การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ในกระบวนการวิจัยมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำของงานวิจัยในหลากหลายสาขา AI สามารถช่วยสนับสนุนการเก็บ วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาและต้นทุนการทำวิจัย อีกทั้งยังช่วยเสนอแนวคิดหรือสมมติฐานใหม่ ๆ จากการวิเคราะห์เชิงลึก งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาบทบาท วิธีการ และประโยชน์ของการใช้ AI ในขั้นตอนต่าง ๆ ของการวิจัย ตั้งแต่การออกแบบวิธีวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล การสร้างแบบจำลอง จนถึงการนำเสนอผลการวิจัย ตลอดจนพิจารณาข้อจำกัดและความท้าทายของการประยุกต์ใช้ AI ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพของนักวิจัย ทำให้สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนางานวิจัยยุคปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มความรวดเร็ว ความแม่นยำ และประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของกระบวนการวิจัย เริ่มตั้งแต่การสืบค้นและทบทวนวรรณกรรมโดยใช้ระบบ Natural Language Processing (NLP) เพื่อวิเคราะห์เนื้อหาจำนวนมากอย่างอัตโนมัติ การออกแบบการทดลองและการสร้างแบบจำลองโดยใช้ Machine Learning เพื่อคาดการณ์ผลลัพธ์ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วยเทคนิค Data Mining และ Deep Learning เพื่อค้นหารูปแบบหรือความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ รวมถึงการใช้ Generative AI เพื่อช่วยร่างรายงาน นำเสนอผล และสร้างภาพหรือสื่อประกอบงานวิจัยได้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ AI ยังสนับสนุนการทำงานร่วมกันของนักวิจัยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีระบบช่วยวิเคราะห์และจัดการข้อมูล อย่างไรก็ตาม การประยุกต์ใช้ AI ในงานวิจัยยังมีข้อจำกัด เช่น ความน่าเชื่อถือของข้อมูล ปัญหาลิขสิทธิ์ และความเสี่ยงด้านจริยธรรม ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเสริมศักยภาพของนักวิจัยให้สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และมีคุณภาพสูงขึ้น