โครงการพัฒนาบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการ ประจำปีงบประมาณ 2559
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
การจัดสถานที่ในการทำงานและการยืดกล้ามเนื้อในระหว่างการทำงาน
โดย...อาจารย์จิตตรัตน์ ตันเสนีย์
การจัดสถานที่ในการทำงานและท่าทางที่เหมาะสมในการทำงานสำคัญอย่างไร?
เคยมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อคอ ไหล่และหลังกันบ้างรึเปล่า? เคยมีอาการปวดศีรษะ ปวดตากันบ้างไหม? แล้วทำไมเราถึงเกิดอาการเหล่านี้ได้ละ?
การทำงานในแต่ละวันนั้นบุคลากรต้องปฏิบัติงานในท่าทางซ้ำๆไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้เกิดอาการ Office syndrome ซึ่งจะมีอาการปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล่และข้อศอก ปวดข้อมือและมือ ปวดขา ปวดศีรษะและตา เป็นต้น ทั้งๆที่อาการเหล่านี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิด หรือหากเกิดแล้วสามารถลดความรุนแรงของอาการได้ หากเรามีความรู้ความเข้าใจในการจัดสถานที่ทำงานและมีท่าทางที่เหมาะสมในการทำงาน
แล้วเรามีปัญหาเรื่องการจัดสถานที่ทำงานและมีท่าทางที่เหมาะสมในการทำงานจริงๆรึเปล่า?
จากรูปจะเห็นได้ว่า ทุกๆวันเราทำงานด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม และสามารถสะสมจนเกิดอาการปวดตามร่างกายได้ ซึ่งสาเหตุหลักๆที่เกิดอาการเจ็บปวดคือ
- ท่าทางหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
- สภาพแวดล้อมในที่ทำงานไม่เหมาะสม
- สาเหตุจากปัญหาโครงสร้างร่างกาย
แต่แน่นอนว่า เราสามารถแก้ไขได้เฉพาะการจัดสถานที่ทำงานให้ดีและมีท่าทางในการทำงานที่ดีเท่านั้น
แล้วทำอย่างไรละ?
ที่มา: http://www.ams.cmu.ac.th/amscsc/article/article9.html
ท่านั่งทำงานที่เหมาะสม นั่งหลังตรงไม่โน้มตัวไปข้างหน้า เก็บแขนใกล้ลำตัว ผ่อนคลายหัวไหล่ หากมีที่วางแขน ให้วางแขนบนที่วางแขน การผ่อนคลายหัวไหล่ได้จะทำให้ลดอาการปวดบ่าและไหล่ได้มาก หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ระดับสายตาหรือมุมก้มคอลงมาไม่เกิน 30 องศา ควรเลือกเก้าอี้ที่มีความสูงพอดีกับขาอย่าสูงเกินไป หากเท้าไม่สามารถวางกับพื้นได้ราบ ให้ใช้ที่วางเท้า และข้อมือไม่ควรให้บิดงอ
แน่นอนว่าทุกคนไม่สามารถซื้ออุปกรณ์ใหม่เพื่อให้โต๊ะ เก้าอี้หรือคอมพิวเตอร์พอดีกับคนใช้ ทางวิทยากรจึงได้แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ปรับเก้าอี้ให้สูงพอดีกับคอมพิวเตอร์แล้วหากล่องมาวางกับพื้น เพื่อไม่ให้เท้าลอย จะช่วยลดอาการปวดขาได้ หรือการหาหมอนใบเล็กๆมาหนุนที่หลัง เพื่อให้หลังสามารถพิงพนักเก้าอี้ได้ จะช่วยลดอาการปวดหลังได้ เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ตัวบุคลากรเองต้องตระหนักด้วยว่าท่าทางบางท่าที่ใช้ในการทำงานไม่เหมาะสม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ไม่พอดีกับตัวผู้ใช้ เช่น การนั่งคอยื่นไปข้างหน้า หรือ นั่งไขว้ห้าง เป็นต้น
แต่เฉพาะแค่การการจัดสถานที่ในการทำงานและท่าทางที่เหมาะสมในการทำงานยังไม่เพียงพอต่อการลดอาการเจ็บปวดจากการทำงาน เนื่องจากการทำงานในท่าทางซ้ำๆ และติดต่อกันนานๆ มักจะเกิดอาการปวดเมื่อย จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ 30 นาทีและยืดกล้ามเนื้อ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการลดอาการเจ็บปวดจากการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งประโยชน์ของการยืดกล้ามเนื้อมีดังนี้
- เพิ่มมุมการเคลื่อนไหวของข้อต่อ
- เพิ่มประสิทธิภาพในการหดตัวของกล้ามเนื้อ
- ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายลดความตึงเครียด
- ปรับลักษณะท่าทางให้สมดุล
การให้ความรู้เรื่องการยืดกล้ามเนื้อในระหว่างการทำงาน
ซึ่งหลังจากการให้ความรู้ในเรื่องยืดกล้ามเนื้อไปแล้วนั้น บุคลากรสามารถนำไปใช้ได้ทันที และสามารถลดอาการปวดตึงกล้ามเนื้อเนื่องจากการทำงาน ทำให้เพิ่มศักยภาพในการทำงานได้มากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีความรู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อมากยิ่งขึ้นและลดอาการเจ็บปวดสะสมได้อีกด้วย