นโยบายและประโยชน์จากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม
วันที่เขียน 17/12/2568 15:49:45     แก้ไขล่าสุดเมื่อ 17/12/2568 21:09:22
เปิดอ่าน: 6 ครั้ง

บทบาทของเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม (Genome Editing) ในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ความมั่นคงทางอาหาร และการรักษาโรค รัฐบาลไทยได้ออกนโยบายและประกาศรับรองพืช สัตว์ และสัตว์น้ำที่พัฒนาจากเทคโนโลยีนี้ พร้อมสนับสนุนงานวิจัยผ่าน สวก. เพื่อพัฒนาพันธุ์พืชและสัตว์ที่ทนต่อโรคและสภาพแวดล้อม ความก้าวหน้าครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่ พืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าวและมันสำปะหลัง ประมงที่มุ่งเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ ปศุสัตว์ที่เน้นต้านโรคและปรับปรุงคุณภาพเนื้อ และการแพทย์ที่ใช้การแก้ไขยีนเพื่อรักษาโรคทางพันธุกรรม เทคโนโลยีนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต

นโยบายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม รัฐบาลไทยกำหนดนโยบายสนับสนุนเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม (Genome Editing) เพื่อรับมือกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและศัตรูพืช โดยเน้นว่าเทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงที่ปลอดภัยและไม่ใช่ GMO มีการออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง ระหว่างปี 2567–2568 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การรับรองพืช สัตว์ และสัตว์น้ำที่พัฒนาจากเทคโนโลยีนี้ พร้อมทั้งกระทรวงพาณิชย์ชี้ว่าประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวด้านนโยบาย การสื่อสาร และการลงทุนวิจัย เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมชีวภาพ ผู้สนับสนุนทุน สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) เป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการทุนวิจัยด้านการเกษตรและอาหารของประเทศ โดยสนับสนุนงานวิจัยที่ตอบสนองนโยบายรัฐและยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) รูปแบบทุนประกอบด้วยงานเชิงกลยุทธ์ การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ และแผนงานเป้าหมายสำคัญ โดยงานวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมอยู่ในกรอบ N32 เพื่อพัฒนาพันธุ์พืชและสัตว์ที่ทนต่อโรค แมลง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงนวัตกรรมการผลิตที่รองรับภัยพิบัติ ตัวอย่างการสนับสนุน ได้แก่ การค้นหายีนสำคัญในเห็ดแครง ข้าวโพด มันสำปะหลัง และการใช้เทคนิคการปรับแต่งจีโนมเพื่อพัฒนาพันธุ์ถั่วเหลือง ข้าว และพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ให้มีคุณภาพสูงและศักยภาพเชิงพาณิชย์ ความก้าวหน้าด้านพืช เทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม (Genome Editing) โดยเฉพาะเทคนิค CRISPR-Cas กำลังถูกใช้เพื่อแก้ไขยีนในพืชอย่างแม่นยำโดยไม่ต้องนำยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่นมาใส่ ทำให้ไม่เข้าข่าย GMO ปัจจุบันหลายประเทศอนุญาตและมีผลิตภัณฑ์วางขายแล้ว เช่น มะเขือเทศกาบาสูงและผักที่ไม่เปลี่ยนสีน้ำตาล ส่วนในประเทศไทยมีการวิจัยพัฒนาพืชหลายชนิด เช่น ข้าวเพื่อเพิ่มผลผลิตและต้านโรค มันสำปะหลังเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ อ้อยทนสภาพแวดล้อม สับปะรดเพื่อคุณภาพ และกล้วยไม้สกุลหวายเพื่อทนแล้งและทนเค็ม รวมถึงฟ้าทะลายโจรเพื่อเพิ่มสารสำคัญ โดยงานวิจัยเน้นการสร้างพันธุ์ที่ทนต่อโรค แมลง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อรองรับความต้องการด้านอาหารและความยั่งยืนในอนาคต ความก้าวหน้าด้านประมง กรมประมงมีบทบาทหลักในการวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ เช่น การเจริญเติบโตเร็วและต้านทานโรค แม้ในประเทศไทยยังไม่ได้นำเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมมาใช้จริง แต่กำลังศึกษาแนวทางการประยุกต์ใช้ ขณะที่ต่างประเทศมีงานวิจัยกว่า 60 เรื่องเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีนี้ในสัตว์น้ำ โดยเน้นเพิ่มปริมาณเนื้อ ควบคุมเพศ และลดความเครียด ตัวอย่างเช่น ปลามะไดที่ปรับแต่งจีโนมให้มีเนื้อมากขึ้น 20% ลดต้นทุนอาหาร และมีการจำหน่ายเชิงพาณิชย์แล้วในญี่ปุ่น รวมถึงการปรับสีปลานิลให้เป็นสีแดง และการลดจำนวนก้างในกลุ่มปลาที่มีก้างมากเพื่อเพิ่มคุณภาพเนื้อปลา ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืนในอนาคต ความก้าวหน้าด้านปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์มุ่งวิจัยและพัฒนาพันธุ์สัตว์เพื่อการผลิตที่ยั่งยืน โดยเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมช่วยลดเวลาและต้นทุนในการปรับปรุงพันธุ์ พร้อมเพิ่มความแม่นยำในการแก้ไขยีนเป้าหมาย ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อเพิ่มความต้านทานโรค เช่น PRRS, ASF และ CSF ในสุกร รวมถึงปรับปรุงคุณภาพเนื้อ ลดไขมัน และลดความจำเป็นในการตอนเพศผู้ ในสัตว์ปีกใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต ต้านโรค และคัดเลือกเพศล่วงหน้า ส่วนในวัวใช้เพื่อต้านทานโรค เพิ่มผลผลิต ปรับปรุงคุณภาพเนื้อ สวัสดิภาพสัตว์ และการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม แสดงถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ในการยกระดับอุตสาหกรรมปศุสัตว์ให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น ความก้าวหน้าด้านการแพทย์ เทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมเป็นเครื่องมือสำคัญในทางการแพทย์ โดยใช้แก้ไขยีนในเซลล์ร่างกายเพื่อรักษาโรคทางพันธุกรรม เช่น มะเร็งจอตาในเด็ก (retinoblastoma) และป้องกันการสูญเสียการได้ยินจากความผิดปกติทางพันธุกรรมในคนไข้ที่เกิดจากการฉีด aminoglycoside ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ยังไม่ยอมรับสำหรับการแก้ไขยีนที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมในมนุษย์ แต่สามารถใช้ในเซลล์ร่างกายเพื่อการรักษาได้ นอกจากนี้ การพัฒนาเทคนิคการถอดรหัสจีโนมแบบละเอียด (long-read sequencing) ช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติและป้องกันโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อนาคตเน้นการใช้เทคโนโลยีนี้ในระดับยีน เซลล์ และอวัยวะ เช่น การปลูกถ่ายอวัยวะจากสุกรที่แก้ไขยีนเพื่อลดการปฏิเสธของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาและยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างมาก ที่มา: เอกสารประกอบการเสวนาทางวิชาการออนไลน์ เรื่อง จากนโยบายสู่การปฏิบัติ และประโยชน์ที่จะได้รับจากเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2568

ความคิดเห็นทั้งหมด (0)
ไม่มีข้อมูลตามเงื่อนไขที่ท่านกำหนด
รายการบทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หมวดหมู่ : กลุ่มงานสายวิชาการ
การเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อการเขียนหนังสือและตำราเพื่อประกอบการของตำแหน่งทางวิชาการ » การเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อการเขียนหนังสือและตำราเพื่อประกอบการขอตำแหน่งทางวิชาการ
การเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อการเขียนหนังสือและตำราเพื่อประกอบการขอตำแหน่งทางวิชาการจะช่วยเสริมในการการพัฒนาเพื่อต่ยอดให้ตำปหน่งทางวิชาการสูงขึ้น โดยการอบรมในครั้งนี้เป็นการอบรมเพื่อเขียนหนัง...
การเขียนตำรา  การเขียนหนังสือ     กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร   กลุ่มงานสายวิชาการ
ผู้เขียน อุทุมพร กันแก้ว  วันที่เขียน 6/12/2568 17:43:45  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 17/12/2568 9:53:44   เปิดอ่าน 50  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง
การเผยแพร่ความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมประชุมวิชาการ/อบรม/สัมมนา » โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ : การเขียนหนังสือและตำราเพื่อประกอบการขอตำแหน่งทางวิชาการ
โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ : การเขียนหนังสือและตำราเพื่อประกอบการขอตำแหน่งทางวิชาการ ในวันอาทิตย์ ที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรม เชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจัดโดยสำนักงานมหาวิทยาลัย ฝ่า...
การขอตำแหน่งทางวิชาการ  การเขียนหนังสือและตำรา     กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร   กลุ่มงานสายวิชาการ
ผู้เขียน พิกุล ศรีดารัตน์  วันที่เขียน 6/12/2568 0:58:47  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 17/12/2568 0:22:34   เปิดอ่าน 39  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง
แผนพัฒนาตนเอง ประชุมวิชาการ » Biosafety and biosecurity
การอบรมเชิงปฏิบัติการด้านความปลอดภัยทางชีวภาพและการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพซึ่งได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ช่วยให้มีการเพิ่มพูนความรู้และทักษะที่ถูกต้องตามมาตรฐานในการปฏิบัติงานในห้อง...
  กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร   กลุ่มงานสายวิชาการ
ผู้เขียน นลิน วงศ์ขัตติยะ  วันที่เขียน 5/12/2568 23:22:01  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 15/12/2568 20:20:45   เปิดอ่าน 36  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง