น.ส.โสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาแนวทางให้สมาชิก กบข.เลือกว่าจะรับบำนาญตามสูตรการคำนวณบำนาญแบบเดิม หรือแบบ กบข. ว่ามีสมาชิกของ กบข.ประมาณ 8 แสนราย จากสมาชิกทั้งสิ้น 1.2 ล้านราย ที่สามารถเลือกได้ว่าจะกลับไปใช้การคำนวณสูตรบำนาญแบบเดิม เพราะเป็นการดึงเข้ามาอยู่ในระบบของ กบข.ที่ไม่ได้รับรู้เงื่อนไขที่ดีพอ ซึ่งเป็นการตั้งสมมติฐานผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข.ที่ 9% เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวอัตราดอกเบี้ยในตลาดประมาณ 16% แต่ปัจจุบันดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลงจากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้ผลตอบแทนของ กบข.นับจากก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2540 เฉลี่ยเพียง 7% เท่านั้น
น.ส.โสภาวดีกล่าวต่อว่า กบข.เองพยายามที่จะหาผลตอบแทนให้สมาชิกมากขึ้น ด้วยการปรับพอร์ตการลงทุน ไปลงทุนในพันธบัตรต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนที่สูง อย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ ที่ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 5% เมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลไทย ที่ผลตอบแทนอยู่ที่ 3% หรือการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนมากขึ้น แต่ก็ทำได้จำกัด เพราะกฎหมายกำหนดให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงไม่น้อยกว่า 60% ของพอร์ตการลงทุนรวม และลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้ไม่เกิน 40% เท่านั้น เมื่อเทียบกับกองทุนเพื่อการเกษียณอายุของต่างประเทศแล้วจะเห็นว่าสัดส่วนกลับกันกับของไทย จึงมีแนวคิดที่จะแก้กฎหมายให้สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องอยู่ในระดับที่ปลอดภัยด้วย
"วิธีที่กระทรวงการคลังเลือก น่าจะเป็นวิธีที่จะทำให้สมาชิกมีโอกาสได้ทบทวนและยุติธรรมกับเขา ที่ก่อนหน้านั้นถูกหลอกเข้ามาอยู่ในระบบ กบข. เพราะไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ภายหลังข้อมูลบางอย่างมากขึ้น จะได้พิจารณาความต้องการที่แท้จริงของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง โดยคนรับราชการเกิน 38 ปีขึ้นไป หากกลับไปใช้ระบบเดิม จะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะสูตรการคำนวณของ กบข.จะกำหนดเพดานอายุราชการไม่เกิน 35 ปี รวมถึงข้าราชการทหารที่จะมีเรื่องวันทวีคูณด้วย ส่วนคนที่รับราชการไม่นานและเหลืออายุราชการอีกมาก การอยู่ใน กบข.จะได้ประโยชน์มากกว่า"น.ส.โสภาวดีกล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555