บ่อยครั้งที่เธอตวาดใส่เขาทางโทรศัพท์ แต่เขาก็ไม่โกรธเธอ
ยังคงพูดกับเธอด้วยดี สิ่งหนึ่งที่เขาขอร้องจากเธอก็คือ ขอให้มากินข้าวบ้านทุกเย็น
ไม่ว่าเธอจะกลับบ้านดึกดื่นแค่ไหน เขาก็จะทำกับข้าวรอ
นั่นทำให้เธออึดอัดใจเพราะบางครั้งเธออยากไปกินอาหารเย็นกับเพื่อน ๆ
แต่ก็ต้องงดเพื่อกลับมากินข้าวที่บ้าน
วันหนึ่งเธอเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง เพื่อนแนะนำว่า
ทำไมเธอไม่ลองฟังเขาบ้างล่ะว่า ทำไมเขาถึงขยันโทรศัพท์มาถามเธออย่างนั้น
ระหว่างที่เขาอธิบาย ก็ขอให้เธอฟังเขาอย่างตั้งใจ อย่าเพิ่งหงุดหงิดฉุนเฉียว
ฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง โดยไม่ด่วนสรุป หรือคิดแต่จะแย้งอย่างเดียว ฟังด้วยหัวใจ
รับรู้ทั้งความรู้สึกและความต้องการของเขา
บางทีเธออาจจะเข้าใจเขาดีขึ้นก็ได้ว่าทำไมเขาทำเช่นนั้น
เธอฟังแล้วก็สะดุดใจขึ้นมาทันที
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยถามเขาเลยว่า
ทำไมเขาถึงชอบโทรศัพท์มาถามเวลากลับของเธอ
แทบทุกครั้งเธอได้แต่โวยวายใส่เขาหรือไม่ก็พูดกับเขาด้วยความหงุดหงิด
ความที่เขาเป็นคนไม่ช่างพูด เขาก็เลยไม่เคยอธิบายเหตุผลของเขาเลย
คำแนะนำของเพื่อนทำให้เธอได้คิดขึ้นมา
วันต่อมาขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่
เขาก็โทรศัพท์มาหาเธอด้วยคำถามเดิม ทันทีที่ฟังจบเธอมีอารมณ์ขึ้นทันที
แต่ก็มีสติรู้ทันจึงยั้งคำพูดไว้ได้ แทนที่จะแหวดใส่เขาเหมือนเดิม
เธอพูดกับเขาเรียบ ๆ ว่าจะกลับบ้านราว ๆ ๒ ทุ่ม
เมื่อเธอกลับถึงบ้าน แทนที่จะบึ้งตึงใส่เขาเหมือนเคย
เธอชวนเขามานั่งคุยด้วย เขามีสีหน้างงเล็กน้อย คงไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน
แล้วเธอก็ถามถึงเหตุผลที่เขาชอบโทรศัพท์ถามเวลากลับบ้านของเธอ ระหว่างที่เดชพูด
เธอเตือนตัวเองให้ตั้งใจฟัง โดยไม่ต้องคิดหาเหตุผลโต้แย้งก่อน
เดชอธิบายว่าที่โทรศัพท์ไปถามเธอทุกเย็นก็เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ
เพราะทางเข้าบ้านเป็นซอยเปลี่ยว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ
ทุกวันนี้เขาต้องตื่นแต่เช้าไปทำสวน ขณะที่เธอออกไปทำงานข้างนอก วัน ๆ
เขากับเธอแทบไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย แค่ได้เห็นหน้านิดหน่อยตอนเช้าเท่านั้น
ดังนั้นหลังเลิกงานแล้วเขาจึงอยากกินข้าวเย็นกับเธอ จะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง
กันยาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเดชเป็นห่วงเธอและอยากมีเวลาอยู่ด้วยกันกับเธอ
ลึก ๆ เขาคงกลัวว่าเธอจะห่างเหินจากเขาหากไม่มีกิจกรรมร่วมกัน
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่กันยาตระหนักว่าเดชรักเธอมากเพียงใด
หากเธอไม่ตั้งใจฟังเขาอย่างค่ำวันนี้ เธอก็คงยากจะเข้าใจเจตนาดีของเขาได้
นึกดูก็อดเสียวใจไม่ได้ว่า
ชีวิตคู่ของเธอเกือบจะร้าวฉานเพียงเพราะด่วนสรุปและไม่เปิดใจรับฟังสามีเท่านั้นเอง
หลังจากรับรู้ถึงเหตุผลของเขาแล้ว
เธอจึงอธิบายให้เขาฟังว่าบางครั้งเธอมีความจำเป็นต้องสะสางงานจนค่ำ
ดังนั้นเธอจึงตกลงกับเขาว่า วันไหนที่เธอกลับบ้านผิดเวลา เธอจะโทรมาบอกเขาล่วงหน้า
เขาจะได้ไม่เป็นห่วง
เขาเองก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นที่เธอเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของเขา
ความรักนั้นเชื่อมใจผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
แต่ก็ต้องมีความเข้าใจกันเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ความรักจึงจะยั่งยืน
แต่เราจะเข้าใจกันได้อย่างไรหากไม่เปิดใจฟังกัน
มิใช่แต่ความรักระหว่างสามีกับภรรยาเท่านั้น แม้กระทั่งความรักระหว่างพ่อแม่กับลูก
เพื่อนกับเพื่อน จะยั่งยืนได้ก็ต้องมีการเปิดใจฟังกันอย่างสม่ำเสมอ
ทุกวันนี้พ่อแม่จำนวนมากมักบ่นว่าลูกไม่ฟังพ่อแม่
มิหนำซ้ำมีลูกปัญหาอะไรก็ไม่เคยเล่าให้พ่อแม่ฟัง
จนบางครั้งเหตุการณ์เลวร้ายจนยากจะแก้ไข
นั่นอาจเป็นเพราะพ่อแม่ไม่เปิดใจฟังลูกแต่แรก ปัญหาจึงไม่ได้แก้ที่ลูก
แต่ต้องแก้ที่พ่อแม่ก่อน หากพ่อแม่เปิดใจฟังลูก ลูกก็พร้อมจะเปิดใจฟังพ่อแม่
รวมทั้งเล่าความในใจให้พ่อแม่ฟังด้วย
เพราะเกิดความเข้าใจและซาบซึ้งใจในความรักของพ่อแม่
มีบางคนกล่าวว่า ความรักนั้น สะกดด้วยอักษรและสระรวม ๔
ตัวคือ เ-ว-ล-า มิใช่แต่เวลาที่จะอยู่ด้วยกันเท่านั้น
แต่รวมถึงเวลาที่จะเปิดใจฟังกันด้วย
จึงจะทำให้ความรักเบ่งบานอย่างแท้จริง