สามเหลี่ยมรัฐสภาแห่งแคนเบอร์รา
วันที่เขียน 13/1/2554 14:31:55     แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/11/2567 17:30:32
เปิดอ่าน: 14565 ครั้ง

กริฟฟินวางตำแหน่งจุดศูนย์กลางของส่วนราชการของเมืองแคนเบอร์รา โดยเชื่อมโยงแนวถนนสำคัญ 3 สาย เป็นรูปสามเหลี่ยม มีจุดใจกลางอยู่ในตำแหน่งตรงกับจุดตัดของแนวแกนผืนดิน และแกนน้ำพอดี

สามเหลี่ยมรัฐสภาแห่งแคนเบอร์รา

(The  Parliamentary  Triangle  of  Canberra)

โดย อาจารย์จรัสพิมพ์  บุญญานันต์


  ตีพิมพ์ลงวารสารแม่โจ้ปริทัศน์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 1  (มกราคม-กุมภาพันธ์)  2547


     บทความของผู้เขียนยังคงวนเวียนอยู่แถวๆออสเตรเลียเช่นเดียวกับในฉบับที่แล้ว  ทั้งนี้ผู้เขียนเห็นว่าความรู้ที่ได้จากการเดินทางครั้งนี้มีมากมาย  ล้วนแต่น่าสนใจทั้งสิ้น  คงน่าเสียหากมิได้นำมาเล่าสู่กันฟัง  ในฉบับนี้ผู้เขียนขอนำท่านผู้อ่านไปเยี่ยมชมงานสร้างสรรค์ที่น่าทึ่งแห่งศตวรรษที่  20  ที่เมืองแคนเบอร์รา  อันเป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรเลีย  นั่นก็คืองานออกแบบวางผังศูนย์ราชการใจกลางเมือง  เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ  “สามเหลี่ยมรัฐสภา”  (Parliamentary Triangle)  เป็นการผสมผสานงานออกแบบวางผังเมือง  เข้ากับงานออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรมอย่างกลมกลืน
     นับว่าเป็นโชคของผู้เขียนและคณะเดินทางที่ได้มาเยือนเมืองแคนเบอร์รา  ในระหว่างวันที่  11-12  กรกฎาคม  พ.ศ.  2546  ซึ่งตรงกับวันเปิดรัฐสภาประจำปี  (Parliament  House  Open  Day)   ทำให้พวกเราและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมภายในอาคารอย่างใกล้ชิด  ผู้เขียนจึงมีโอกาสได้นำเสนอมุมมองที่มีต่องานออกแบบวางผังสามเหลี่ยมรัฐสภา  ทั้งจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคารรัฐสภา  และจากภายในอาคารออกสู่ภายนอก  เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เห็นภาพอย่างชัดเจน

สามเหลี่ยมรัฐสภาแห่งแคนเบอร์รา

     มาถึงตอนนี้คงต้องอธิบายถึงที่มาที่ไปของงานออกแบบพื้นที่สามเหลี่ยมรัฐสภา  (Parliamentary  Triangle)  ก่อนที่จะนำเข้าสู่เรื่องการออกแบบในรายละเอียดต่อไป  เรื่องนี้มีความเป็นมาตั้งแต่ยุคการก่อตั้งสหพันธรัฐออสเตรเลียเลยทีเดียว

     หลังจากประเทศออสเตรเลียได้รับสถาปนาให้เป็นสหพันธรัฐออสเตรเลียในปี  ค.ศ.  1901  ทางรัฐบาลเริ่มมองหาสถานที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งใหม่  โดยจะย้ายส่วนราชการเดิมมาจากเมืองเมลเบิร์น  หลังจากผ่านการประชุมถกเถียงกันในหมู่ผู้บริหารประเทศหลายครั้ง  ในที่สุดก็ตกลงเลือกพื้นที่ที่ตั้งอยู่ระหว่างมหานครซิดนีย์และเมลเบิร์น  เพื่อเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งใหม่  

     รัฐบาลแห่งมลรัฐนิวเซาท์เวลล์จึงได้ส่ง  ชาร์ลส  ชริฟเวนเนอร์  นักสำรวจของรัฐมาทำการสำรวจพื้นที่ดังกล่าวอย่างละเอียด  ด้วยมุมมองที่ชาญฉลาดของเขา  ชริฟเวนเนอร์เลือกสถานที่ตั้งของเมืองหลวงใหม่  โดยเจาะจงเลือกที่ราบลุ่มแม่น้ำโมลองโล  (Molonglo  River  Basin)  บริเวณที่อยู่ท่ามกลางเนินเขา  3  ลูก  ซึ่งช่วยป้องกันกระแสลมที่พัดมาจากทางทิศใต้และทิศตะวันตกได้เป็นอย่างดี  และมีมุมมองเปิดกว้างไปทางทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  ในที่สุดอาณาเขตของเมืองหลวงแห่งใหม่  ได้ถูกวางผังเป็นรูปเป็นร่างสำเร็จในปี  ค. ศ.  19111  และเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้เขียนต้องกล่าวอ้างถึงการเลือกที่ตั้งเมืองของชริฟเวนเนอร์  ก็เนื่องมาจากสภาพภูมิประเทศในลักษณะดังกล่าวได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญ  ที่มีผลต่อการออกแบบสามเหลี่ยมรัฐสภา  ในการประกวดออกแบบวางผังเมืองใหม่  ซึ่งจัดโดยรัฐบาลในปีเดียวกันนั้นเอง

 

      มีผู้เข้าร่วมการประกวดออกแบบวางผังเมืองหลวงของประเทศออสเตรเลียถึง  137  ทีม  จากทั้งทวีปอเมริกา  ยุโรป  และแอฟริกาใต้  ในยุคนั้นการคมนาคมและการสื่อสารยังไม่สะดวกเช่นในปัจจุบัน  นักออกแบบเหล่านั้นจึงไม่มีโอกาสได้ไปศึกษาสถานที่จริง  เพียงอาศัยข้อมูลจากเอกสาร  ภาพถ่าย  และหุ่นจำลองของสถานที่  ซึ่งถูกนำไปจัดแสดงให้ดูเท่านั้น  อย่างไรก็ดีหลังจากผ่านการคัดเลือกจนได้เป็นหนึ่งใน  3  ทีมสุดท้าย  งานออกแบบของสถาปนิกชาวชิคาโกวัย  36  ปี  วอลเตอร์  เบอร์เลย์  กริฟฟิน  (Walter  Burley  Griffin)  ก็ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัลชนะเลิศ  ถึงกระนั้นก็ดี  แบบที่ได้รับรางวัลกลับต้องเผชิญกับกระแสวิพากวิจารณ์ของบรรดาผู้ที่ไม่เห็นชอบ  อันเป็นเรื่องที่ประสบพบเห็นอยู่เป็นประจำในการประกวดแบบ  งานออกแบบของกริฟฟินถูกวิจารณ์ว่าเป็นงานที่ฟุ่มเฟือยมากเกินควร1  และแม้ว่าเขาจะได้รับเชิญจากรัฐบาลของประเทศออสเตรเลียให้เป็นผู้อำนวยการออกแบบก่อสร้างเมืองแคนเบอร์รา  ตามแผนผังที่เขาได้วางเอาไว้  ความขัดแย้งก็ยังคงดำเนินต่อไป  โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการขาดเงินทุนในการก่อสร้าง  ในที่สุดกริฟฟินก็ไม่ได้รับการต่อสัญญาว่าจ้าง  และหลุดพ้นจากการมีส่วนร่วมในงานดังกล่าว  แผนผังของกริฟฟินถูกแก้ไขและบิดเบือนอย่างมาก  ตามความจำเป็นทางด้านงบประมาณของรัฐ  แต่อย่างไรก็ดีแนวความคิดอันเป็นหัวใจสำคัญของงานออกแบบ  ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะเลิศการประกวดแบบนั้น  ยังคงปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน  นั่นคือการออกแบบวางผังศูนย์ราชการของเมือง  ซึ่งเรียกกันว่าสามเหลี่ยมรัฐสภานั่นเอง  (Parliamentary  Triangle)2

 

แนวคิดอันชาญฉลาด

     กริฟฟินอธิบายว่า3  งานออกแบบของเขาเป็นการแสดงออกของรูปแบบทางสถาปัตยกรรมอย่างมีเหตุมีผล  ผ่านการพิจารณาองค์ประกอบหลักๆสำคัญ  2  ประการคือ  พื้นที่ตั้งของเมือง  และหน้าที่ใช้สอยของเมือง  กริฟฟินคิดว่าพื้นที่เมืองแคนเบอร์ราสามารถแบ่งออกตามลักษณะสำคัญทางภูมิศาสตร์ได้  5  ส่วน  ส่วนแรกคือภูเขา  3  ลูก  ประกอบด้วยภูเขาไอนส์ลีย์  (Ainlie)  มักกา  มักกา  (Mugga  Mugga)  และแบล็ค  เมาท์เทนท์  (Black  Mountain)  ส่วนที่  2  คือเนินเขาขนาดย่อมหลายเนินกระจายอยู่ในที่ราบหุบเขา  ส่วนที่  3  คือที่ราบลุ่มแม่น้ำโมลองโล  ส่วนที่  4  คือพื้นที่มีลักษณะเป็นลอนลูกคลื่นอยู่ทางทิศเหนือของเมือง  และส่วนสุดท้ายคือผืนป่าซึ่งอยู่ไกลออกไป  หลังจากพิจารณาสภาพพื้นที่แล้ว  กริฟฟินเริ่มออกแบบวางผังเมืองโดยวางแนวแกนหลักในการออกแบบ  2  แนว  แกนแรกเรียกว่า  “แกนน้ำ  (Water  Axis)”  มีทิศทางจากภูเขาแบล็ค  เมาท์เทนท์ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง  ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้  ตามแนวของทะเลสาบหลักของเมือง  ซึ่งจะถูกสร้างขึ้นจากการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโมลองโล  แกนที่  2  เรียกว่าแกนผืนดิน  (Land  Axis)  เริ่มต้นจากภูเขาไอนส์ลีย์ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ  เป็นแนวตรงตั้งฉากกับแนวแกนน้ำ  ผ่านทะเลสาบ  และเนินเขาแคมป์  (Camp  Hill)  และ  เคอร์ราจอง  (Kurrajong)  ซึ่งในปัจจุบันเรียกกันว่า  “เนินหลวง  (Capital  Hill)”    แนวแกนดินนี้จะชี้ไปทางยอดเขาบิมเบอร์  (Bimberi Peak)  อยู่ห่างออกไปอีกราว  30  ไมล์ส  ณ  ที่จุดตัดของทั้ง  2  แกนที่ตั้งฉากกันดังกล่าว  กริฟฟินวางตำแหน่งจุดศูนย์กลางของส่วนราชการของเมืองแคนเบอร์รา  โดยเชื่อมโยงแนวถนนสำคัญ  3  สาย  เป็นรูปสามเหลี่ยม  มีจุดใจกลางอยู่ในตำแหน่งตรงกับจุดตัดของแนวแกนผืนดิน  และแกนน้ำพอดี  ฐานของรูปสามเหลี่ยมนั้น  หันไปทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ  มีแนวขนานกับแนวแกนน้ำ  มุมทั้ง  3  ของสามเหลี่ยมกำหนดให้วางอยู่บนเนินขนาดย่อม  3  เนิน  เพื่อให้เกิดเป็นจุดหมายตา  (Landmark)  ที่สำคัญของเมือง  โดยที่มุมยอดของสามเหลี่ยมซึ่งสำคัญที่สุด  เป็นที่ตั้งของอาคารรัฐสภา  เนินนี้ในภายหลังมีชื่อเรียกว่า  เนินหลวง   (Capital  Hill)  ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว  ส่วนมุมที่เหลืออีก  2  มุมของสามเหลี่ยมวางอยู่บนเนินเขารัสเซล  (Russell  Hill)  และเนินเขาเวอร์นอน  (Vernon  Hill)  ซึ่งในปัจจุบันเรียกว่า  “เนินพระนคร (City  Hill)”  การจัดพื้นที่ของส่วนราชการ  ซึ่งเปรียบเสมือนส่วนหัวใจและจิตวิญญาณของชาติ  ให้อยู่ในขอบเขตที่ชัดเจนบริเวณใจกลางเมืองเช่นนี้  ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงพื้นที่ส่วนนี้ได้โดยสะดวก  แต่ในขณะเดียวกันยังสามารถรักษาบรรยากาศที่สงบเงียบเอาไว้ได้ดี   จากการออกแบบวางผังโดยใช้รูปแบบแนวแกนสมดุล  และวางพื้นที่ทะเลสาบหลักให้พาดผ่านพื้นที่ส่วนฐานของสามเหลี่ยมรัฐสภา

     แนวความคิดที่สำคัญอีกประการหนึ่งของกริฟฟินคือการวางตำแหน่งอาคารส่วนราชการ  ในบริเวณสามเหลี่ยมรัฐสภา  บนแนวแกนดินซึ่งวิ่งผ่านกลางฐานและจุดยอดของสามเหลี่ยม  อาคารเหล่านี้ถูกจัดเรียงเป็นลำดับไปยังจุดรวมสายตาที่เนินหลวง  (Capital  Hill)  ขนาดและสัดส่วนของอาคารควรมีความสอดคล้องกัน  เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายเป็นรูปแบบเดียวกัน  เป็นที่น่าเสียดายที่แนวคิดเกี่ยวกับอาคารดังกล่าว  ไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาให้เห็นเด่นชัดในการพัฒนาเมืองในปัจจุบัน  เนื่องจากการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบ  ให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจ  และความต้องการของผู้บริหารและนักออกแบบในยุคต่อๆมา  ยังคงหลงเหลือแต่แนวคิดหลักของการหันทิศทางอาคารของกริฟฟิน  ตามแนวแกนผืนดินและแกนน้ำเพื่อให้แสงแดดส่องเข้าถึงอาคารต่างๆอย่างเต็มที่เท่านั้น  ที่ยังคงปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน

ปัจจุบันกาล

     อาคารราชการที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณสามเหลี่ยมรัฐสภาในปัจจุบันประกอบด้วย  อาคารฝ่ายบริหาร  กระทรวงการคลังและการเงิน  ห้องสมุดแห่งชาติ  หอศิลปะแห่งชาติออสเตรเลีย  ศาลสูง  สำหรับพื้นที่ริมทะเลสาบขนาดใหญ่  ซึ่งถูกขนานนามตามชื่อของผู้ออกแบบในภายหลังว่า  ทะเลสาบเบอร์เลย์ กริฟฟิน (Burley  Griffin  Lake)  นั้นได้รับการออกแบบให้เป็นสวนสาธารณะเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและกิจกรรมนันทนาการของเมือง  โดยมีจุดเด่นที่น้ำพุกับตันคุก  (Captain  Cook Water  jet)  พ่นลำน้ำสีขาว  พุ่งสูงถึง  135  เมตรเหนือทะเลสาบ  ก่อนที่จะกระจายหล่นเป็นละอองฝอยกระเซ็นถูกแขกที่มาเยือน  เป็นการต้อนรับอย่างสดชื่น  ในวันที่มีลมพัดแรงเป็นพิเศษ

     สำหรับอาคารรัฐสภา  (Parliament  House)  ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมนั้น  ตั้งอยู่บริเวณจุดยอดของสามเหลี่ยมรัฐสภา  ศูนย์กลางของเมือง  และเป็นจุดเด่นของเมืองอีกด้วยอาคารหลังนี้เป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นใหม่  แทนอาคารหลังเดิม  ในปี  ค.ศ.  1988  จากผลงานชนะเลิศการประกวดแบบของบริษัทสถาปัตยกรรม  มิตเชลล์  กิเออร์โกลา  และโทรป3  (Mitchell/Giurgola  and  Thorp  Architecture)

     เนื่องจากอาคารรัฐสภาหลังใหม่  เป็นอาคารที่มีขนาดใหญ่มหึมา  ประกอบไปด้วยห้องต่างๆถึง  5000  ห้อง  จึงเป็นการยากที่จะสร้างอาคารดังกล่าว  โดยที่ยังคงสามารถรักษาเอกลักษณ์ของสภาพภูมิประเทศของเนินหลวง  มิให้ถูกทำลายลดความสำคัญลง  สถาปนิกได้แก้ปัญหานี้  โดยการออกแบบอาคารที่ผสมผสานรูปแบบของสถาปัตยกรรม  และภูมิสถาปัตยกรรมให้เข้ากับสภาพภูมิประเทศดั้งเดิม  รวมทั้งแนวความคิดหลักของผังเมืองเดิมอีกด้วย  พวกเขาจำเป็นต้องขนย้ายดินออกเพื่อก่อสร้างอาคารดังกล่าว  จากนั้นจึงถมกลับเข้าไปใหม่เมื่อการก่อสร้างสำเร็จลง  ให้กลายเป็นเนินดินปูด้วยผืนหญ้าสีเขียวเอียงลาดเป็นส่วนหนึ่งของหลังคารของอาคารรัฐสภา  สู่พื้นดินเบื้องล่าง  เป็นที่น่าเสียดายที่หากมองจากทางเข้าด้านหน้า  ผู้มาเยือนจะไม่สามารถรับรู้ถึงความเชื่อมโยงของงานสถาปัตยกรรมและภูมิสถาปัตยกรรมดังกล่าวได้  เนื่องจากถูกบดบังด้วยกำแพงสูง  เพื่อเปิดเป็นทางเข้าหลักที่โอ่อ่าสง่างาม  แต่หากมีโอกาสขึ้นไปยืนอยู่บนสุดของอาคาร  แล้วมองออกไปโดยรอบ  จะรู้สึกราวกับว่าได้ยืนอยู่บนส่วนหนึ่งของเนินดินจริงๆ  นอกจากนี้ยังจะได้มีโอกาสมองเห็นแกนต่างๆ  ที่กริฟฟินบรรจงสร้างสรรค์ไว้อย่างชัดเจน

      องค์ประกอบที่เด่นเป็นสง่าอยู่เหนืออาคารรัฐสภา  คือเสาธงขนาดยักษ์  มีรูปร่างและสัดส่วนที่ดูไม่ค่อยเข้ากับตัวอาคารเท่าไรนัก  แต่ก็ประสบผลในแง่ของการเป็นจุดหมายตา  (Landmark)  ที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลหลายไมล์  สถาปนิกออกแบบเปิดช่องแสดงที่ห้องโถงพักผ่อนขนาดใหญ่  ในบริเวณใจกลางของรัฐสภา  ตั้งอยู่ในตำแหน่งเบื้องล่างของเสาธงนี้พอดี  เมื่อมองจากห้องโถงด้านล่าง  จะเห็นภาพของธงชาติออสเตรเลีย  โบกสะบัดอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าสีเข้ม  ตัดกับเหล่าปุยเมฆละเอียดสีขาวที่พากันลอยละลิ่วตามกระแสลมแรง  เกิดภาพที่เคลื่อนไหวอันทรงพลัง   สะกดอารมณ์และความรู้สึกต่อผู้ที่แหงนมอง 

     จากผลงานการออกแบบที่ถือได้ว่าเป็นเลิศในประวัติศาสตร์  งานออกแบบสามเหลี่ยมรัฐสภาและอาคารรัฐสภา  ได้ผ่านยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงอันยาวนาน  กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความมีเอกภาพของชาติ  และความยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยของรัฐ  องค์ประกอบทั้งหมดของงานออกแบบ  ทั้งแกนน้ำ  แกนผืนดิน  ทะเลสาบ  การประยุกต์ลักษณะเด่นของสภาพภูมิประเทศมาใช้ในการพัฒนาเมือง  เหล่านี้ล้วนซึมแทรกเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจและจิตวิญญาณแห่งแคนเบอร์รา  ตลอดเวลาที่ผ่านมาและต่อเนื่องไปสู่อนาคต


เอกสารอ้างอิง

  1.  “A  Short  history  of  Canberra”  แหล่งที่มา.  http://www.canberrahouse.com.au/shorthistory.html 
  2. “Reflections  of  Canberra” แหล่งที่มา. http://www.library.act.gov.au/heritagelibrary/reflectionscd/reflect/actv/info3.htm
  3. “ Griffin’s  Winning  Design” แหล่งที่มา.  http://rubens.anu.edu.au/student.projects/canberra/working_htm/winner.html
  4. “First  prize – Walter  Burley  griffin” แหล่งที่มา.  http://rubens.anu.edu.au/student.projects/canberra/working_htm/griffin.html

 


ความคิดเห็นทั้งหมด (0)
ไม่มีข้อมูลตามเงื่อนไขที่ท่านกำหนด
รายการบทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หมวดหมู่ : สถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม ผังเมือง
งานบริการวิชาการและวิจัย » มือใหม่หัดบินทำแผนที่ด้วยโดรน Ep.1
โดรน (Drone) หรือ อากาศยานไร้คนขับ หรือ UAV (Unmanned Aviation Vehicle) แต่เดิมนั้น มีการใช้งานในหน่วยงานด้านความมั่นคง ในปัจจุบันได้มีการนำมาใช้ใน หลากหลายรูปแบบ เช่น ทางด้านการเกษตร การสำรวจ ตรวจ...
โดรน สถาปัตยกรรม ออกแบบ     บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป   สถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม ผังเมือง
ผู้เขียน ธวัชชัย มานิตย์  วันที่เขียน 13/9/2562 14:31:05  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/11/2567 16:16:04   เปิดอ่าน 16617  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง
กลุ่มบทความแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป » แนวทางการพัฒนาเมือง : สรุปมุมมองจากปาฐกถาพิเศษ โดย ดร. ณรงค์ชัย อัครเศรณี
ข้อความต่อไปนี้เป็นการสรุปความเข้าใจของผู้เขียนที่ได้จากการฟังปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “เศรษฐศาสตร์กับการพัฒนาเมืองในอนุภาคลุ่มน้ำโขง” โดย ดร. ณรงค์ชัย อัครเศรณี ในเวทีการประชุมวิชาการระดับชาติด้านสถาปั...
การดำเนินโครงการพัฒนาโดยท้องถิ่น     บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป   สถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม ผังเมือง
ผู้เขียน นิกร มหาวัน  วันที่เขียน 29/6/2559 21:25:48  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/11/2567 15:42:44   เปิดอ่าน 5542  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง
กลุ่มบทความแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป » แนวทางการพัฒนาเมือง : น่าตื่นเต้นกับประชาชนเมืองขอนแก่น
การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่โดยท้องถิ่นเป็นการประยุกต์ใช้แนวความคิดไปสู่การปฎิบัติ ซึ่งต้องพึงพาการสนับสนุน(งบประมาณจากรัฐบาล)จึงเป็นข้อจำกัดในความสำเร็จของการดำเนินโครงการของท้องถิ่นมาโดยตลอด เมืองขอนแ...
การพัฒนาพื้นที่โดยท้องถิ่น     บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป   สถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม ผังเมือง
ผู้เขียน นิกร มหาวัน  วันที่เขียน 25/6/2559 22:12:17  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/11/2567 16:01:43   เปิดอ่าน 4567  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง