แนวทางปฏิบัติที่ดี (Best Practice)
หมวดที่ 5 สภาพแวดล้อมและความปลอดภัย
สภาพแวดล้อมและความปลอดภัย เป็นการดำเนินการจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกสำนักงานให้มีความสะอาด มีความน่าอยู่ และปลอดภัย เช่น ลดการเกิดฝุ่น เชื้อแบคทีเรีย ควันบุหรี่ การมีแสงสว่างที่เพียงพอต่อการทำงาน การควบคุมการเกิดเสียง การจัดการพื้นที่การใช้งานอย่างเหมาะสม มีความน่าอยู่ และการเตรียมความพร้อมต่อสภาวะฉุกเฉิน ที่กล่าวมาทั้งหมด หากมีการดำเนินการที่ครบถ้วน จะส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความสุขสบาย มีสุขอนามัยที่ดี และส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยรายละเอียดของการดำเนินงานหมวด 5 มีดังนี้
5.1 อากาศในสำนักงาน
จากเกณฑ์การประเมิน แบ่งออกเป็นหัวข้อย่อย ดังนี้
5.1.1 การควบคุมมลพิษทางอากาศในสำนักงาน คือ การจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกสำนักงานให้มีอากาศถ่ายเท ลดฝุ่นและมลพิษที่อาจจะส่งผลอันตรายต่อสุขภาพและทางเดินหายใจ ขั้นตอนแรก มีการกำหนดรายการที่ก่อให้เกิดมลพิษในอาคารสำนักงาน เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องถ่ายเอกสาร พื้นที่ทำงาน พรม ม่าน มูลี่ ควันเสียจากรถยนต์ แม้กระทั่งการต่อเติมและซ่อมบำรุงอาคาร จากนั้นให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
|
เกณฑ์การประเมิน
|
การเตรียมเอกสาร
|
1. มีแผนการดูแลรักษา ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์เอกสาร (Printer) พรมปูพื้นห้อง
(ขึ้นอยู่กับสำนักงาน)
2. มีการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบตามแผนการดูแลรักษา
|
นำรายการที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ มากำหนดในแผนการบำรุงรักษาประจำปี โดยกำหนดความถี่ที่เหมาะสม และกำหนดผู้รับผิดชอบที่จัดเจน สำหรับแบบฟอร์มสามารถกำหนดขึ้นเองได้ หรือใช้ แบบฟอร์มที่ 5.1.1(1) แผนการบำรุงรักษาประจำปี
|
3. มีการปฏิบัติตามแผนที่กำหนดในข้อ 1
|
การแนบรูปถ่ายการฏิบัติงานตามแผน หรือ แนบ TOR การจ้างเหมา เช่น การบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์เอกสาร เครื่องถ่ายเอกสารการดูแลบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ และ การบำรุงรักษา พื้นที่ทำงาน ม่าน มู่ลี่และพรมปูพื้น
|
4. มีการควบคุมมลพิษทางอากาศจากการปฏิบัติในข้อ 1
|
การใช้ไม้ประดับมาช่วยในการดูดสารพิษภายในอาคาร และการรักษาความสะอาดของพื้นที่
|
5. การจัดวางเครื่องปริ้นเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสารให้ห่างไกลผู้ปฏิบัติงาน
|
การจัดวางเครื่องพิมพ์เอกสาร เครื่องถ่ายเอกสาร (Printer) ควรจัดไว้นอกห้องปฏิบัติงานของบุคลากร มีการใช้เครือข่ายในการเชื่อมต่อการทำงาน ทำให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ ลดปัญหามลพิษภายในห้องปฏิบัติงาน และลดค่าใช้จ่าย
|
6. การควบคุมควันไอเสียรถยนต์บริเวณสำนักงาน เช่น ติดป้ายดับเครื่องยนต์
|
มีการจัดการจุดจอดรถทีชัดเจน มีป้ายจอดรถกรุณาดับเครื่องยนต์ การปลูกต้นไม้ลดมลพิษ
|
เกณฑ์การประเมิน
|
การเตรียมเอกสาร
|
7. การป้องกันและกำจัดแมลงที่จะสร้างมลพิษ อากาศภายในสำนักงาน (ถ้ามี)
|
หากมีการใช้ยาพ่นกำจัดยุง เป็นข้อกำหนดรายละเอียดการจ้างเหมาว่าต้องใช้ยาพ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
|
8. มีการสื่อสารหรือแจ้งให้ทราบถึงการเกิดมลพิษทางอากาศจากกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการเตรียม ความพร้อมและระวังการได้รับอันตราย
|
การสื่อสารหรือแจ้งให้ทราบถึงการเกิดมลพิษทางอากาศจากกิจกรรมต่างๆ เพื่อเช่น Line ระบบ ERP และ Facebook ของสำนักงานสีเขียวศูนย์กิจการนักศึกษา นำรูปมารายงาน
|
5.1.2 มีการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่หรือมีการกำหนด พื้นที่สูบบุหรี่ที่เหมาะสมและปฏิบัติตามที่กำหนด คือ มีการจัดพื้นที่สูบบุหรี่ สำหรับผู้มาใช้บริการ โดยภายในพื้นที่นั้นมีการติดป้ายรณรงค์การไม่สูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังมีการติดสัญลักษณ์เขตปลอดบุหรี่ (ขนาดไม่น้อยกว่า 100 มิลลิเมตร) และติดสัญลักษณ์เขตสูบบุหรี่ (ขนาดไม่น้อยกว่า 70 มิลลิเมตร แต่ไม่เกิน 100 มิลลิเมตร) ติดสัญลักษณ์ทางเดินไปพื้นที่สูบบุหรี่
|
1. มีการรณรงค์การไม่สูบบุหรี่
|
|
2. มีการติดสัญลักษณ์เขตปลอดบุหรี่
|
|
3. มีการติดสัญลักษณ์เขตสูบบุหรี่
|
|
4. เขตสูบบุหรี่จะต้องไม่อยู่ในบริเวณที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนที่อยู่บริเวณข้างเคียง ไม่อยู่บริเวณทางเข้า – ออก ของสถานที่ที่ให้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ และไม่อยู่ในบริเวณที่เปิดเผยอันที่เห็นได้ชัดแก่ผู้มาใช้บริการสถานที่นั้น
|
|
5. ต้องไม่พบการสูบบุหรี่หรือก้นบุหรี่นอกเขตสูบบุหรี่
|
|
5.1.3 การจัดการมลพิษอากาศจากการก่อสร้าง ปรับปรุงอาคารหรืออื่น ๆ ในสำนักงานที่ส่งผลต่อพนักงาน คือ มีการกำหนดมาตรการรองรับเพื่อจัดการมลพิษทางอากาศจากการก่อสร้าง ปรับปรุงอาคาร โดยมีการกำหนดมาตรการและมีการจัดเตรียมพื้นที่ทำงานสำรองให้กับพนักงาน
|
1. กำหนดมาตรการการรองรับเพื่อจัดการมลพิษทางอากาศจากการก่อสร้างปรับปรุงอาคาร
|
1. การดำเนินการกำหนดมาตรการ ต้องมีการจัดพื้นที่สำรองให้กับพนักงาน
2. มีที่กั้นเพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศที่จะส่งผลกระทบกับพนักงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
3. มีการสื่อสารหรือติดป้ายแจ้งเตือน เพื่อเตรียมความพร้อมและระวังการได้รับอันตราย
|
2. ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 1
|
5.2 แสงในสำนักงาน
จากเกณฑ์การประเมิน แบ่งออกเป็นหัวข้อย่อย ดังนี้
5.2.1 มีการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง (โดยอุปกรณ์การตรวจวัดความเข้มแสงที่ได้มาตรฐาน) และดำเนินการแก้ไขตามที่มาตรฐานกำหนด คือ สำนักงานมีการวัดแสงให้เพียงพอตามลักษณะงาน มาตรฐานห้องทำงานอยู่ที่ 300 ลักซ์ และต้องทำทุกปี พร้อมทั้งสรุปผลการตรวจค่าแสงและให้คำแนะนำการเพิ่มแสงสว่าง ทั้งนี้เครื่องวัดความเข้มของแสงสว่างได้มีการสอบเทียบและได้ผลตามมาตรฐาน และผู้ตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
|
1. มีการตรวจวัดความเข้มแสงประจำปีพร้อม แสดงหลักฐานผลการตรวจวัดแสงเฉพาะจุดทำงานและพื้นที่ทำงาน
2. เครื่องวัดแสงจะต้องมีมาตรฐานและได้รับการสอบเทียบ (แสดงหลักฐานใบรับรอง)
3. ผลการตรวจวัดจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานกฎหมายกำหนด
4. ผู้ที่ตรวจวัดความเข้มแสงจะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
|
เอกสารแนบ
5.2.1(1)(3) มีการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่างและผลการตรวจวัด
5.2.1(2) เครื่องวัดความเข้มของแสงสว่างมีการสอบเทียบมาตรฐาน
5.2.1(4) ประกาศนียบัตรของผู้ตรวจวัดความเข้มของแสง
|
5.3 เสียง
สำนักงานจะต้องมีการจัดการให้มีสภาวะเรื่องเสียงในสำนักงานที่เหมาะสม เช่น เสียงที่เกิดจากการทำงาน เสียงที่เกิดจากการปรับปรุงสำนักงาน รวมไปถึงเสียงจากภายนอกสำนักงานที่อาจส่งผลภายในสำนักงานได้ หากร่างกายได้รับเสียงดังมากเกินขีดจำกัดของร่างกาย จะส่งผลกระทบได้ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ขาดสมาธิทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
จากเกณฑ์การประเมิน แบ่งออกเป็นหัวข้อย่อย ดังนี้
5.3.1 การควบคุมมลพิษทางเสียงภายในอาคารสำนักงาน คือ ต้องมีการสำรวจแหล่งกำเนิดเสียงที่เกิดจากการทำงาน เสียงที่เกิดจากอุปกรณ์ในสำนักงาน เสียงจากการปรับปรุงสำนักงาน เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ เสียงจากการปรับปรุงสำนักงาน การเจาะ หรือตอกผนัง และเสียงจากภายนอกอาคาร เช่น เครื่องยนต์ การก่อสร้างบริเวณใกล้เคียง การตัดหญ้าของงานภูมิทัศน์
|
1. กำหนดมาตรการการรองรับเพื่อจัดการเสียงดังที่มาจากภายในสำนักงาน
|
1. การดำเนินการกำหนดมาตรการ ต้องมีการจัดพื้นที่สำรองให้กับพนักงาน
2. มีที่กั้นเพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศที่จะส่งผลกระทบกับพนักงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
3. มีการสื่อสารหรือติดป้ายแจ้งเตือน เพื่อเตรียมความพร้อมและระวังการได้รับอันตราย
|
2. ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 1 ถ้าพบว่ามีเสียงดังมาจากภายในสำนักงาน
|
5.3.2 การจัดการเสียงดังจากการก่อสร้าง ปรับปรุงอาคารหรืออื่นๆ ในสำนักงานที่ส่งผลต่อพนักงาน คือ การกำหนดมาตรการการรองรับเพื่อจัดการเสียงดังที่เกิดจากการก่อสร้างปรับปรุงอาคาร แนวทางการกำหนดมาตรการ มีดังนี้
|
1. กำหนดมาตรการการรองรับเพื่อจัดการเสียงดังที่มาจากการก่อสร้างต่อเติมอาคาร
|
มีพื้นที่ทำงานสำรองให้กับพนักงาน และมีการสื่อสารหรือติดป้ายแจ้งเตือน เพื่อการเตรียมความพร้อมและระวังการได้รับอันตราย
|
2. ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 1 ถ้าพบว่ามีเสียงดังมาจากภายในสำนักงาน
|
5.4 ความน่าอยู่
สำนักงานจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกให้มีความร่วมรื่น น่าอยู่เหมาะสมกับการเป็นสถานที่ทำงาน และ สถานที่บริการ ที่ถือเป็นการสร้างบรรยากาศในการทำงาน ลด ความเครียด ในการทำงาน ส่งเสริมให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น เช่น การจัดพื้นที่สีเขียวภายในและภายนอกอาคาร การจัดมุมพักผ่อน การทำกิจกรรม 5ส. การควบคุมสัตว์พาหนะนำโรค เป็นต้น โดยมีขั้นตอนดำเนินงานดังนี้
จากเกณฑ์การประเมิน แบ่งออกเป็นหัวข้อย่อย ดังนี้
5.4.1 มีการวางแผนจัดการความน่าอยู่ของสำนักงานโดยจะต้องดำเนินการดังนี้
|
1. จัดทำผังของสำนักงานทั้งภายในและภายนอก กำหนดพื้นที่ชัดเจนพร้อมระบุผู้รับผิดชอบ การจัดทำแผนผังของสำนักงานทั้งในตัวอาคารและนอกอาคาร โดยจะต้องกำหนดพื้นที่ใช้งานอย่างชัดเจน เช่น มุมพักผ่อน จุดใช้อุปกรณ์ร่วมกัน มุมกาแฟ เป็นต้น และสื่อสารด้วยป้าย
2. มีการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างเหมาะสมทั้งพื้นที่เฉพาะและพื้นที่ทั่วไป ทั้งในและภายนอกอาคาร
3. มีการกำหนดเวลาในการดูแลที่ชัดเจน
4. มีการกำหนดแผนงานการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและรักษาคงไว้
|
เอกสารแนบ ผังของสำนักงานทั้งภายในและภายนอก กำหนดพื้นที่ชัดเจนพร้อมระบุผู้รับผิดชอบ
เอกสารแนบ กำหนดแผนการเพิ่มพื้นที่สีเขียว
|
5.4.2 การใช้สอยพื้นที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่สำนักงานกำหนด คือ มีการใช้สอยพื้นที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เช่น พื้นที่ที่สำนักงานกำหนดขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่ง และได้มีการใช้พื้นที่ดังกล่าวตามที่ได้กำหนดจริง เอกสารแนบ รูปมีการใช้พื้นที่ร่วมกันตามวัตถุประสงค์และแบ่งแยกชัดเจน
|
5.4.3 ร้อยละการดูแลบำรุงรักษาพื้นที่ต่างๆ เช่น พื้นที่สีเขียว พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่ทำงาน เป็นต้น คือ มีการนำไม้กระถางมาใช้จัดมุมพักผ่อน และตามจุดต่าง ๆ ส่วนภายนอกอาคาร จะเป็นการปลูกไม้ต้นเล็ก ๆ เพื่อเป็นทางเดิน รอบอาคาร โดยการดูแลพื้นที่ให้เรียบร้อยและมีความสะอาด เอกสารแนบ การดูแลบำรุงรักษาพื้นที่ต่าง ๆ
|
5.4.4 มีการควบคุมสัตว์พาหะนำโรคและดำเนินการได้ตามที่กำหนด คือ ดำเนินการกำหนดแนวทางการป้องกันสัตว์พาหะนำโรคในสำนักงาน ได้แก่ นก หนู แมลงวัน แมลงสาบ และมด โดยกำหนดความถี่ที่เหมาะสม
|
1. มีการกำหนดแนวทางการป้องกันสัตว์พาหะนำโรคอย่างเหมาะสม
2. มีการกำหนดความถี่ในการตรวจสอบร่องรอยพาหะนำโรคอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
3. มีการตรวจสอบร่องรอยตามความถี่ที่ได้กำหนด (เฉพาะตอนกลางวัน)
4. มีแนวทางที่เหมาะสมกับการจัดการเมื่อพบร่องรอยสัตว์พาหะนำโรค
|
เอกสารแนบ แบบฟอร์ม 5.4(2) แผนควบคุมสัตว์พาหะนำโรค
เอกสารแนบ การตรวจสอบร่องรอยตามความถี่ที่กำหนด
เอกสารแนบ รายงานการตรวจสอบร่องรอยสัตว์พาหะนำโรค
|
5.5 การเตรียมความพร้อมต่อสภาวะฉุกเฉิน
สำนักงานควรมีการเตรียมการรับสถานการณ์ภัยพิบัติเพื่อรองรับสภาวะฉุกเฉิน เช่น แผ่นดินไหว ซึ่งต้องมีการเตรียมแผนฉุกเฉินและแจ้งให้ทุกคนภายในอาคารทราบ และต้องมีการจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือ เช่น ถังดับเพลิง ให้เพียงพอและมีการอบรมฝึกซ้อมการอพยพทุกปี
จากเกณฑ์การประเมิน แบ่งออกเป็นหัวข้อย่อย ดังนี้
5.5.1 มีการอบรมฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟตามแผนที่กำหนด
|
1. มีการกำหนดแผนการอบรมฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟตาม
|
เอกสารแนบ แผนการฝึกอบรมและอพยพหนีไฟ หรือแนบแผนการอบรมของหมวด 2
|
2. มีจำนวนคนเข้าอบรมฝึกซ้อมดับเพลิงขั้นต้นต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของจำนวนบุคลากร
|
เอกสารแนบ คู่มือจำลองเหตุการอบรมและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ
เอกสารแนบ การกำหนดจุดรวมพลเส้นทางหนีไฟและกำหนดทางออกฉุกเฉิน
|
3. พนักงานทุกคนต้องเข้าฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
|
4. มีการอบรมดับเพลิงขั้นต้น ตามแผนที่กำหนด พร้อมแสดงหลักฐาน เช่น ใบรับรอง ภาพถ่าย
|
5. มีการฝึกซ้อมตามแผนที่กำหนด พร้อมแสดงหลักฐาน เช่น ใบรับรอง ภาพถ่าย
|
6. มีการกำหนดยจุดรวมพลที่สามารถรองรับได้ พร้อมป้ายแสดงอย่างชัดเจน
|
7. มีการกำหนดเส้นทางหนีไฟ ธงนำทางหนีไฟ ไปยังจุดรวมพล พร้อมสื่อสารในพื้นที่ปฏิบัติการ
|
8. มีการกำหนดทางออกฉุกเฉิน ทางหนีไฟ พร้อมป้ายแสดงอย่างชัดเจน
|
5.5.2 มีแผนฉุกเฉินที่เป็นปัจจุบันและเหมาะสม และร้อยละพนักงานที่เข้าใจ
|
แผนฉุกเฉินประกอบด้วย
1. ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ ได้แก่ แผนการอบรมป้องกันและระงับอัคคีภัย แผนรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย แผนการตรวจตราเพื่อป้องกันอัคคีภัย
2. ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ ได้แก่ แผนระงับอัคคีภัย แผนอพยพหรีไฟ
3. หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ ได้แก่ แผนบรรเทาทุกข์ แผนปฏิรูปฟื้นฟู
|
5.5.3 ความเพียงพอและการพร้อมใช้งานของอุปกรณ์ระบบดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัย และระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ และร้อยละของพนักงานที่ทราบวิธีการใช้งาน และตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าว
|
มีการตรวจสอบอุปกรณ์ดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัย
1. ถังดับเพลิงตรวจสอบเดือนละ 1 ครั้ง
2. สัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ปีละ 1 ครั้ง
3. ติดตั้งตัวดักจับควันไฟ และตรวจสอบปีละ 1 ครั้ง
4. ระบบเครื่องสูบน้ำดับเพลิง เดือนละ 1 ครั้ง
5. ระบบเครื่องสูบน้ำ (อัตโนมัติ) เดือนละ 1 ครั้ง
6. สายฉีดน้ำดับเพลิงและตู้เก็บสายฉีด เดือนละ 1 ครั้ง
|
สรุปโดย นางหทัยชนก ผิวผ่อง
ตัวแทนหมวด 5