้ งานวิจัยนี้ศึกษาผลของระยะเวลาการเตรียมอับละอองเกสรร่วมกับความเข้มข้นของ 2,4-D ต่อการเพาะเลี้ยงอับละอองเกสร พบว่า คือ อาหารสูตร C ที่เติม 2,4-D 0.1 มก/ล ร่วมกับไคเนติน 1 มก/ล เพาะเลี้ยงในที่มืดอุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส ระยะเวลา 6 วัน มีความเหมาะสมต่อการชักนําให้ไมโครสปอร์มีการพัฒนาเป็นเอ็มบริโอ
- “การศึกษาชนิดและความเข้มข้นของสารเคมีที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของเนื้อเยื่ออ้อยระบบเปิด” งานวิจัยนี้ศึกษาหาชนิดและความเข้มข้นของสารฆ่าเชื้อต่อการยับยังเชื้อจุลินทรีย์ในสภาพห้องปฏิบัติการ และเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่ออ้อย พบว่า Sodium hypochlorite 10, 15 และ 20 มก/ล สามารถควบคุมการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ได้ดีและมีความเป็นพิษต่อเนื้อเยื่ออ้อยต่ำที่สุด นอกจากนี้ทดสอบการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่ออ้อยในอาหารสูตร MS ที่ไม่ได้นึ่งฆ่าเชื้อ ที่เติมไคเนติน 1 มก/ล กรดซิตริก 150 มก/ล ร่วมกับ Sodium hypochlorite 15 และ 20 มก/ล พบการเจริญเติบโตและการพัฒนาของเนื้อเยื่ออ้อยที่ดีและไม่แตกต่างจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อแบบดั้งเดิม
(3) หัวข้อวิจัยด้านสรีรวิทยาของพืช เช่น
- “ผลของไคโตซานต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวภายใต้สภาพขาดน้ำ” ไคโตซานสามารถใช้เพื่อกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้พืชที่อยู่ในสภาวะเครียดจากสภาพแวดล้อมที่เกิดจากการขาดน้ำ งานวิจัยนี้ศึกษาผลของการฉีดพ่นไคโตซานต่อประสิทธิภาพการให้ผลผลิตของข้าวภายใต้สภาพขาดน้ำ พบว่า การฉีดพ่นไคโตซานแก่ข้าวที่ขาดน้ำในระยะออกรวงสามารถเพิ่มผลผลิตของข้าวได้สูงขึ้นกว่า 56% เมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ฉีดพ่นไคโตซาน