หยุดยาวช่วงสงกรานต์ รู้สึกความเครียดจะเข้ารบกวนจิตใจ ทำให้เทศกาลที่สำคัญของคนไทยในปีนี้ จะไม่ครึกครื้นเหมือนหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ความวุ่นวายในบ้านเมืองของเรา เมื่อไหร่จะสงบเสียที.... พอดีผู้เขียนได้พบบทความดี ๆ ใน วารสาร CAT Magazine ฉบับเดือนเมษายน 2553 ก็เลยขออนุญาตหยิบยกมาเผยแพร่ เพื่อให้ผู้อ่านได้ลดวิธีคิดที่จะกำจัดต้นตอความเครียด....แ ละหากคุณผู้อ่านมีนิสัยทางความคิดเข้าข่าย 10 ข้อต่อไปนี้ ก็ไม่ต้องตกใจไป เพียงแค่พยายามปรับมุมมอง มีเหตุผลตามสมควร และคิดว่าทุกสิ่งเป็นไปได้ให้มากขึ้น ต้นตอความเครียดที่ฝังตัวอยู่ก็จะค่อย ๆ ลดลง คนเราเขาว่ามีความเครียดบ้างเป็นสิ่งทีดี แต่ไม่ควรให้ความเครียดเข้าครอบงำชีวิต เพราะจะทำให้คุณกลายเป็นมนุษย์เครียดตลอดเวลาจนแก้ไม่หาย
New Mood Therapy
- ไม่ขาวก็ดำ ทุกอย่างในโลกมีแค่สองสีเท่านั้น คนที่มีนิสัยแบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สุดโต่ง” เป็นคนประเภทที่ไม่มีคำว่าตรงกลาง เจออะไรแย่ ๆ ก็จะมองว่ามันแย่อย่างสุด ๆ แล้วก็จะฝังใจอยู่กับเรื่องนั้นไม่ยอมเปลี่ยน ซึ่งเป็นสัญญาณที่อันตรายมาก เพราะเราไม่ควรคิดหรือมองอะไรแต่เพียงด้านเดียว ควรมองให้รอบและมองอย่างเป็นกลางจะดีที่สุด
- คิดเอง สรุปเอง เครียดเอง พวกนี้เป็นพวกที่ชอบตั้งสมมติฐาน และคิดผลสรุปเอาไว้ในใจเสร็จสรรพ โดยที่เหตุการณ์ยังไม่ทันจะได้เกิด อย่าลืมว่าชีวิตคนเราไม่ใช่การทดลองวิทยาศาสตร์ ที่จะได้มีผลลัพธ์ออกมาตายตัวเสมอ การที่คุณคิดเอาเองว่าทุกอย่างจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ จะทำให้เครียดไปก่อนซะเปล่า ๆ
- คำว่า “คิดบวก” ไม่เคยอยู่ในสมอง คนประเภทนี้ก็เป็นอันตรายอีกเช่นกัน เพราะคนที่มีนิสัยแบบนี้ไม่ว่าจะทำอะไรได้ดี หรือมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้น ฉันก็ยังยืนยันที่จะมองในแง่ร้ายไว้ก่อน ซึ่งเป็นการก่อความเครียดโดยไม่จำเป็นอย่างที่สุด หัดคิดบวกเข้าไว้แล้วคุณจะรู้ว่าโลกนี้ยังมีอะไร ๆ ที่สวยงามอีกเยอะ
- ไม่เคยมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในโลก คนที่คิดอย่างนี้นับว่าอันตรายกว่าประเภทที่ชอบคิดแง่ลบเสียอีก เพราะถ้ามีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้น คนในกลุ่มนี้ก็จะมองว่ามันมีข้อผิดพลาดอะไรซักอย่าง หรือไม่ก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ พูดง่าย ๆ ก็คือ ขนาดเรื่องที่ไม่มีอะไรก็ยังสามารถมองให้กลายเป็นเรื่องเลวร้ายได้นั่นเอง
- ด่วนสรุปไปซะทุกเรื่อง คนในกลุ่มนี้แบ่งได้สองประเภท คือ ประเภทแรกเป็นพวกที่ชอบ อ่านใจคนอื่น เป็นนิสัยของคนที่คิดมาก ชอบตีความคำพูดของคนอื่นในทางไม่ดีไปหมด เช่น ถ้ามีคนมาชมคุณว่า ทำไมพักนี้ดูสวยผิดหูผิดตา ไปทำอะไรมาหรือเปล่าเนี่ย คนที่จัดอยู่ในประเภทนี้ ก็จะคิดไปก่อนเลยว่า เขาต้องแอบคิดว่าฉันไปทำศัลยกรรมมาแน่ ๆ เลย อย่างนี้เป็นต้น อีกประเภทคือ คนที่ชอบทำตัวเป็นหมอดูให้กับตัวเอง ติดตรงที่ชอบทำนายแต่เรื่องร้าย ๆ นิสิ เพราะคนประเภทนี้มักจะเชื่อว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเองเสมอแล้วก็พาลหัวเสียกับเรื่องที่ตัวเองทำนายไว้ตลอดเวลา ดู ๆ ไปเหมือนพวกสาดิสม์ชอบทำร้ายตัวเองเหมือนกัน
- โวยวายกับเรื่องร้าย ๆ แต่เรื่องดี ๆ กลับมองข้าม คนกลุ่มนี้จะเอาแต่มองว่าข้อเสีย หรือจุดด้อยในตัวเองนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีส่วนดีเยอะกว่า แต่กลับไม่เคยมองเห็น มักจะมัวไปสนใจอยู่กับจุดบอด ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม
- เอาโลกจินตนาการ มาปนกับ โลกความเป็นจริง เป็นประเภทที่ชอบคิดว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกคือเรื่องจริง และมักจะสรุปอะไรโดยที่ไม่คิดถึงความเป็นเหตุเป็นผล พูดง่าย ๆ ก็คือแยกแยะความรู้สึกของตัวเองกับความเป็นจริงไม่ออก จนคิดว่าสิ่งรอบข้างจะเป็นเหมือนสิ่งที่ตัวเองรู้สึกไปเสียหมด
- จะ “กดดัน” ไปถึงไหน บรรดาหัวหน้าที่เคร่งเครียดกับการทำงาน ส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยแบบนี้อยู่เยอะหน่อย เพราะเป็นนิสัยของคนที่ชอบคาดหวังว่าจะต้องทำงานให้ได้เท่านั้นเท่านี้ และพอทำไม่ได้อย่างที่หวังก็จะรู้สึกแย่ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้มาก ๆ เข้า ก็อาจส่งผลให้เราไปคาดหวังกับคนรอบข้าง แถมยังสร้างความหงุดหงิดให้กับคนอื่น ๆ อีกต่างหาก
- ป้ายความคิดแง่ลบไปเรื่อย ๆ คนที่มีนิสัยแบบนี้เวลาเจออะไรที่ไม่พอใจก็มักจะคิดว่าคนอื่นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่ไม่ดูเลยว่าเหตุผลจริง ๆ นั้นเป็นยังไง ตัวอย่างเช่น เด็กใหม่ที่ย้ายเข้ามาในเมืองพูดจอไม่ดีเข้าหน่อย คนรอบข้างก็พากันคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เรื่อง โดยที่ไม่นึกถึงเหตุผลอื่น ๆ เลย
- ขอโทษ ฉันผิดเอง นิสัยของนางเอกอีกอย่างหนึ่งที่บางคนเป็นกัน คือ ขอให้ได้โทษตัวเองไว้ก่อน ไม่ว่าความผิดจะเป็นของใครก็ตาม แต่ถ้าไม่จำเป็นอย่าพยายามโทษตัวเองจะดีกว่า เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่าต้องแบกภาระที่ตัวเองไม่ได้ก่อเอาไว้ตลอดเวลา