ตามที่คณะวิทยาศาสตร์ ได้อนุญาตให้ข้าพเจ้าเข้าร่วมฟังบรรยายการจัดการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังผู้เรียน มีความคิดใหม่ความคิดสร้างสรรค์ การคิดค้นนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องกับการออกแบบการจัดการเรียนการสอนตามเกณฑ์ AUN-QA V.4 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ห้องประชุม 2 อาคารจุฬาภรณ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้นั้น
บัดนี้ ข้าพเจ้าได้เข้าร่วมฟังบรรยายดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงขอรายงานสรุปเนื้อหาและประโยชน์ที่ได้รับ ดังนี้
ความคิดสร้างสรรค์ จะเกิดขึ้นได้ต้องมีองค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่เหมาะสม เช่น การอดทน ไม่ท้อถอย กล้าลงมือทำ กล้าแสดงออก เป็นต้น หลักการในการสอนให้นักศึกษาเกิดความคิดสร้างสรรค์ มีดังนี้
- ต้องจัดสภาพแวดล้อมในการเรียนการสอนให้นักศึกษารู้สึกว่ามีความปลอดภัยต่อการแสดงความคิดเห็น ผ่อนคลาย ใส่ใจผู้เรียนทุกคน ชมเชยอย่างจริงใจ อาจารย์ไม่ตำหนิความคิดต่างของนักศึกษา หากต้องการแก้ไขข้อผิดพลาดควรพูดคุยเป็นการส่วนตัว ไม่ตำหนิต่อหน้าผู้อื่น
- อาจารย์ต้องสร้างแรงจูงใจให้นักศึกษามีความคิดสร้างสรรค์ หากเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว/ชุมชนของนักศึกษาจะทำให้เกิดแรงขับจากด้านในเพื่อการแก้ปัญหานั้น
วิธีการสอนที่ให้นักศึกษาเกิดความคิดสร้างสรรค์สามารถทำได้หลายวิธีดังนี้
- การบรรยาย (Lecture) ผู้สอนควรต้องมีรูปภาพประกอบการบรรยาย ต้องมีลีลาการสอน เรียงลำดับการสอนที่ช่วยให้นักศึกษาเข้าใจได้ในเวลาสั้นๆ มีการหยุดให้นักศึกษาคิดเป็นช่วงๆ และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ใช้คำพูดให้ผู้เรียนเข้าใจได้ง่าย และสนใจ เช่น ศัพท์วัยรุ่น ให้ผู้เรียนสร้างเทคนิคในการจำของตนเอง มีตัวอย่างให้เห็นภาพการนำไปใช้ประโยชน์ ยกตัวอย่างแล้วอธิบายหลักวิชาประกอบ และอย่าให้ผู้เรียนจับแนวทางการสอนของอาจารย์ได้เพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาสนใจการเรียน
- การทดลอง (Experiment) /การแสดงให้ดู (Demonstration) หลังการทดลองให้เพิ่มการนำไปใช้ประโยชน์ เพิ่มคำถามต่อจากการทดลอง และถ้าเกิดความผิดพลาดจากการทดลองให้ผู้เรียนวิเคราะห์ว่าผิดพลาดเพราะอะไร
- รูปแบบการสอน (Deduction/Induction) อาจสอนจากทฤษฏีก่อนแล้วยกตัวอย่างประกอบ หรือเริ่มจากตัวอย่างแล้วยกทฤษฏีมาอธิบายก็ได้ เพื่อให้เกิดความหลากหลายในวิธีการสอน
- ทัศนศึกษา (Field Trip) พานักศึกษาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ แล้วควรให้นักศึกษาสรุปว่าได้ความรู้อะไรบ้าง มีแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างไร โดยอาจเป็นในรูปแบบการเขียน หรือ VDO clip ก็ได้ ซึ่งจะช่วยห้นักศึกษามีทักษะในศตวรรษที่ 21 เช่น ทักษะด้าน IT เพิ่มขึ้นด้วย
- การแสดงความคิดเห็นกลุ่มย่อย (Small Group Discussion) เพื่อให้เกิดการเปิดใจในการพูดคุย รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น ดังนั้นอาจารย์ต้องสร้างบรรยากาศในการพูดคุยให้นักศึกษากล้าเปิดใจ และอย่าติหนินักศึกษาต่อหน้าคนอื่น จำนวนคนในกลุ่มขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานที่และอุปกรณ์ต้องพอดีกับจำนวนคนเพื่อให้สะดวกต่อการพูดคุย
- การกำหนดบทบาทสมมุติ (Role Playing) ให้นักศึกษาจำลองสถานการณ์โดยลองเปลี่ยนกันสวมบทบาทต่างๆ เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของบุคคลแต่ละหน้าที่มากขึ้น ซึ่งวีธีนี้จะมีผลในการปรับพฤติกรรมของนักศึกษาได้ เช่น สมมุติให้นักศึกษาพยาบาลเป็นคนป่วย จะทำให้นักศึกษาเข้าใจความรู้สึกของคนป่วยมากขึ้น และนักศึกษาจะมีใจบริการ ดูแลผู้ป่วยได้ดีขึ้น
- การแสดง (Dramatization) ช่วยให้ผู้เรียนสนใจ/สนุกในการเรียนมากขึ้น เช่น การทำ science show เป็นต้น
- การสร้างสถานการณ์ (Simulation) เป็นการเร้าด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ อาจมีการสร้าง 2 สถานการณ์เพื่อให้เปรียบเทียบกันและใช้หลักวิชามาวิเคราะห์
- การทำงานกลุ่ม (Cooperative learning) เป็นการสร้างบทบาทสมมุติของแต่ละคนในการทำงานกลุ่ม
- การเรียนรู้ในที่ปฏิบัติงานจริง (Work-integrated learning) การเข้าไปเรียนรู้การทำงานในสถานประกอบการจริง จะทำให้ผู้เรียนเห็นสภาพแวดล้อมในการทำงาน และได้รับประสบการณ์จริงที่หาไม่ได้ในห้องเรียน
- เรียนรู้จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น (Phenomenon-based learning) เป็นการเรียนรู้จากปรากฏการณ์/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงที่เกี่ยวการศาสตร์ที่เรียน แล้วนำมาวิเคราะห์
- การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-based learning) เช่น การทำโครงการวิจัย/ปัญหาพิเศษ เป็นต้น
ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่
- นำหลักการสอนที่ได้จากการอบรมไปใช้ในการเรียนการสอนของหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาพันธุศาสตร์ เพื่อให้นักศึกษาสนใจ เข้าใจ และสนุกในการเรียนมากขึ้น
- สามารถนำหลักการเดียวกันไปใช้กับการสอนวิชาพันธุศาสตร์เบื้องต้นสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาต่าง ๆ ได้อีกด้วย
ประโยชน์ต่อหน่วยงาน (ระดับงาน/หลักสูตร/คณะ)
- ได้บุคลากรในหลักสูตรที่เข้าใจหลักการสอนมากขึ้น
- นักศึกษาในหลักสูตรมีความสนใจ เข้าใจ และสนุกในการเรียนมากขึ้น