เมนู
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
Maejo University
ติดต่อ
บุคลากร (เข้าสู่ระบบ)
หน้าหลัก
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ตามคำสำคัญ
ความร้อน
รายการบทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามคำสำคัญ
:
ความร้อน
1
เครื่อง Thermogravimetric Analysis (TGA)
»
เครื่อง Thermogravimetric Analysis (TGA)
คำสำคัญ :
วิเคราะห์ทางความร้อน TGA
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
หมวดหมู่ :
การบริหารจัดการ การจัดการความรู้
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
1707
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
ผู้เขียน
รัชดาภรณ์ ปันทะรส
วันที่เขียน
1/10/2564 15:37:43
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
21/11/2567 16:17:53
ถ่านชีวภาพ
»
การผลิตถ่านชีวภาพและแนวทางการใช้ประโยชน์
ถ่านชีวภาพ หรือ ไบโอชาร์ (Biochar) คือวัสดุที่อุดมด้วยคาร์บอน ผลิตจากชีวมวล หรือสารอินทรีย์ที่ย่อยสลายได้จากธรรมชาติ หรือวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร เช่น ใบไม้ กิ่งไม้ หญ้า ฟางข้าว เหง้ามันสําปะหลัง ซังและต้นข้าวโพด มูลสัตว์ กากตะกอนของเสีย เป็นต้น แม้กระทั่งมูลสัตว์นำมาผ่านกระบวนการเผาไหม้ที่มีการควบคุม อุณหภูมิและอากาศหรือจำกัดอากาศให้เข้าไปเผาไหม้น้อยที่สุดซึ่งกระบวนการเผาไหม้นี้ เรียกว่า “การแยกสลายด้วยความร้อนหรือกระบวนการไพโรไลซิส” ในสภาวะที่ไม่มีออกซิเจนหรือมีออกซิเจนน้อยมาก มีงานวิจัยที่ได้ศึกษาการใช้ประโยชน์ของถ่านชีวภาพมีหลายด้าน เช่น การปรับปรุงดิน และช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงลดระยะเวลาการปลูกได้อีกด้วย แล้วแต่ชนิดของพืชที่ปลูก มีงานวิจัยที่นำถ่านชีวภาพไปใช้กับพืชทางการเกษตร ใช้เป็นวัสดุปลูกร่วมกับวัสดุอื่น เพื่อผลิตผลผลิตทางการเกษตร การลดการดูดซับสารเคมีที่ใช้กำจัดวัชพืชและศัตรูพืช และโลหะหนักที่อยู่ในดินและน้ำ ของพืชที่ปลูก โดยถ่านชีวภาพจะตรึงสารเคมีกลุ่มนี้ไว้ ทำให้ลดผลกระทบต่อพืชที่ปลูกจากสารเคมีและโลหะหนักที่ปนเปื้อน ใช้ดูดซับน้ำมันปิโตรเลียม ใช้เป็นตัวเร่ง ในปฏิกริยาในกระบวนการผลิตไบโอดีเซละและไบโอแก๊ส ใช้เป็นวัสดุเพื่อผลิตชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์ ผลิตกราฟีน เป็นต้น
คำสำคัญ :
biochar
kiln
กราฟีน
ความร้อน
ดูดซับ
ตัวเร่ง
เตา
เตาไบโอชาร์
ถ่าน
ถ่านชีวภาพ
บำบัดน้ำเสีย
ไบโอชาร์
ปนเปื้อน
ปรับปรุงดิน
ปุ๋ยหมัก
ผักสวนครัว
ไม้ผล
โลหะหนัก
สมุนไพร
สารเคมีปนเปื้อน
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
หมวดหมู่ :
การบริหารจัดการ การจัดการความรู้
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
66694
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
ผู้เขียน
ธนศิษฏ์ วงศ์ศิริอำนวย
วันที่เขียน
26/10/2562 20:32:24
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
21/11/2567 18:21:39
Phayao Research Conference 7
»
ค่าการนำไฟฟ้าของน้ำมะเกี๋ยงในระหว่างการให้ความร้อนแบบโอห์มมิค
โครงการวิจัยนี้ ดำเนินการศึกษาการให้น้ำมะเกี๋ยงสกัดสดด้วยการให้ความร้อนระบบด้วยเซลล์โอห์มมิคแบบสถิตย์ ขนาดห้องปฏิบัติการโดยใช้ความเข้มของสนามไฟฟ้า 3 ระดับ (10, 15 และ 20 โวลต์ต่อเซ็นติเมตร) ในช่วงอุณหภูมิ 25 ถึง 95 องศาเซลเซียส จากผลการศึกษาพบว่าค่าการนำไฟฟ้าของน้ำมะม่วงที่ช่วงอุณหภูมิ 30 ถึง 95 องศาเซลเซียส ผลของความเข้มของสนามไฟฟ้าไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสมบัติการนำไฟฟ้าอย่างที่นัยสำคัญ (ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 95) ค่าการนำไฟฟ้าของน้ำมะเกี๋ยงที่ได้จากการทดลองมีค่าอยู่ระหว่าง 0.1878-0.3677 ซีเมนต์ต่อเมตร เมื่ออุณหภูมิของน้ำมะเกี๋ยงเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ค่าการนำไฟฟ้ามีค่ามากขึ้นในรูปแบบสมการเชิงเส้น แบบจำลองทางคณิตศาสตร์แสดงบ่งชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ของค่าการนำไฟฟ้าและอุณหภูมิ ผลการทำนายค่าการนำไฟฟ้าของแบบจำลองทางคณิตศาสตร์พบว่ามีความแม่นยำในการทำนาย และมีค่าสัมประสิทธิ์การตัดสินใจสูงสุด (R2) เท่ากับ 0.9975 ผลการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สมรรถนะการเกิดความร้อนด้วยวิธีโอห์มมิคเท่ากับ 70.24 2.91, 79.27 1.41, 74.69 1.71 เปอร์เซ็นต์ ที่ระดับความเข้มสนามไฟฟ้าที่ 10, 15 และ 20 โวลต์ต่อเซ็นติเมตร ตามลำดับ
คำสำคัญ :
น้ำมะเกี๋ยง สมบัติการนำไฟฟ้า การให้ความร้อนแบบโอห์มมิค
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
2468
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
ผู้เขียน
ฤทธิชัย อัศวราชันย์
วันที่เขียน
12/3/2561 20:19:16
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
20/11/2567 14:06:11
Phayao Research Conference 7
»
จลนพลศาสตร์ของสลายของแอนโทไซยานินของน้ำมะเกี๋ยงด้วยการให้ความร้อน
โครงการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาผลกระทบของอุณหภูมิต่อการสลายตัวของปริมาณแอนโธไซยานินในน้ำมะเกี๋ยงด้วยการแปรรูปด้วยความร้อนที่อุณหภูมิที่อุณหภูมิ ที่ 75, 85 และ 95 องศาเซลเซียส ตามลำดับ น้ำมะเกี๋ยงที่ผ่านการให้ความร้อนที่อุณหภูมิต่างๆ นำมาวิเคราะห์หาปริมาณแอนโธไซยานินผลการศึกษาพบว่าปริมาณแอนโธไซยานินของน้ำมะเกี๋ยงสกัดมีค่าเท่ากับ 30.180.574 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม และเมื่อนำมาผ่านความร้อนเพื่อการแปรรูปที่ 75, 85 และ 95 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที พบว่ามีปริมาณแอนโธไซยานินได้เท่ากับ 27.080.19, 24.234.26 และ 23.560.39 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ตามลำดับ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการสลายปริมาณแอนโธไซยานิน และมีแนวโน้มลดลงอย่างนัยสำคัญ (ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95) ผลการสลายตัวของปริมาณแอนโธไซยานินที่เวลาใดๆ ในระหว่างการให้ความร้อนที่เวลาใดๆ พบว่าแบบจำลองของจลนพลศาสตร์ปฏิกิริยาอันดับหนึ่งมีความเหมาะสม
คำสำคัญ :
น้ำมะเกี๋ยง แอนโธไซยานิน การให้ความร้อน ผลกระทบของอุณหภุมิ แบบจำลองจลนพลศาสตร์
กลุ่มบทความ :
บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป
หมวดหมู่ :
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
สถิติการเข้าถึง :
เปิดอ่าน
2940
ครั้ง | แสดงความคิดเห็น
0
ครั้ง
ผู้เขียน
ฤทธิชัย อัศวราชันย์
วันที่เขียน
12/3/2561 20:14:13
แก้ไขล่าสุดเมื่อ
20/11/2567 16:52:13