วิธีการออกเสียงชื่อทางพฤกษศาสตร์
Written By J. L. Hudson, Seedsman.
Translated to thai language by Charaspim Boonyanant
Images (latterly added by the translator) from wikipedia.org
หลายคนรู้สึกสับสนเกี่ยวกับวิธีการออกเสียงชื่อพฤกษศาสตร์ที่ "ถูกต้อง" ผู้คนมักจะไม่มั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ และวิตกกังวลว่าจะ "ดูโง่" ถ้าหากพวกเขาเรียกชื่อเหล่านั้น "ผิด"
ใจเย็นไว้ก่อน ข่าวดีก็คือ ไม่มีวิธีใดๆที่กล่าวได้ว่า "ถูกต้อง" ในการออกเสียงชื่อวิทยาศาสตร์พวกนั้น คุณอาจออกเสียงเหล่านั้นอย่างไรก็ได้ตามที่คุณต้องการ และคุณก็จะออกเสียงได้ "ถูกต้อง" เหมือนๆกับเหล่านักพฤกษศาสตร์ระดับดุษฎีบัณฑิตทั้งหลาย ดังนั้นขอให้มีความมั่นใจ และเรียกชื่อเหล่านั้นอย่างไรก็ได้ตามที่คุณรู้สึกสบายใจที่จะเรียก ใครก็ตามที่คอยแก้ไขวิธีการออกเสียงที่คุณเรียก เขาเพียงแต่กำลังแสดงความเขลาของตัวเอง และการตอบโต้ที่ถูกต้อง คุณก็เพียงแค่ ยิ้มและพูดว่า “ใช่แล้ว นั่นแหละที่ฉันพึ่งพูดไป” (และเอ่ยชื่อนั้นซ้ำอีกครั้ง ตามที่คุณได้ออกเสียงมาก่อนแต่แรก)
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ภาษาพูด บางครั้งเรียกว่า "ชื่อภาษาละติน" ซึ่งนี่ไม่ถูกต้อง ชื่อเรียกทางชีววิทยาจำนวนมากมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก หรือผสมผสานระหว่างภาษาละตินและภาษากรีก หรือจากชื่อท้องถิ่นของพืชนั้นๆ ในภาษาใดๆก็ตามของผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่พืชชนิดนั้นถูก "ค้นพบ" มันอาจจะมาจากชื่อของคน (เช่น Camegia, Jeffersonia, Kennedia เป็นต้น) มาจากชื่อของสถานที่ (เช่น chinensis, californica, syriaca เป็นต้น) การสับเปลี่ยนพยัญชนะของคำ (เช่น Podranea เป็นชื่อที่ได้มาจากการนำตัวอักษรของคำว่า Pandorea มาจัดเรียงใหม่) ดังนั้นเราจึงมีชื่อ Lobelia tupa ซึ่งชื่อสกุล Lobelia ได้มาจากชื่อ Matthias de Lobel [1]ส่วนชื่อชนิด tupa เป็นชื่อภาษาพื้นเมืองของชาวอินเดียนเผ่ามาพูเช (Mapuche) ซึ่งใช้เรียกพืชพันธุ์ในแถบตอนใต้ของประเทศชิลี ไม่มีอะไรซักอย่างที่เกี่ยวข้องกับภาษาละติน ดังนั้นทำไมเราถึงต้องใช้กฎของการออกเสียงภาษาละตินกับการเรียกชื่อพันธุ์ไม้ชนิดนี้ ผมแน่ใจว่า มีชื่อบางชื่อที่มาจากการสลับอักษรชื่อของหญิงสาวที่นักอนุกรมวิธานหนุ่มกำลังใจลอยฝันถึง ในวันที่เขาจำเป็นต้องสรุปชื่อวิทยาศาสตร์สำหรับชนิดของพันธุ์ไม้ที่เขากำลังศึกษาอยู่ จริงๆแล้วชื่อ Clitoria ถูกตั้งชื่อตามลักษณะของดอกไม้ที่คล้ายคลึงมากๆกับสรีระบางส่วนของสตรี[2] (พ่อนักอนุกรมวิธานคนนี้จำเป็นที่ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมให้มากกว่านี้จริงๆ) มีไม้พุ่มมีหนามแหลมที่ชื่อว่า Damnacanthus (แปลว่า"ไอ้หนามห่านี่[3]”) ไม่ต้องสงสัยว่าถูกตั้งชื่อ โดยนักอนุกรมวิธานที่ถูกหนามตำเข้าให้สักครั้งหรือหลายๆครั้งขณะที่ถือตัวอย่างพันธุ์ไม้ นักอนุกรมวิธานซึ่งเป็นคนตั้งชื่อเหล่านี้ เป็นคนมีอารมณ์ขัน ดังนั้นพวกเราเองก็ควรจะทำตัวให้ร่าเริงขึ้นสักเล็กน้อย
ภาพที่ 1 Damnacanthus indicus subsp. major ที่มา: KENPEI. 2007. “File:Damnacanthus indicus subsp major2.jpg”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/File:Damnacanthus_indicus_subsp_major2.jpg (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554).
ไม่ต้องไปยุ่งยากในการพยายามบังคับให้การออกเสียงชื่อทางพฤกษศาสตร์ของเรา ให้เป็นไปตามกฎของการออกเสียงภาษาละติน จริงๆแล้วเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชาวโรมันพูดกันยังไง แน่นอน มีการคาดเดาที่ดีโดยเดาตามบทร้อยกรองพวกนั้น แต่เราไม่มีการบันทึกเทปหรือแม้แต่ผู้มีประสบการณ์ตรงในการพูดภาษาโรมัน และควรหรือที่เราต้องไปเลียนแบบกลุ่มคนที่ตายไปแล้วด้วย แม้แต่การพูดภาษาอังกฤษในยุคปัจจุบันของเราก็ไม่เหมือนภาษาของเชกสเปียร์[4] หรือภาษาสเปนในปัจจุบันก็ต่างไปจากภาษาของเซอแฟนตีซ[5] นอกจากนี้ผู้คนที่พูดภาษาอังกฤษจากบอสตัน ซานฟรานซิสโก แอตลานต้า ลอนดอน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย และจาไมกา ทั้งหมดต่างก็มีสำเนียงการพูดที่แตกต่างกันไปทั้งสิ้น ดังนั้นทำไมการออกเสียงชื่อทางพฤกษศาสตร์ถึงจะต้องเหมือนกันเสมอไปด้วย
ผมขอย้ำอีกครั้ง —ไม่มีวิธีที่ถูกต้องอย่างแท้จริง อย่างแน่ๆ หรืออย่างเป็นทางการใดๆในการออกเสียงชื่อวิทยาศาสตร์
หลายคนขอบคุณเรามาสำหรับคำแนะนำในการออกเสียงเล็ก ๆน้อยๆ ที่เราให้ไว้ในบัญชีรายชื่อสำหรับชื่อสกุล แต่ผมต้องบอกคุณว่านั่นเป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น ซึ่งย่อมไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง อย่างแน่ๆ หรืออย่างเป็นทางการในการออกเสียงพูด ในความเป็นจริงแล้วบางส่วนของมันยังไม่ใช่วิธีที่ผมออกเสียงเองด้วยซ้ำ เหตุที่ผมต้องใช้แนวทางพวกนี้ ก็เนื่องจากนี่เป็นวิธีที่คนจำนวนมากออกเสียง และเป็นวิธีที่คุณชอบฟังยังไงล่ะ
เวลาที่ผมพูดกับคนอื่น เพื่อเป็นการรักษามารยาท ผมพยายามอนุโลมตามนักพฤกษศาสตร์อาวุโสในกลุ่ม หรือไม่ก็ตามนักพฤกษศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญในพืชชนิดที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ ดังนั้นถ้ามีนักพฤษศาสตร์อาวุโสในวัย 60 ปีในกลุ่มเป็นผู้เอ่ยนามเฉพาะโดยวิธีที่เฉพาะ ผมก็จะใช้การออกเสียงตามแบบของเธอเมื่อพูดอยู่ต่อหน้าเธอ ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญด้านพืชพันธ์ชนิดนั้นๆอยู่ด้วย ผมก็จะใช้วิธีการออกเสียงตามแบบของเขาเมื่อพูดคุยกับเขา ดังนั้น เมื่อผมคุยกับ แดน ออสติน เพื่อนผมซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของต้นผักบุ้งฝรั่ง (Morning Glory) ซึ่งออกเสียงคำว่า Ipomoea ว่า อี-โป-มอย-อา ผมก็จะไม่เรียกมันว่า อิป-โอ-เมย์-อา เพียงเพื่อเป็นการรักษามารยาทเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
ภาพที่ 2 Ipomoea carnea, Bush morning glory. Note the narrow leaves. In a garden in Tonga ที่มา: Tau’olunga. 2007. “File:Ipomoea carnea.jpg”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/File:Ipomoea_carnea.jpg (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554).
ดังที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำงานร่วมกับนักพฤกษศาสตร์มามากย่อมรู้ดีว่า ไม่มีข้อตกลงระหว่างพวกเขาในเรื่องการออกเสียงชื่อวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง และทุกคนต่างก็ออกเสียงตามที่ตนเองชอบ ผมเคยได้ฟังวิธีการออกเสียงชื่อวิทยาศาสตร์ที่แตกต่างกันถึง 8 วิธี สำหรับต้นไธม์(Thyme) ชื่อสกุล Thymus ได้แก่ ที-มัส, ทายล์-มัส, ที-มูส, ทายล์มูส, ดี-มัส, ดายล์-มัส, ดี-มูส, และ ดายล์-มูส
สิ่งสำคัญก็เพื่อให้เข้าใจร่วมกัน เพื่อที่พวกเราทุกคนจะได้รู้ว่าคนอื่นๆกำลังพูดถึงอะไรกันอยู่
มีธรรมเนียมหลักหลายๆรูปแบบของการออกเสียง — มีหนึ่งวิธีที่ใช้กันในสหราชอาณาจักรและอีกหลายวิธีส่วนใหญ่เป็นของแถบภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา และวิธีอื่นๆอีกบ้างที่ใช้ในของภูมิภาคส่วนที่เหลือเหลือของโลกเป็นส่วนใหญ่ผมซึ่งเติบโตขึ้นที่นี่ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมกับได้รับอิทธิพลอย่างมากจากภาษาเม็กซิกัน และอิทธิพลจากภาษากรีกภายในครอบครัว โดยธรรมชาติผมจึงออกเสียงแนวเดียวกับการออกเสียงในภาษากรีกและ ภาษาสเปน ในช่วงที่ผมเป็นวัยรุ่นตอนปลาย ผมทรมานตัวเองด้วยการพยายามที่จะออกเสียงตามวิธีที่เขียนไว้ในหนังสือ เป็นหนังสือหลายเล่มที่เขียนโดยนักพฤกษศาสตร์ในภูมิภาคตะวันเฉียงเหนือ[6] ที่มักจะทำตามสไตล์อังกฤษ ส่วนเหลือของโลกมีแนวโน้มที่จะมองธรรมเนียมการออกเสียงแบบนี้เป็นการออกเสียงที่ไม่ถูกต้องและน่าขำ ชั่งเป็นอะไรที่เสียเวลาและความพยายามโดยเปล่าประโยชน์ และในที่สุดผมก็เลยกลับไปใช้วิธีที่รู้สึกเป็นธรรมชาติของตัวเอง ทุกวันนี้บางเรื่องผมก็ยังคงไม่ได้เรียนรู้วิธีการออกเสียงในสำเนียงอังกฤษพวกนั้น
นี่คือบางส่วนของ "กฎ" ที่คุณจะต้องพบเจอซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดแบบชัดเจน
"ออกเสียงแต่ละสระเป็นแต่ละพยางค์"
เหลวไหล ลืมเรื่องนี้ไปเลย การทำแบบนี้นำไปสู่ความทรมานที่ไร้สาระ ดังเช่น การออกเสียง williamsii เป็น วิล-อี-แอม-ซี-อาย หรือ ออกเสียง douglasii เป็น ดัก-ลาส-อี-อาย คุณเคยได้ยิน ดักลาส วิลเลี่ยม (Douglas Williams) แนะนำตัวเองว่า "ผมคือ ดัก-ลาส-วิล-อี-แอมส” หรือเปล่า ไม่ต้อง จะออกเสียงว่า วิลเลียม-อี และดักลาส-อี ก็ถือว่าใช้ได้ และคำท้ายชื่อ "oides" ซึ่งหมายถึง "เหมือน" นั้น—ไม่ได้ออกเสียงว่า “โอ-อาย-ดีซ” แต่ออกเสียงว่า “ออย-เดซ” หรือไม่ก็ “อี*ดีซ” แต่ "ออย-เดซ” นั้นใช้กันทั่วไปมากกว่า แต่สำหรับผมชอบออกเสียงว่า “อี-เดซ” เนื่องมันออกสำเนียงเหมือนภาษากรีกมากว่า แต่เดาว่า นี่เป็นเพียงแค่ความจู้จี้น่าเบื่อของผมเอง
"ออกเสียงตามสำเนียงที่คุณพบในหนังสือพฤกษศาสตร์"
ย้ำอีกครั้ง การออกเสียงในหนังสือเหล่านี้มักออกเสียงตามสำเนียงแปลกๆของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และส่วนเหลือของโลกส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจคุณ ไม่ต้องไปใส่ใจกับกฎนี้ สิ่งที่ผมทำก็คือดูที่ชื่อนั้นและออกเสียงแต่ละรากศัพท์แยกจากกัน เหมือนเวลาที่เราออกเสียงชื่อ Rhododendron — แบ่งชื่อนั้นออกเป็น rhodo และ dendron และออกเสียงแต่ละคำเหมือนเช่นที่มันออกเสียงคำของตัวเอง เพราะถึงอย่างไร มันก็เป็นคำที่หมายถึง “ต้นกุหลาบ (rose-tree)” นั่นเอง ตอนนี้ผมกำลังเรียนรู้ใหม่กับคำว่า Pittosporum ที่ซึ่งคนส่วนใหญ่เรียก "พี-ตอส-ปอร-อัม” ผมกำลังแบ่งมันตามรากศัพท์เดิม ออกเป็น “พิตโต (pitto) และ “สปอรัม (sporum)” หมายถึง "โยนเมล็ด" นอกจากนั้นผมยังกำลังเรียนรู้ใหม่กับต้น Acacia melanoxylon ซึ่งส่วนใหญ่ออกเสียงว่า เมล-อาน-อ๊อกซ-อี-ลอน ซึ่งเป็นวิธีที่ผมออกเสียงมาแต่เดิมจนถึงปีนี้ จนค้นพบความจริงชัดเจน ในเมื่อมันเป็นกระถินไม้ดำ (Blackwood acacia) และชื่อนั้นอ้างอิงถึงสีของไม้ คือ melano (สีดำ) และ xylon (ไม้), หรือออกเสียงได้ว่า "เม-ลาน-โอ-ซาย-ลอน" หรือ "เม-ลา-โน-ซี-ลอน" หรือถ้าคำว่า "oxy" ของชื่ออ้างอิงถึงบางสิ่งบางอย่างที่แหลมคม ใน oxyacantha (หนามแหลม), ดังนั้นเราจึงควรจะออกเสียงว่า “อ๊อกซ-อี”
ภาพที่ 3 Growing as a street tree in San Francisco ที่มา: Eric in SF. 2010. “Acacia melanoxylon.jpg ”. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/File:Acacia_melanoxylon.jpg (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554).
ต่อไปนี้เป็นข้อตกลงบางอย่างที่คุณอาจพบว่ามีประโยชน์ หรือคุณอาจจะเลือกที่จะไม่สนใจมันก็ได้
คำว่า"ii" ที่ส่วนท้ายของคำเหมือน douglasii ที่อ้างถึงไปแล้ว — ให้ออกเสียงเหมือนกับ "อี"
ออกเสียง "i" ว่า "อี" ไม่ใช่ "อาย"
ออกเสียง "a" ว่า "อา" ไม่ใช่ "เอ"
ออกเสียง "e" ว่า "เอ" ไม่ใช่ "อี"
โดยทั่วไป "ch" จะออกเสียงเหมือนกับ "ค" ไม่ใช่ “ช” เช่นในคำว่า Pachycereus จะออกเสียงว่า “ปา-คี-เซีย-อี-อัส” แต่ในบางครั้งก็ออก เป็น “ช” เช่นในคำว่า Lachenalia ออกเสียงว่า “ลา-เช-นาล-อี-อา”
และพวกคำท้ายชื่อวงศ์ที่ลงท้ายด้วย "aceae" และ "ae" — โอ้ ไม่..ผมออกเสียงมันยังไงนะหรือให้ออกเสียงตามที่คุณคิดว่ามันเป็นธรรมชาติสำหรับคุณเถิด ผู้เฃี่ยวชาญทั่วไปมักจะใช้วิธีการออกเสียงดังนี้ — "ae" ออกเสียงเป็น "อาย" "อี" หรือ "เอ" และ "aceae" จะออกเสียง "อา-เซ-เอ”หรือ “อา-ซี-อี” และอื่นๆอีกเยอะแยะมากมาย ไม่ต้องไปกังวลเกี่ยวกับมัน
โดยทั่วไปถ้าคุณเอ่ยชื่อเป็นครั้งแรกที่คุณพบและคุณเพียงแค่พูดมันออกมาในแบบที่คุณคิดว่าเป็นธรรมชาติสำหรับคุณ แค่นั้นคุณก็ทำได้ดีแล้ว และภาษาทางพฤกษศาสตร์ที่น่ากลัวเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องง่ายเหมือนกับขนมพายเลยทีเดียว
ดังนั้น ขอให้มีความมั่นใจ ไม่ต้องอายและพูดพึมพำๆ ให้เอ่ยชื่อเหล่านั้น ด้วยความเชื่อมั่นและรอยยิ้ม
แปลจาก (Translated From)
J. L. Hudson, Seedman. 2000-2011. “How To Pronounce Botanical Names.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.jlhudsonseeds.net/Pronunciation.htm (9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554)
[1] Matthia de Lobel เป็นชื่อของแพทย์หลวงและนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศสซึ่งมีอายุระหว่าง ปี ค.ศ. 1358-1616----ผู้แปล
[2] ไม่หารูปให้นะ ลองไปหารูปภาพของดอกไม้ในสกุล Clitoria ดูก็แล้วก็จินตนาการเอาเองว่าเหมือนอะไร ---ผู้แปล
[3] มันแปลได้ประมาณนี้แหละ จะใช้คำอื่นก็ได้ แล้วแต่อารมณ์คนพูด---ผู้แปล
[4] วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) เป็นกวีและนักเขียนบทละครที่มีชื่อเสียงชาวอังกฤษ มีอายุระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1564-1616 สร้างผลงานมากมาย เช่น โรมิโอกับจูเลียต เวนิสวาณิช เป็นต้น
[5] มิเกล เดอ เซอแฟนตีซ ซาอาเวดรา (Miguel de Cervantes Saavedra ) นักประพันธ์ชาวสเปน มีอายุอยู่ในช่วง ค.ศ. 1547-1616 ผู้ประพันธ์วรรณกรรมเอกเรื่อง ดอน กิโฮเต
[6] หมายถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา---ผู้แปล