เรื่องความดีเด่นของแตงกวาลูกผสมโดยใช้สายพันธุ์แตงกวาที่มีการแสดงเพศดอกแบบดอกกระเทยเป็นสายพันธุ์พ่อ แตงกวาเป็นพืชที่มีการแสดงเพศดอกอยู่ 3 แบบ คือ ดอกเพศผู้ ดอกเพศเมีย และดอกกระเทย โดยในแต่ละต้นนั้นอาจมีโอกาสที่จะพบดอกเพียงเพศเดียว สองเพศ หรือพบได้ทั้ง 3 เพศ ปัจจัยที่มีผลต่อการแสดงออกของเพศดอกได้แก่ พันธุกรรมทั้งชนิด (Species) หรือสายพันธุ์ (Variety) สภาพแวดล้อมขณะพืชเจริญ เติบโต และปัจจัยของสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชหรือฮอร์โมนพืช การผลิตแตงกวาลูกผสมเพื่อการค้าในปัจจุบันใช้คู่ผสมระหว่าง gynoecious (มีดอกเพศเดียวใน1ต้น) x monoecious (มีดอกผู้และเมียแยกดอกกันใน 1 ต้น) ทาให้ได้แตงกวาลูกผสมที่มีการแสดงเพศดอกผันแปรไปตามฤดูกาล ในงานวิจัยนี้ต้องการสร้างแตงกวาลูกผสมที่เกิดจากแตงกวาต้นพ่อที่มีดอกเป็นดอกกระเทย (hermaphrodite) ทั้งหมด 23 พันธุ์ ผสมกับแตงกวาต้นแม่ที่มีแต่ดอกเพศเมีย (gynoecious) จำนวน 2 พันธุ์ เพื่อทดสอบหาต้นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ที่เหมาะสมในการผลิตแตงกวาลูกผสมต่อไป จากการทดลองทดสอบคุณภาพลูกผสมทั้ง 46 คู่ผสมที่เกิดขึ้น พบว่ามีสายพันธุ์แตงกวาลูกผสม 3 คู่ผสม ได้แก่ 1) gy.0650103-1/H4-48-15-12 2) gy.0650103-1/H10-19-35-3 และ 3) gy.0650103-1/H10-20-25-6 ให้ผลผลิตต่อไร่สูง มีค่าน้ำหนักเฉลี่ยต่อผล และความกว้างของผลไม่แตกต่างจากพันธุ์การค้า นอกจากนี้ยังแสดงค่าเปอร์เซ็นต์ความดีเด่นเหนือค่าเฉลี่ยพ่อแม่สูงในลักษณะผลผลิตต่อไร่ ลักษณะน้ำหนักเฉลี่ยต่อผล และลักษณะความยาวผลอีกด้วย การที่ลูกผสมทั้ง 3 คู่ให้ค่าลักษณะทางการเกษตรสูงดีกว่าพันธุ์พ่อแม่ หรือค่า heterosis เป็นบวกเกือบทุกลักษณะนั้นอาจเป็นเพราะสายพันธุ์พ่อและแม่มีฐานพันธุกรรมที่แตกต่างกันมาก
จากข้อมูลข้างต้นอาจกล่าวได้ว่า สายพันธุ์แม่ gy.0650103-1 เมื่อนำมาผสมกับสายพันธุ์พ่อ H4-48-15-12, H10-19-35-3 และ H10-20-25-6 สามารถทำให้ได้ลูกผสมที่มีค่าเฉลี่ยของผลผลิตสูงและลักษณะทางการเกษตรที่ดี และลูกผสมชั่วที่ 1 ระหว่างสายพันธุ์แม่ที่มีเพศดอกแบบ gynoecious และสายพันธุ์พ่อที่มีเพศดอกแบบhermaphrodite ที่ใช๎ในการทดลองนี้นั้นเป็นคู่ผสมที่เหมาะสาหรับนำไปใช้ในการผลิตแตงกวาลูกผสมพันธุ์ใหม่ในอนาคต
สรุปเนื้อหาเรื่องการศึกษาความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของฝรั่งในแปลงรวบรวมพันธุ์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ด้วยเทคนิคอาร์เอพีดี จากการศึกษาความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของฝรั่งทั้งหมด 15 สายพันธุ์จากแปรงรวบรวมพันธุ์ของม.แม่โจ้ ด้วยเทคนิค RAPD โดยใช้ไพรเมอร์ 60 ชนิดพบว่า 44 ชนิดสามารถเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอได้ และให้แถบที่ชัดเจน โดยเป็นแถบดีเอ็นเอที่แสดงความแตกต่าง (polymorphic bands) จำนวน 104 แถบ คิดเป็น 68.42 % และ มี % polymorphism อยู่ในช่วง 25-100 % ซึ่งมี 10 ไพรเมอร์ที่ให้เปอร์เซ็นต์ polymorphic สูงสุด คือ 100 % เมื่อนำแถบดีเอ็นเอที่ได้ไปวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมด้วยโปรแกรม NTSys-pc และเลือกวิธีการจัดกลุ่มแบบ UPGMA โดยคำนวณค่าดัชนีความเหมือน พบว่าฝรั่งทั้ง 15 พันธุ์ มีค่าดัชนีความเหมือนอยู่ระหว่าง 0.73 - 0.96 โดยที่ฝรั่งพันธุ์สาลี่ทองและพันธุ์กิมจูมีความใกล้ชิดทางพันธุกรรมมากที่สุด คือ 0.96 สอดคล้องกับลักษณะฟีโนไทป์ที่มีความหนาเนื้อ จำนวนเมล็ดน้อยใกล้เคียงกันกัน ส่วนพันธุ์ที่มีความแตกต่างทางพันธุกรรมมากที่สุด คือ ฝรั่งพันธุ์จิตรลดา และพันธุ์หวานพิรุณ ซึ่งฝรั่งพันธุ์จิตรลดาจะมีความแตกต่างจากฝรั่งพันธุ์อื่นๆ เนื่องจากมีลักษณะใบหยิก และมีผลขนาดเล็ก เมื่อแสดงผลในรูปแผนภูมิความสัมพันธ์ (dendrogram) สามารถแบ่งฝรั่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ซึ่งค่าความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมนี้สามารถนำไปใช้ประกอบการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ในโครงการปรับปรุงพันธุ์ฝรั่ง เพราะพันธุ์พ่อและแม่ที่มีฐานทางพันธุกรรมต่างกัน เมื่อนำมาผสมกันลูกผสมที่ได้จะมีโอกาสเกิดความดีเด่นของลูกผสม (Heterosis) ในอัตราสูง
จากการเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้สามารถนำความรู้ที่ไปใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนทั้งวิชาพันธุศาสตร์เบื้องต้น (ชว 340) และวิชาในระดับบัณฑิตศึกษาของหลักสูตรฯ ได้