การอบรมเชิงปฏิบัติการ “Active Learning Workshop” ซึ่งจัดโดย สำนักบริหารและพัฒนาวิชาการ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2562 ณ ห้องข้าวหอมมะลิ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ณฐา คุปตัษเฐียร ทำหน้าที่วิทยากรหลักในการฝึกอบรม
รองศาสตราจารย์ ดร.ณฐา คุปตัษเฐียร กล่าวแนะนำหลักสูตรการอบรมรมเชิงปฏิบัติการ Active Learning ว่าเป็นหลักสูตรที่สนับสนุนให้คณาจารย์เปลี่ยนแปลงรูปแบบวิธีจัดการเรียนการสอน จากการสอนหน้าชั้นเรียนที่มีลักษณะเน้นการบรรยาย (Lecture) เป็นการเรียนการสอนเชิงรุก เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียนที่ในปัจจุบัน เรียกว่า Active Learning ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนและผู้เรียนในชั้นเรียนเท่านั้น แต่ยังช่วย สร้างบทสนทนาระหว่างกันและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้เรียนด้วยกันเอง ซึ่งจะทำให้การเรียนรู้นั้นเป็นการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ต่อเนื่องและยาวนาน ส่งเสริมการ พัฒนาศักยภาพผู้สอนให้ตอบสนองกับโลกยุคใหม่และผู้เรียน Generation ใหม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อจบหลักสูตรผู้อบรมสามารถ 1. กำหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ให้เหมาะสมกับการเรียนการสอนยุคใหม่ ซึ่งในปัจจุบันเน้นให้คณาจารย์กำหนดวัตถุประสงค์ของรายวิชาที่มีผลลัพธ์การเรียนรู้ขั้นที่สูงขึ้น เช่น การสร้างสรรค์การออกแบบ การวิเคราะห์ประเมินผล มากกว่าการจำหรือเข้าใจ 2. ออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน ด้วย Active Learning Techniques ให้ ความสำคัญกับกิจกรรมทั้งก่อนเข้าชั้นเรียน ในชั้นเรียน และหลังจบชั้นเรียนไปแล้ว มีการแนะนำเทคนิคการสอนแบบ Active Learning แบบต่าง ๆ 3. ออกแบบการวัดและประเมินผลว่าผู้เรียนสามารถแสดงให้เห็นว่าบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวังไว้หรือไม่ โดย มุ่งเน้นการใช้ Formative Assessment เช่น การเขียนสะท้อนกลับการเรียนรู้ (Reflection Journal) การสัมภาษณ์ และนำเสนอปากเปล่า (Interview and Presentation) เพื่อนประเมินเพื่อน (Peer Assessment) การติดตามเพื่อพัฒนาผู้เรียนตลอดทั้งภาคการศึกษามากกว่าการสอบกลางภาคและการสอบปลายภาคเท่านั้น
สำหรับเทคนิคการเรียนการสอนที่วิทยากรแนะนำมีหลายรูปแบบ ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างบางรูปแบบที่ข้าพเจ้าสนใจ ดังนี้
- Collaborative team learning ใช้ในกรณีการทำงานนอกห้องเรียน หรือที่ไหนก็ได้ ที่พ้นสายตาผู้สอน หมายถึงผู้สอนไม่ต้องมานั่งสอนการทำงานกลุ่มให้กับผู้เรียน ดังนั้น การสอนทำงานกลุ่ม ที่จะเรียกว่า collaborative learning จึงใช้กรณีที่ผู้เรียนทำงานกลุ่มกันเป็นแล้ว
- Cooperative learning เป็นเทคนิค ที่มุ่งเน้นสอนการทำงานกลุ่มโดยตรง จึงใช้กรณีให้ผู้เรียนทำงานกันในห้อง ที่ครูมีโอกาสที่จะจัดการ สอน แนะ การทำงานกลุ่มได้ จะเห็นได้ว่า เทคนิคของ coop learning ล้วนเป็นเทคนิคที่มองเห็นขั้นตอนการสอน ในทุกเทคนิคเลย ในขณะที่ collaborative learning จะไม่มี
- Debate การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นพูดจาซักถามปัญหา หรือช่วยกันแก้ปัญหาให้ผู้อื่นฟัง การเรียนการสอนในปัจจุบันได้นำเอาวิธีการสอนแบบอภิปรายมาใช้สอน เพื่อให้ผู้เรียนได้รู้จักแก้ปัญหาและรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน การใช้วิธีการสอนแบบอภิปรายเป็นการฝึกอบรมผู้เรียน ฉะนั้นควรจะต้องตระหนักถึงกระบวนการทั้งหมดของกาอภิปราย การเป็นผู้พูดที่ดี ผู้ฟังที่ดี และบทบาทที่แสดงต่อกันเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จะต้องให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามที่สังคมยอมรับ
- Flipped classroom เป็นการจัดการเรียนการสอนที่สวนทางกับสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบัน โดยให้นักเรียนศึกษาความรู้ผ่านอินเตอร์เน็ตนอกห้องเรียน นอกเวลาเรียน ส่วนในห้องเรียนจะเป็นการจัดกิจกรรม นำการบ้านมาทำในห้องเรียนแทน
- Fishbowl discussion การจัดกลุ่มอภิปรายแบบกลุ่มซ้อน กลุ่มแบบนี้มีลักษณะเป็นกลุ่ม ซ้อนกันเป็น 2 วง กลุ่มวงในและกลุ่มวงนอก มีสมาชิกจำนวนเท่า ๆ กัน ประมาณ 4 – 8 คน ในขณะที่ สมาชิกกลุ่มวงในประชุมอภิปรายกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สมาชิกกลุ่มวงนอกจะทำหน้าที่สังเกตการณ์ จุดประสงค์เพื่อให้ผู้สังเกตการณ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่อภิปราย แต่ไม่มีความจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการ อภิปราย ได้เรียนรู้ความคิดเห็นของผู้อภิปรายวงในอย่างใกล้ชิด ในบางกรณีอาจมีการสับเปลี่ยนบทบาทให้ผู้ที่อยู่วงนอกเป็นผู้สังเกตการณ์สับเปลี่ยนกัน
- Jigsaw classroom เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในห้องเรียนที่ช่วยผู้เรียนให้ประสบความสำเร็จไปพร้อม ๆ กัน การเรียนการสอนตามเทคนิคนี้จะแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม และให้นักเรียนแต่ละคนของกลุ่มศึกษาเนื้อหาสาระของแต่ละส่วน เพื่อให้นำเนื้อหาสาระที่ศึกษามาประกอบกันเป็นความรู้เรื่องหนึ่ง ๆ ได้ ซึ่งเปรียบเสมือนการต่อจิกซอว์
- Problem-based learning การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน โดยปัญหานั้นเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้เรียน อาจเป็นเรื่องที่ผู้เรียนสนใจหรือ มีความหมายกับผู้เรียนที่สามารถนำมาสร้างกระบวนการเรียนรู้ได้โดยปัญหา
- Concept question คำถามเชิงสังกัป มีประโยชน์ในการช่วยให้เราตระหนักรู้ในการรวมกัน (association) และการมีความหมายโดยนัย (connotation) และยังช่วยให้เรารู้ถึงคำปรากฏร่วมกัน (collocation) และสำนวนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง (fixed expression) คำถามเชิงสังกัปนั้นยังเป็นการฝึกการฟังที่ดีสำหรับผู้เรียน และยังสามารถนำไปสู่กิจกรรมในห้องเรียน
- Demonstrate วิธีสอนที่ครูมีหน้าที่ในการวางแผนการเรียนการสอนเป็นส่วนใหญ่ โดยมีการแสดงหรือการกระทำให้ดูเป็นตัวอย่าง นักเรียนจะเกิดการเรียนรู้จากการสังเกตการฟัง การกระทำหรือการแสดง
- Laboratory วิธีสอนแบบปฏิบัติการหรือการทดลอง เป็นวิธีสอนที่ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนลงมือปฏิบัติหรือทำการทดลองค้นหาความรู้ด้วยตนเอง ทำให้เกิดประสบการณ์ตรง วิธีสอนแบบปฏิบัติหรือการทดลองแตกต่างจากวิธีสอนแบบสาธิต คือ วิธีสอนแบบปฏิบัติการหรือการทดลองผู้เรียนเป็นผู้กระทำเพื่อพิสูจน์หรือค้นหาความรู้ด้วยตนเอง ส่วนวิธีสอนแบบสาธิตนั้นครูหรือนักเรียนเป็นผู้สาธิตกระบวนการและผลที่ได้รับจากการสาธิต เมื่อจบการสาธิตแล้วผู้เรียนต้องทำตามกระบวนการและวิธีการสาธิตนั้น
- Online, mobile, blended learning เป็นนวัตกรรมการศึกษาที่ผสมผสานโมดูล (Module) การเรียนการสอนหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน เป็นลักษณะของการผสมผสานการเรียนทางไกล (Distance Learning) ผ่านระบบเครือข่าย Online ร่วมกับการเรียนแบบเผชิญหน้า
(Face to Face) ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการนั่งฟังการบรรยายในชั้นเรียนปกติ
- Think-pair-share เป็นวิธีการอภิปรายร่วมกันของ ผู้เรียน วิธีแบ่งปันความคิดเป็นการทำ กิจกรรม 3 ขั้นตอนคือ คิด จับคู่ และแบ่งปัน ขั้นตอนแต่ละขั้นของวิธี แบ่งปันความคิดเน้นย้ำให้ผู้เรียนรับรู้ว่าในแต่ละขั้นตอนกำลังทำอะไรอยู่
สำหรับเทคนิคการประเมินผลที่วิทยากรแนะนำมีหลายรูปแบบ ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างบางรูปแบบที่ข้าพเจ้าสนใจ ดังนี้
- Portfolio เป็นการประเมินจากหลักฐานการปฏิบัติงานของผู้เรียนที่เกิดจากการประเมินสภาพจริง โดยครูและผู้เรียนร่วมกันวางแผนจัดเก็บอย่างเป็นระบบเพื่อแสดงให้เห็นพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสามารถที่แท้จริงของนักเรียน
- Practical exercises เป็นการประเมินประเมินโดยใช้แบบฝึกปฏิบัติ
- Logbook/Journal เป็นการประเมินประเมินโดยใช้คู่มือบันทึกประวัติการปฏิบัติงาน
- Assignments เป็นการประเมินประเมินโดยใช้การมอบหมายงานให้ทำ
- Dissertations เป็นการประเมินประเมินโดยใช้การทำวิทยานิพนธ์ ดุษฎีนิพนธ์
- Extended response questions เป็นการประเมินโดยใช้แบบทดสอบที่ผู้ตอบมีสิทธิในการตอบอย่างเสรี
- Oral Presentation เป็นการประเมินโดยการนำเสนอปากเปล่า
- Oral questions เป็นการประเมินโดยคำถามปากเปล่า
- Personal interviews เป็นการประเมินโดยการสัมภาษณ์
- Exam/Tests (Open book) เป็นการประเมินโดยการสอบแบบเปิดหนังสือ
- Exam/Tests (Closed book) เป็นการประเมินโดยการสอบแบบปิดหนังสือ
จากเทคนิคการประเมินผลสามารถออกแบบประเมินผลที่ทำให้ประเมินได้ว่าผู้เรียนบรรลุ
วัตถุประสงค์การเรียนรู้ สอดคล้องกับเทคนิคการเรียนการสอนที่วางแผนไว้ และต้องระบุได้ว่าเป็นการประเมินแบบ formative และ summative คิดเป็นกี่เปอร์เซนต์ของการประเมินทั้งหมด นอกจากนี้วิทยากรยังได้แนะนำเว็บไซต์ที่ช่วยในการเรียนการสอน เช่น Kahoot Socrative Flinga
จากความรู้ที่ได้รับในการเข้าร่วมการฝึกอบรมดังกล่าว ข้าพเจ้าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอนได้ทุกรายวิชา โดยในภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2562 ปรับสัดส่วนการประเมินผลในรายวิชา สต300 สถิติทั่วไป ให้มีสัดส่วนของคะแนนสอบกลางภาคและปลายภาคน้อยลงและไปเพิ่มในส่วนของงานที่มอบหมาย และการสอบย่อยระหว่างภาคการศึกษา อีกทั้งมีการทดสอบก่อนเรียนในบทแรกของรายวิชา สต161 สต316 และ สต300 ที่เน้นการบรรยายด้วยการใช้เว็บไซต์ Kahoot ในการสร้างคำถามและคำตอบ