สายสัญญาณอินเทอร์เน็ตสำคัญอย่างไร
เรามาทำความรู้จักกับประเภทของสายแลนกันก่อนที่จะนำไปใช้งานตามวัตถุประสงค์ สายแลนแต่ละรุ่น สามารถจำแนกออกได้ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
- แบ่งตามลักษณะการหุ้มฉนวน ทั้งแบบที่มีแต่ฉนวนอย่างเดียวไม่มีฟอยล์ หรือมีฟอยล์นอก หรือมีฟอยล์หุ้มทั้งหมด
- แบ่งตามการใช้งานแบบภายนอกอาคาร (Outdoor) และภายในอาคาร (Indoor) โดยที่สายแบบ Outdoor จะมีปลอกหุ้มที่แข็งแรงกว่าและหนากว่าสายแบบ Indoor เพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศภายนอกอาคารได้ดีมากขึ้น
- แบ่งตามการเข้าหัวของสาย LAN หรือตามลักษณะการใช้งาน เราควรเลือกสายนำสัญญาณให้เหมาะสมและรองรับกับอุปกรณ์เชื่อมต่อเพื่อให้การส่งข้อมูลเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพมากที่สุด
- แบ่งตามความถี่ที่รองรับได้ ดังนี้
4.1) สายแลน CAT5 เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วต่ำที่สุด ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 100 Mbps สายชนิดนี้จึงไม่เป็นที่นิยมใช้งานแล้วในปัจจุบันเนื่องจากความเร็วในการ
ถ่ายโอนข้อมูลที่ต่ำ
4.2) สายแลน CAT5E เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วที่ต่ำ แต่สูงกว่าแบบแรก ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 1 Gpbs
4.3) สายแลน CAT6 เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 10 Gpbs BANWIDTH อยู่ที่ 250MHz หรือบางยี่ห้อมีจำหน่ายสูงถึง 600MHz
4.4) สายแลน CAT7 เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วสูงสุดกว่าสามประเภทแรก ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 10 Gpbs BANWIDTH อยู่ที่ 750MHz
สายแลน CAT5E
CAT5E หรือ Category5E เป็นสายที่ไม่มีชนวนป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก สายชนิดนี้มีจำนวน 4 คู่สาย 8 เส้น เป็นสายทองแดงแบบแกนเดี่ยว (Solid conductor) เหมาะกับการติดตั้งแบบทั่วไป และแกนทองแดงแบบฝอย (stranded conductor) เหมาะกับสายเชื่อมต่อภายในตู้สื่อสาร (Patch cord) ซึ่งสามารถบิด โค้ง งอ
ได้มากกว่าสายชนิดแกนเดี่ยว(Solid) สายชนิดนี้จะมี Bandwidth สูงสุด 350MHz ในบางยี่ห้อมาตรฐานที่ 100MHzและความเร็วในการส่งสัญญาณที่ 100 – 1000Mbps หรือ Gigabit
สายแลน CAT6
CAT6 หรือ Category6 เป็นสายนำสัญญาณแบบเคเบิ้ลทองแดงสี่คู่ รองรับการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายอย่าง Switch หรือ Hub สามารถรองรับความเร็วในการส่งได้สูงสุดถึง 10 Gbps จะมี Bandwidth สูงสุดที่ 600MHz หรือมาตรฐานอยู่ที่ 250MHz ส่วนความเร็วสูงสุดในการส่งสัญญาณที่ Full speed 1000Mbps หรือ Full Gigabit ในระยะแนะนำความเสถียรไม่เกิน 100 เมตร (ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และสัญญาณรบกวน) ผ่านอปุกรณ์เชื่อมต่อมาตรฐาน RJ-45
โดยประเภทของสายแลน CAT6 จะมีทั้งแบบ CMR, CM, และ LSZH ซึ่งแตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้ รูปแบบการติดตั้ง และอัตราการลามไฟของสายสัญญาณที่ติดตั้งภายในอาคารสำนักงานด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยจากอัคคีภัย (ตามมาตรฐาน UL)
– สาย CM (Communication Metallic) จะสามารถติดตั้งได้ภายในชั้น หรือติดตั้งราบไปกับพื้น ห้ามติดตั้งเปลือยในแนวอื่นเด็ดขาด
– สาย CMR (Communication Metallic Riser) จะสามารถติดตั้งได้ทั้งแนวราบ และแนวดิ่งบริเวณช่องชาร์ป (จุดรวมของสายสัญญาณที่เชื่อมต่อระหว่างชั้น) ถูกออกแบบด้วยวัสดุที่ทนทาน และป้องกันการลามของเปลวไฟได้ดีกว่าแบบ CM จึงมีราคาสูงกว่า แต่คุ้มค่าในการนำไปใช้งานในระยะยาว
– สาย LSZH จะเพิ่มคุณสมบัติด้านความปลอดภัย กรณีเกิดเพลิงไหม้ สายแบบ LSZH จะมีคุณสมบัติพิเศษไม่ลามไฟ และมีควันน้อยกว่าปกติ เพื่อป้องกันอาการสำลักควันที่อาจเป็นสาเหตุทำให้คนเสียชีวิตได้
สายแลน CAT7
CAT7 หรือ Category7 เป็นสายนำสัญญาณแบบ Aluminum Foil หุ้มที่คู่สายทุกคู่ เพื่อการป้องกันสัญญาณรบกวน ด้วย Screen shielded twisted pair (SSTP) หรือการเดินสายแบบหุ้มด้วยฟอยซ์คู่สายเกลียว (SFTP) รองรับการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย สามารถรองรับความเร็วในการส่งได้สูงสุดถึง 10 Gbps ความถี่สูงสุดที่ 600 MHz ในระยะแนะนำความเสถียร ไม่เกิน 100 เมตร
ส่วนทุกท่านจะเลือกใช้สาย Cat5E หรือ Cat6 หรือ CAT7 นั้น ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน และประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อใช้สายที่ราคาสูงกว่าแต่รองรับอุปกรณ์ในอนาคตได้ดีกว่า
แต่ปัจจุบันที่นิยมใช้กันมากคือ สาย CAT6 เนื่องจากเหมาะสมกับการใช้งานตามมาตรฐาน และหลายองค์กรในประเทศยังใช้ Switch แบบที่มีความเร็วอยู่ที่ 10/100/1000 Mbps สายชนิดนี้จึงเหมาะสมที่สุดกับการใช้งาน