สืบเนื่องจากอัตราการเกิดของประชากรที่ลดจำนวนตั้งแต่เมื่อครั้งประเทศไทยเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ส่งผลกระทบหลายด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบต่อระบบการศึกษาในช่วง 4 - 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนนักศึกษาลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บางหลักสูตรของบางมหาวิทยาลัยมีผู้สมัครเข้าเรียนเพียง 5 – 6 คน และบางหลักสูตรไม่มีนักศึกษาเลือกสมัครเลย สถานการณ์เช่นนี้ทำให้มีมหาวิทยาลัยปิดตัวไปแล้วจำนวนมาก ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยที่ยังเปิดสอนอยู่ประมาณ 150 แห่ง จาก 200 แห่ง และมีแนวโน้มว่าในปี 2563 อาจจะเหลือมหาวิทยาลัยอีกเพียง 120 แห่ง มหาวิทยาลัยต่าง ๆ จึงต้องเตรียมการรับมือกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจากการสัมมนาเรื่อง “ความท้าทายของหลักสูตรสายมนุษยศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ในยุคประเทศไทย 4.0” ได้มีการนำเสนอความรู้ความเข้าใจ อภิปราย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับแนวคิด ทัศนคติ ที่มีต่อแนวโน้มของการจัดการเรียนการสอนสายมนุษยศาสตร์ อักษรศาสตร์ และศิลปศาสตร์ สรุปได้ดังนี้
- การปรับปรุงหลักสูตร หรือออกแบบหลักสูตร ที่มีความทันสมัยสอดรับกับเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความสนใจของผู้เรียนที่แตกต่างไปจากเดิม โดยไม่เพียงมุ่งเน้นแต่ผลผลิต (Output) เท่านั้น แต่ต้องมุ่งเน้นถึงผลลัพธ์ (Outcome) ด้วย นอกจากนั้นยังควรเปิดหลักสูตรที่มีลักษณะพิเศษ เป็นการบูรณาการศาสตร์มากกว่าหนึ่งศาสตร์เข้าด้วยกัน หรือการเปิดหลักสูตร Double major ตามความสนใจของผู้เรียนในระดับปริญญาตรี เป็นต้น
ตัวอย่างของหลักสูตรที่เริ่มมีการปรับตัวแล้ว เช่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังทำหลักสูตรปริญญาคู่ระหว่างวิศวกรรมศาสตร์และนิติศาสตร์ ซึ่งใช้เวลาเรียน 6 ปี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สนับสนุนให้นิสิตคณะอักษรศาสตร์เลือกเรียนวิชาโทนอกคณะ นอกจากนั้น ยังมีการพัฒนาหลักสูตรใหม่ (อ.บ.) ชื่อสาขาวิชาเทคโนโลยีภาษาและสารสนเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสาขาวิชาภาษาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และสาขาวิชาสารสนเทศศาสตร์ โดยหลักสูตรนี้มุ่งผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ที่ดีด้านภาษา มีความรู้และทักษะด้านการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลภาษาไทยเพื่อนำไปใช้ในงานด้านปัญญาประดิษฐ์ เป็นต้น
2. รูปแบบการจัดการเรียนการสอน หรือการจัดการเรียนรู้รูปแบบใหม่ ๆ ที่มีความน่าสนใจ มีความยืดหยุ่น สนับสนุนให้ผู้เรียนได้ใช้เวลานอกห้องเรียนมากขึ้น และมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนรู้มากขึ้น
ตัวอย่างการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ เช่น รายวิชา “ภาษากับการสื่อสารทางการตลาด” มีการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ซึ่งแต่ละคาบจะแบ่งเป็นการบรรยาย 1 ชั่วโมง case study 1 ชั่วโมง และทำกิจกรรมกลุ่ม 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีการสร้างนวัตกรรมการเรียนการสอน CHULA MOOC ซึ่งเป็นสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด เพื่อให้นิสิตและผู้สนใจใช้เป็นช่องทางในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมตามความสนใจ