การเปลี่ยน "งานประจำ" ให้เป็น "ความก้าวหน้า" 5 ก้าวแรกสู่การเตรียมตัวทำผลงานเพื่อขอตำแหน่งที่สูงขึ้น (From Routine to Rank: 5 First Steps to Kickstart Your Promotion Journey)
วันที่เขียน 4/12/2568 14:14:44     แก้ไขล่าสุดเมื่อ 7/12/2568 2:08:14
เปิดอ่าน: 12 ครั้ง

เคยไหมคะ? ที่มองดูเพื่อนร่วมงานคนนั้นคนนี้เติบโตในหน้าที่การงาน แล้วย้อนกลับมาถามตัวเองเบา ๆ ว่า "แล้วเราล่ะ... ถึงเวลาหรือยัง?"

การทำผลงานทางวิชาการเพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากปฏิบัติการไปชำนาญการ หรือจากชำนาญการไปชำนาญการพิเศษ หลายคนมักมองว่าเป็นเรื่อง "ยาขม" ที่แสนยุ่งยาก มันยากเกินไปสำหรับฉัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเราติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก เตรียมตัวให้พร้อม เส้นทางนี้เป็นความท้าทายใหม่และก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะคะ วันนี้เรามาลองเริ่มนับหนึ่งไปด้วยกัน กับ 5 ขั้นตอนเตรียมความพร้อมตัวเอง และเราสามารถทำได้จริงที่ผู้เขียนกลั่นกรองออกมาจากประสบการณ์จริงของตนเอง แล้วนำมาถ่ายทอดและเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจค่ะ ลองเปิดใจอ่านกันนะคะ

  1.  เริ่มต้นที่ "หัวใจ" ด้วยการคุยกับตัวเองให้จบ แล้วจบที่ "ลงมือทำ" (Start with the Heart: Have a Self-Talk, Then Just Do It!)

ก้าวแรกที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การจับปากกาเขียน แต่เป็นการจับเข่าคุยกับตัวเองหน้ากระจกค่ะ ถามตัวเองอย่างตรงไปตรงมาและจริงจังที่สุดว่า "เราอยากก้าวหน้าจริงไหม?" และ "ถึงเวลาหรือยังที่เราจะเอาจริง?" ถ้าคำตอบในใจของคุณดังก้องว่า "ใช่! มันถึงเวลาแล้ว" สิ่งที่คุณต้องทำต่อ คือ การปลุกยักษ์ที่กำลังหลับในตัวของเราเองให้ตื่นขึ้นมาค่ะ กระตุ้นความรู้สึกกระตือรือร้นและสร้างพลังใจให้ตัวเอง เปลี่ยนความอยากให้เป็นความมุ่งมั่น เพราะเมื่อใจเราพร้อม กายเราก็จะพร้อมลุยกับทุกอุปสรรคที่จะเจอในวันข้างหน้า

 

  1. เลือกงานที่ "ใช่" ในแบบที่คุณ "ชอบ" (Pick the "Right" Work That You Truly "Love")

เมื่อใจของเราพร้อมแล้ว ต่อมา คือ การเลือก "วัตถุดิบ" หรือ “งาน” ที่เราจะนำมาใช้ทำผลงานนั่นเองค่ะ แต่ละคนต่างมีภาระงานที่เราต้องรับผิดชอบมากมายเต็มไปหมด แต่ไม่ใช่ทุกงานที่จะเหมาะมาทำผลงาน เคล็ดลับที่สำคัญที่อยากจะบอก คือ ให้มองหางานที่คุณทำมานานแล้ว และเป็นงานที่คุณ "ชอบ" และ "ถนัด" ที่สุด

เหตุผลที่ต้องเลือกงานที่เราชอบและถนัด เพราะเมื่อเราอยู่กับสิ่งที่เราถนัด เรามักจะมีข้อมูลสะสมอยู่ในสมองและมีประสบการณ์ในการทำงานนี้มามากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นงานประจำที่ทำซ้ำ ๆ จนเชี่ยวชาญ หรืองานที่ได้รับมอบหมายเฉพาะกิจที่เกิดการเรียนรู้ใหม่ ๆ

แต่ถ้าหากว่างานที่คุณชอบและถนัดกลับมีข้อมูลไม่เพียงพอ เราก็ไม่สามารถนำงานนั้นมาจัดทำผลงานใช่หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ต้องกังวลค่ะ หากเรามีทีมงานหรือเครือข่ายเพื่อนร่วมงานที่ดี เราสามารถขอข้อมูลสนับสนุนจากพวกเขาได้เพื่อเติมเต็มข้อมูลที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์ขึ้นได้ ดังนั้น จงเลือกงานที่เรามั่นใจที่สุด เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ

 

  1. ปักหมุด "เส้นชัย" ให้ชัดเจน (Pin Your "Finish Line" Clearly)

การทำงานโดยไม่มีกำหนดส่ง ก็เหมือนการวิ่งมาราธอนที่มองไม่เห็นเส้นชัย วิ่งไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เหนื่อยท้อแท้ และจะทำให้เราหยุดวิ่งกลางคันเอาดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ถึงเส้นชัยได้ง่ายมากเลยค่ะ ดังนั้น คุณต้อง "ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน" ไปเลยค่ะ ว่าผลงานชิ้นนี้ฉันจะทำให้เสร็จเมื่อไหร่?

การกำหนด Deadline ให้ตัวเอง ไม่ใช่การกดดัน แต่เป็นการกระตุ้นให้เราตื่นตัวอยู่เสมอ ช่วยให้เราวางแผนการทำงานในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะทำให้เรามุ่งมั่นที่จะทำมันให้ถึงเป้าหมายในแต่ละช่วงที่เรากำหนดไว้ และเมื่อเราเห็นเส้นชัยรออยู่ข้างหน้า แรงฮึดมันจะมาเองโดยอัตโนมัติค่ะ เชื่อเถอะค่ะ ผู้เขียนผ่านมาแล้วเช่นกันค่ะ

 

  1. อัปเกรดสมอง ด้วยการเรียนรู้ได้ แม้ไม่มีเวลาไปอบรม (Upgrade Your Brain: No Time for Training? No Problem!)

หลายคนตกม้าตายตรงนี้ เพราะคิดว่า "ฉันไม่มีความรู้เรื่องการเขียนเลย ฉันไม่ถนัดงานเขียนเลย แล้วงานก็ยุ่ง จะเอาเวลาที่ไหนไปอบรม?" หยุดข้ออ้างนั้นไว้ก่อนนะคะ ในยุคนี้ความรู้อยู่แค่ปลายนิ้ว เราเพียงแค่ต้องบริหารจัดการเวลา เพื่อแบ่งเวลามาใช้ในการขวนขวายพัฒนาตัวเองให้เข้าใจหลักการทำผลงานทางวิชาการ เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการคิดและแก้ปัญหาในการจัดทำผลงาน

เคล็ดลับสำหรับคนงานยุ่งและไม่ค่อยมีเวลาอย่างพวกเรา ซึ่งผู้เขียนก็ใช้วิธีการนี้ คือ "Self-Learning" หรือการเรียนรู้ด้วยตัวเองค่ะ ผู้เขียนเองใช้วิธีการบริหารจัดการเวลาและแบ่งเวลาว่างเพื่อค้นหาข้อมูล เทคนิค และวิธีการเขียนจากอินเทอร์เน็ต หรือเปิดดูคลิปจากกูรูต่าง ๆ ใน YouTube รวมถึง การแบ่งเวลาลงเรียนหลักสูตรออนไลน์ฟรี อย่าง THAI MOOC ซึ่งเป็นแหล่งความรู้ชั้นดีที่ช่วยให้เราสั่งสมองค์ความรู้และทำให้เราเก่งขึ้นได้โดยไม่ต้องลางานไปอบรมที่ไหนเลย

 

  1. อย่าเดินลำพัง จงหา "กุนซือ" คู่ใจ (Don't Walk Alone: Find Your Trusted "Mentor")

สุภาษิตที่ว่า "คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย" ยังใช้ได้เสมอในชีวิตจริงและการทำงานนะคะ การก้มหน้าก้มตาทำผลงานอยู่คนเดียว ลองผิดลองถูกเอง อาจทำให้เสียเวลาและหลงทางได้ง่าย ๆ

ทางลัดที่ดีที่สุด คือ "การมีที่ปรึกษา" ค่ะ ลองมองหาเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่มีประสบการณ์ผ่านการจัดทำผลงานมาแล้ว ขอให้เขาช่วยเล่าประสบการณ์การทำผลงาน ขอคำแนะนำ ชี้แนะแนวทาง และการขอให้ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของผลงานของเราดูนะคะ นอกจากจะได้งานที่มีคุณภาพแล้ว ที่ปรึกษาก็ยังเปรียบเสมือน "โค้ช" ที่คอยกระตุ้นให้เราไม่หยุดเดิน และเป็นกำลังใจสำคัญในวันที่เรารู้สึกท้อแท้ว่าเราไม่ได้สู้อยู่คนเดียว

 

ส่งท้าย EP นี้ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ อยากให้ทุกคนลองเริ่มสำรวจความพร้อมของตัวเอง ทั้งกาย ใจ และเป้าหมายกันได้แล้วนะคะ เพื่อความก้าวหน้าของตัวเราเองและความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ของเราด้วยค่ะ หากเราเตรียมรากฐานความพร้อมทางศักยภาพและจิตใจไว้แน่นปึ้กแล้ว... ก้าวต่อไปจะเริ่มลงมือจัดทำผลงานกันจริง ๆ แล้วนะคะ

 

ใน EP.2 ผู้เขียนจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เกี่ยวกับ "จุดเริ่มต้นของการลงมือจัดทำผลงานทางวิชาการ" ว่าต้องเริ่มต้นนับหนึ่งอย่างไร และจะไปต่ออย่างไร แล้วพบกันใน EP.2 นะคะ :)

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)
ไม่มีข้อมูลตามเงื่อนไขที่ท่านกำหนด
รายการบทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หมวดหมู่ : การบริหารจัดการ การจัดการความรู้
ถ่านชีวภาพ » การวิเคราะห์สมบัติของถ่านชีวภาพตามมาตรฐาน
ถ่านชีวภาพที่ผลิตได้จะมีสมบัติแตกต่างกันตามกระบวนการและวัสดุที่ใช้ในการผลิต หากจะนำมาใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะการนำมาใช้ในการเกษตร พืชก็มีความต้องการสมบัติของ ดิน น้ำ ถ่านชีวภาพที่มีความเหมาะสมกับชนิดแล...
ถ่านชีวภาพ มาตรฐาน การวิเคราะห์     บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป   การบริหารจัดการ การจัดการความรู้
ผู้เขียน ธนศิษฏ์ วงศ์ศิริอำนวย  วันที่เขียน 17/3/2565 14:57:05  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 6/12/2568 18:09:15   เปิดอ่าน 2521  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง