สวนโบโบลี (Boboli Gardens) แห่งเมืองฟลอเรนซ์
By Edith Wharton 1905
แปลโดย ผศ.จรัสพิมพ์ บุญญานันต์
สถาปนิกชาวอิตาลีในยุคเก่าแบ่งกลุ่มบ้านในหมู่บ้านชนบทเป็นสองระดับ ได้แก่ บ้านชานเมือง (villa suburbana) หรือที่เรียกว่า บ้านสุขสราญ (maison de plaisance) ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในกำแพงเมือง หรือนอกกำแพงเมือง ล้อมรอบบริเวณด้วยพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ และถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเพียงระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ อีกประเภทหนึ่ง คือบ้านในชนบทซึ่งเป็นส่วนขยายของฟาร์มเก่าและโดยทั่วไปมักจะตั้งอยู่ห่างไกลออกไปนอกเมืองท่ามกลางทุ่งนาและไร่องุ่นซึ่งเป็นที่พักของสุภาพบุรุษในชนบทซึ่งอาศัยอยู่บนที่ดินของเขา สวนเพื่อความพักผ่อนหย่อนใจของอิตาลียังไม่ได้พัฒนาอย่างเต็มรูปแบบจนถึงกลางศตวรรษที่สิบหก และไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิลล่าเก่าแก่ของชาวฟลอเรนซ์จำนวนมากกึ่งปราสาทและสวนกึ่งฟาร์มในศตวรรษที่สิบสี่ยังคงสภาพเดิมอย่างที่พวกเขาเห็นในปัจจุบันนี้ บนระเบียงเปล่าท่ามกลางเถาไม้เลื้อย มีกำแพงล้อมรอบพื้นที่ขนาดเล็กสำหรับปลูกสมุนไพรและผัก มีตัวอย่างของสวนในรูปแบบดังกล่าวที่สามารถพบได้ใกล้ๆเมืองฟลอเรนซ์
สวนพักผ่อนหย่อนใจแห่งทัสคานีที่มีความสำคัญที่สุด แต่อาจจะไม่เป็นที่นิยมมากที่สุดซึ่งตั้งอยู่ภายในกำแพงเมือง นั่นคือสวนโบโบลี (Boboli) ตั้งอยู่บนเนินสูงชันด้านหลังพระราชวังปิตตี (Pitti Palace) แผนผังของสวนโบโบลี ไม่เพียงแต่สวยงามในตัวเอง แต่น่าสนใจในฐานะหนึ่งในตัวอย่างที่หายากในทัสคานีของสวนยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ที่โครงสร้างหลักยังคงไม่ถูกรบกวน อีเลโอนอราแห่งตระกูลเมดิซี (Eleonora de 'Medici) เป็นผู้ซื้อพระราชวังปิตตี ในปี ค.ศ. 1549 หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ครอบครองพื้นที่ใกล้เคียง สวนแห่งนี้ถูกออกแบบโดย อิล ทริโบโล (Il Tribolo) และออกแบบปรับปรุงต่อโดย บวนตาเลนติ (Buontalenti) และดำเนินการต่อเนื่องจนสำเร็จโดย บาร์โตโลมมีโอ แอมมานาติ (Bartolommeo Ammanati) ซึ่งเนื่องจากเป็นสวนของพระราชวัง. รูปแบบของสวนจึงควรค่าแก่การศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ แม้ว่ารูปลักษณ์ของสวนในปัจจุบันจะน่าประทับใจน้อยกว่าที่นักออกแบบตั้งใจไว้เดิมในหลาย ๆ ด้าน บางทีอาจจะเป็นเพราะขาดสนามโล่งที่งดงามและกว้าง ทำให้ขาดเสน่ห์ของสวนสไตล์อิตาลีเก่าแก่ขาดสนามโล่งที่มีความยิ่งใหญ่และมีขอบเขตเท่าในอดีต ความมีเสน่ห์ราวต้องมนต์นั้นน้อยกว่าเมื่อเปรียบกับสวนอิตาลีดั้งเดิม และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกิดจากข้อบกพร่องขององค์ประกอบซึ่งน้อยลง อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดของการปลูกพรรณไม้และการตกแต่งสวนในภายหลัง ถึงกระนั้นโครงสร้างหลักยังคงอยู่และเต็มไปด้วยข้อแนะนำดีๆสำหรับคนรักสวน
ภาพที่ 1 แผนผังสวนโบโบลี (Boboli Gardens) แห่งเมืองฟลอเรนซ์
ที่มา: Sailko. 2006. File: Boboli pianta antica.jpg. [Internet]. [cited 2020 Sep 10] Wikimedia Commons. Source : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Boboli_pianta_antica.jpg
พระราชวังถูกสร้างขึ้นบนเนินเขาสูงชันซึ่งถูกปรับระดับเพื่อรองรับตัวอาคาร กำแพงกันดินสูงที่สร้างขึ้นห่างจากตัวอาคารส่วนกลางของอาคารมากพอที่จะให้ด้านหลังเปิดโล่งอย่างอิสระ ชั้นล่างของพระราชวังอยู่ต่ำกว่าพื้นดิน เมื่อมองจากหน้าต่างจะมองข้ามลานที่หน้ากำแพงกันดิน ซึ่งอัมมานาตีได้ตกแต่งด้วยองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่จำลองถึงอุโมงค์ ซึ่งมีน้ำพุหลั่งไหลออกมาราวกับว่าออกมาจากเนินเขา อุโมงค์แห่งนี้มีน้ำพุอันงดงามตั้งตระหง่านอยู่ในระดับเดียวกับหน้าต่างชั้นหนึ่งของพระราชวังและสวนโดยรอบ การจัดวางแสดงให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดในการเอาชนะความยากลำบากทางเทคนิค ผลที่เกิดจากการออกแบบสวนนั้น นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก แม้ว่าพื้นที่ซึ่งคล้ายคอร์ทนี้จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างบ้านกับบริเวณโดยรอบอย่างน่าเสียดาย
ภาพที่ 2 มุมมองจากพระราชวังปิตตี ไปยังสวนโบโบลี (Boboli Gardens)
ที่มา : Frantz, R. A. (2006). Boboli Garden seen from Palazzo Pitti, Florence. [Internet]. Wikimedia Commons. [cited 2020 Sep 10] https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Boboli-gardens-from-palazzo.jpg
ภาพที่ 3 ทางเข้าไปสู่สวนด้านบน
ที่มา : Rufus46. 2014. Inselteich im Boboli-Garten, Florenz. . [Internet]. Wikimedia Commons. [cited 2020 Sep 10] Available from: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Inselteich_Boboli-Garten_Florenz-17.jpg
พื้นที่ด้านหลังของน้ำพุและอยู่แนวเดียวกันกับอัฒจันทร์รูปเกือกม้านั้นถูกตัดขาดออกจากเนินเขา และถูกล้อมรอบด้วยที่นั่งหินที่ประดับด้วยรูปปั้นในซอก และเสริมด้วยพุ่มไม้ลอเรลที่ตัดแต่งไว้ด้านหลัง ซึ่งยกระดับพื้นที่ลาดซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นไอเล็คซ (ilex) ของสวนชั้นบน อัฒจันทร์แห่งนี้เป็นหนึ่งในความสำเร็จของสถาปัตยกรรมสวนสไตล์อิตาลี ในการออกแบบและรายละเอียดโดยทั่วไปมันแสดงถึงของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่บริสุทธิ์โดยไม่มีร่องรอยของสไตล์บารอคคิสโมที่เทอะทะและน่าอัศจรรย์ ซึ่งครึ่งศตวรรษต่อมาได้เริ่มทำให้องค์ประกอบดังกล่าวผิดเพี้ยนไป พบในวิลล่าใกล้กรุงโรม อันที่จริงการเปรียบเทียบกับภูมิสถาปัตยกรรมสวนที่แปลกประหลาดของ วิลลาเดอเอสเต้ (Villa d'Este) ที่ทริโวลี (Tivoli) ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นในภายหลัง แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการแสดงออกถึงความรู้สึกของสัดส่วนและรสนิยมที่ละเอียดอ่อนของสไตล์ที่พบได้ในทัสคานี ว่าสืบทอดมาเป็นเวลานานเพียงใด ทั้งยังยืนหยัดท่ามกลางกระแสความต้องการในการออกแบบที่สร้างความประหลาดใจให้ผู้มาเยือน แทนที่จะสร้างเสน่ห์ดึงดูดใจพวกเขาเหล่านั้น
ภาพที่ 4 อัฒจรรย์ สำหรับพื้นที่จัดงานและชมการแสดง
sailko. 2007. Boboli, anfiteatro. [Internet]. Wikimedia Commons. [cited 2020 Sep 10] Available from: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Boboli,_anfiteatro_01.JPG
ภาพที่ 5 ทางเดินและแนวต้นไม้ตัดแต่ง ขึ้นบนเนินเขา
ที่มา : TxllxT, T. 2010. English: Firenze / Florence - Giardino di Boboli - View SSE. [Internet]. Wikimedia Commons. [cited 2020 Sep 10] Available from: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Firenze_-_Florence_-_Giardino_di_Boboli_-_View_SSE.jpg
ในแต่ละด้านของอัฒจันทร์ จะมีทางเดินพร้อมด้วยแนวของต้นไอเล็คซตัดแต่งตัดขึ้นบนเนินเขาไปข้างบนเนินซึ่งเป็นที่ราบสูง มีทะเลสาบจำลองและเกาะเล็ก ๆ เรียกว่า ไอโซลา เบลลา (Isola Bella) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่แห่งความภาคภูมิใจของสวนโบโบลี พื้นที่ส่วนนี้ถูกละเลย ไม่ได้รับการตกแต่งทางสถาปัตยกรรมและพืชพันธุ์โดยรอบ จนบัดนี้กลายเป็นเพียงความเสื่อมโทรม และสวนชั้นบนเล็ก ๆ ก็เป็นไปในในทำนองเดียวกัน ทั้งที่สามารถเข้าถึงได้โดยการเดินไปตามขั้นบันไดอันโอ่อ่าและยังเป็นพื้นที่ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่กว้างไกลของเมืองฟลอเรนซ์ เราควรย้อนกลับไปดูแบบแผนผังของสถาปนิกเพื่อดูว่าเขาได้ออกแบบเพื่อแก้ปัญหาของสถานที่ได้อย่างไร และเขาประสานร่มเงาที่หนาแน่นของสวนต้นไอเล็คซ กับพื้นที่เปิดโล่งที่ยิ่งใหญ่และผลกระทบจากความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมได้อย่างไร จึงสามารถสร้างสรรค์พื้นที่สวนคอร์ท ให้กลายเป็นสถานที่สำคัญโดดเด่นในยุคเรอเนสซองส์
ภาพที่ 6 สระน้ำ ภายในสวนโบโบลี (Boboli Gardens)
ที่มา : Sailko. 2006. Bobolipond. [Internet]. Wikimedia Commons. [cited 2020 Sep 10] Available from : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Bobolipond.jpg
เป็นที่น่าสนใจสังเกตถึงความสัมพันธ์เชื่อมโยงที่ว่า สวนดอกไม้ (giardino segreto) ซึ่งในยุคเรอเนสซองส์ มักจะติดกับตัวบ้านตลอด แต่ที่นี่กลับอยู่ด้านบนของเนินเขา ไม่ต้องสงสัยเลยถึงสาเหตุที่สืบเนื่องมาจากการที่พื้นที่ว่างซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับพระราชวังนั้นถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับพิธีการของรัฐ และความบันเทิงในการแสดงละครมากกว่าเพื่อความบันเทิงส่วนตัว
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสวนโบโบลี เป็นสวนคอร์ทและไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการใช้งานส่วนตัวจึงมีความน่าสนใจและถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อการศึกษาน้อยกว่าสวนอื่น ๆ ที่มีความสำคัญน้อยกว่า แม้แต่ สวน อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เมืองฟลอเรนซ์ แม้ว่าจะได้รับการออกแบบในแนวเรียบง่ายกว่ามาก แต่ก็ขาดเสน่ห์ส่วนตัวเช่นเดียวกัน บางทีอาจเป็นเพราะฟลอเรนซ์อยู่ภายใต้การปกครองของครอบครัวที่มีอำนาจมากมานานจน บ้านพักผ่อนของพวกเขามีความหลากหลายน้อยมาก ปราโตลิโน (Pratolino) ปอจจิโอ เอ คาเอียโน (Poggio a Caiano) คาฟัจจิอัวโล (Cafaggiuolo) คาเรจจิ (Careggi), คาสเตลโล (Castello) และ แพทราเอีย (Petraia) ไม่ว่าจะมีต้นกำเนิดอะไรก็ตามในไม่ช้าก็ผ่านเข้าสู่การครอบครองของตระกูลเมดิซี (Medici) และจากนั้นก็กลายเป็นของแกรนด์ดุ๊กชาวออสเตรียที่ประสบความสำเร็จ และในสามสวนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้บางส่วนคือ คาสเตลโล แพทราเอีย และคาสเตลโล อาจกล่าวได้ว่าสวนเหล่านี้มีรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นทางการเหมือนกับสวนโบโบลี
บรรณานุกรม
Wharton, Edith. 1903. Italian Villas and Their Gardens. New York: The Century Co.
Wharton, Edith. 1903. "Italian Villas and Their Gardens." [Internet]. The Project Gutenberg eBook [cited 2019 Sep 22]. Available from: https://www.gutenberg.org/ebooks/53495