การจัดการองค์ความรู้ในองค์กรและกระบวนการ KM
วันที่เขียน 16/2/2557 13:29:08     แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/11/2567 20:55:11
เปิดอ่าน: 18366 ครั้ง

การจัดการความรู้ในองค์กรและกระบวนการจัดการความรู้ ( Knowledge Management ) 7 ขั้นตอน ที่จะช่วยทำให้คุณไม่เป็นรองใครในการจัดทำกิจกรรม KM

การจัดการองค์ความรู้ในองค์กรและกระบวนการจัดการความรู้ 7 ขั้นตอน 

ผู้เขียน : ปาณิศา  คงสมจิตต์

นักเอกสารสนเทศ : ห้องสมุดคณะผลิตกรรมการเกษตร

 

*การจัดการองค์ความรู้ในองค์กร(Knowledge Management หรือ KM)

การจัดการองค์ความรู้ในองค์กร ( Knowledge Management หรือ KM ) เป็นกระบวนการรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กรซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบเพื่อให้บุคลากรทุกงานสามารถเข้าถึงความรู้ พัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้และนำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงานพัฒนางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการพัฒนาฐานความรู้หรือทุนปัญญาขององค์กรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ( Learning Organization  หรือ LO ) ที่สามารถเพิ่มขีดสมรรถนะในเชิงแข่งขันได้สูงสุด

องค์ความรู้ในองค์กรมี 2 ประเภท  ได้แก่

1.ความรู้ที่ชัดแจ้ง ( Explicit  หรือ Codified Knowledge ) คือความรู้ที่สามารถรวบรวมถ่ายทอดได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น  การบันทึก  ทฤษฎี  แนวปฏิบัติ  คู่มือต่างๆ

2.ความรู้ที่ฝังลึก ( Tacit Knowledge )  เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์  พรสวรรค์  หรือสัญชาตญาณ ของแต่ละบุคคล ซึ่งยากต่อการเล่าหรือเขียนออกมาให้ผู้อื่นทราบหรือเข้าใจ จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการต่าง ๆ เปลี่ยนให้เป็นความรู้ที่ชัดแจ้งซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนกันได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทำงาน  งานฝีมือ  การคิดเชิงวิเคราะห์

* กระบวนการจัดการความรู้ ( Knowledge Management Process )

กระบวนการจัดการความรู้ ( Knowledge Management Process ) เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้เกิดพัฒนาการของความรู้ หรือการจัดการความรู้ที่จะเกิดขึ้นภายในองค์กรมีทั้งหมด 7 ขั้นตอน คือ

1.การบ่งชี้ความรู้ ( Knowledge Identification ) เป็นการพิจารณาว่าองค์กรมีวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ เป้าหมายคืออะไร และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเราจำเป็นต้องใช้อะไร ขณะนี้เรามีความรู้อะไรบ้าง อยู่ในรูปแบบใด อยู่ที่ใคร

2.การสร้างและแสวงหาความรู้ ( Knowledge Creation  and Acquisition ) เช่น การสร้างความรู้ใหม่ แสวงหาความรู้จากภายนอก  รักษาความรู้เก่า  กำจัดความรู้ที่ใช้ไม่ได้แล้ว

3.การจัดความรู้ให้เป็นระบบ ( Knowledge Organization ) เป็นการวางโครงสร้างความรู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บความรู้อย่างเป็นระบบในอนาคต

4.การประมวลและกลั่นกรองความรู้ ( Knowledge Codification and Refinement ) เช่น ปรับปรุงรูปแบบเอกสารให้เป็นมาตรฐาน ใช้ภาษาเดียวกัน ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์

5.การเข้าถึงความรู้ ( Knowledge Access ) เป็นการทำให้ผู้ใช้ความรู้เข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก เช่น ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) , Web board , บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

6.การแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ ( Knowledge Sharing ) ทำได้หลายวิธีการ ซึ่งถ้าหากเป็นความรู้ที่ชัดแจ้ง ( Explicit  หรือ Codified Knowledge ) อาจจัดทำเป็นเอกสาร , ฐานความรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือถ้าหากเป็นความรู้ที่ฝังลึก ( Tacit Knowledge ) ก็สามารถจัดทำเป็นระบบ , ทีมข้ามสายงาน , กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม , ชุมชนแห่งการเรียนรู้ , ระบบพี่เลี้ยง , การสับเปลี่ยนงาน , การยืมตัว , เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นต้น

7.การเรียนรู้ ( Learning ) ควรทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน เช่น เกิดระบบการเรียนรู้จากสร้างองค์ความรู้  การนำความรู้ไปใช้ เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง

จากที่ได้กล่าวมา...หากท่านผู้อ่านได้นำไปทดลองปฏิบัติอย่างจริงจังตามที่ผู้เขียนได้กล่าวถึง  ก็สามารถมั่นใจได้ว่าท่านจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่สามารถจัดการกับระบบ KM ได้อย่างแน่นอน

 

 

 

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)
ไม่มีข้อมูลตามเงื่อนไขที่ท่านกำหนด
รายการบทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หมวดหมู่ : การบริหารจัดการ การจัดการความรู้
ถ่านชีวภาพ » การวิเคราะห์สมบัติของถ่านชีวภาพตามมาตรฐาน
ถ่านชีวภาพที่ผลิตได้จะมีสมบัติแตกต่างกันตามกระบวนการและวัสดุที่ใช้ในการผลิต หากจะนำมาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะการนำมาใช้ในการเกษตร พืชก็มีความต้องการสมบัติของ ดิน น้ำ ถ่านชีวภาพที่มีความเหมาะสมกับชนิดแล...
ถ่านชีวภาพ มาตรฐาน การวิเคราะห์     บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป   การบริหารจัดการ การจัดการความรู้
ผู้เขียน ธนศิษฏ์ วงศ์ศิริอำนวย  วันที่เขียน 17/3/2565 14:57:05  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/11/2567 20:50:53   เปิดอ่าน 1977  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง