การพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปของชุมชนในปัจจุบัน มิได้พิจารณาเพียงคุณภาพของวัตถุดิบหรือรสชาติของสินค้าเท่านั้น หากแต่ต้องให้ความสำคัญกับ “ฉลากอาหาร” ในฐานะเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้บริโภค และหน่วยงานกำกับดูแล การอบรมออนไลน์เรื่องฉลากโภชนาการจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมความรู้ให้กับอาจารย์และผู้ปฏิบัติงานด้านบริการวิชาการที่ทำงานร่วมกับชุมชน
ประเด็นสำคัญประการแรกคือ บทบาทของฉลากโภชนาการ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่เป็นกลไกที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการอย่างถูกต้อง ช่วยในการตัดสินใจเลือกบริโภคอาหาร ส่งเสริมพฤติกรรมการกินที่เหมาะสม และสนับสนุนการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารในชีวิตประจำวัน
ถัดมาคือ โครงสร้างและองค์ประกอบของฉลากโภชนาการ โดยฉลากต้องแสดงข้อมูลสำคัญ ได้แก่ พลังงาน สารอาหารหลัก (เช่น โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และโซเดียม) จำนวนหน่วยบริโภค และร้อยละของปริมาณสารอาหารที่แนะนำต่อวันสำหรับคนไทย (Thai RDIs) การเข้าใจหลักการกำหนด “หนึ่งหน่วยบริโภค” และการแสดงข้อมูลในกรอบโภชนาการอย่างถูกต้อง เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการออกแบบบรรจุภัณฑ์อาหารให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
อีกประเด็นที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนคือ ฉลากโภชนาการแบบ GDA (Guideline Daily Amounts) ซึ่งใช้แสดงพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียมอย่างชัดเจนในรูปแบบที่เข้าใจง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารแปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน และเครื่องดื่ม การใช้ฉลาก GDA อย่างเหมาะสมช่วยเพิ่มความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในตลาดสมัยใหม่
การอบรมยังให้ความรู้เกี่ยวกับ การกล่าวอ้างทางโภชนาการและสุขภาพบนฉลากอาหาร ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการชุมชนมักเข้าใจคลาดเคลื่อน การกล่าวอ้าง เช่น “แหล่งของใยอาหาร” “น้ำตาลต่ำ” หรือ “ช่วยลดความเสี่ยงของโรค” ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ และต้องไม่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด การเข้าใจข้อจำกัดและเงื่อนไขเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย และยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังมีการอธิบายเรื่อง ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร วัตถุเจือปนอาหาร (INS) รวมถึงความแตกต่างระหว่างคำว่า Sugar free และ No sugar added ซึ่งล้วนเป็นรายละเอียดที่มีผลต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์อาหารในระยะยาว
โดยสรุป องค์ความรู้จากการอบรมฉลากโภชนาการครั้งนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้โดยตรงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สินค้าเกษตรของชุมชน ช่วยให้อาจารย์สามารถถ่ายทอดความรู้เชิงปฏิบัติแก่ชุมชนได้อย่างถูกต้อง สร้างความเข้าใจด้านกฎหมายอาหาร ควบคู่กับการสื่อสารคุณค่าทางโภชนาการอย่างโปร่งใส อันจะนำไปสู่การยกระดับสินค้าเกษตรชุมชนให้มีมาตรฐานและความน่าเชื่อถือในตลาดยุคใหม่อย่างแท้จริง