วันมาฆะ – วาเลนไทน์
ผู้เขียน : ปาณิศา คงสมจิตต์
นักเอกสารสนเทศ : ห้องสมุดคณะผลิตกรรมการเกษตร
นานทีปีหนจึงจะมีโอกาสได้เห็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์เดินทางมาบรรจบตรงกันแบบพอดิบพอดีเหมือนในปี 2557 นี้ กันสักครั้งหนึ่ง แม้จะมีมุมมองกันไปคนละด้านแต่ก็สามารถนำกิจกรรมเรื่องราวของทั้งวันมาฆบูชา ซึ่งเห็นภาพเด่นชัดในทางพุทธศาสนากับวันวาเลนไทน์ที่คนยุคใหม่ให้ความสำคัญไปไม่น้อยมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
ความรักเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตัวมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม มีเรื่องเกี่ยวกับทางพุทธศาสนาที่มีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่าทำอย่างไรถึงจะรักกันได้อย่างยั่งยืนและทำเช่นใดจึงจะสร้างรักแท้ขึ้นมาได้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “รักแท้” เกิดขึ้นเพราะคน 2 คนที่มี ศรัทธาเสมอกัน , มีศีลเสมอกัน , มีน้ำใจเสมอกัน , มีปัญญาเสมอกัน ผู้ใดมีคุณสมบัติครบ 4 ประการก็จะทำให้มีมิตรจิตมิตรใจที่ดีต่อกัน สื่อสายตากันด้วยความเอ็นดู ไม่มีใจคิดอยากประทุษร้ายหรือเอาชนะกันอย่างไร้เหตุผล โดยเวลาที่ผ่านไปแต่ละวันก็จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ยิ่งอยู่นานก็จะมีความสุขมากขึ้น
เมื่อยุคสมัยดำเนินมาถึงปัจจุบัน หลักคำสอนทางพุทธศาสนาก็ยังคงดำเนินสืบต่อมา คำสอนที่สำคัญประการหนึ่งที่เกี่ยวกับความรัก...นั่นก็คือหลักของความเมตตาหรือความรักความปรารถนาดีต่อคนอื่น ซึ่งถ้าหากมองในความรู้สึกที่กว้างออกไปก็หมายถึงความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน รวมไปถึงเหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึงบ่อเกิดแห่งความรักด้วยกันไว้หลายนัย แต่ในที่นี้ผู้เขียนขอนำมากล่าวถึงเพียง 2 ประการก็คือ
ประการแรก – การอยู่ร่วมกันในอดีตชาติหรือเป็นบุพเพสันนิวาส คือการที่ได้เคยอยู่ร่วมกันมาหรือเคยเลี้ยงดูกันมา มีการได้เคยทำบุญเกื้อหนุนกันในชาติที่ผ่านๆ มา เมื่อมาพบกันในชาตินี้แม้จะเพียงเมื่อพบกันในครั้งแรกก็รู้สึกว่าถูกชะตา สนิทสนมคุ้นเคยกันได้อย่างรวดเร็ว คล้ายกับความรู้สึกที่ว่าเป็นรักแรกพบ
ประการที่สอง – การช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน คือการได้มีส่วนร่วมช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบันแล้วทำให้เกิดเป็นความสนิทสนม เกิดเป็นความเชื่อและไว้วางใจในฐานะที่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน มีการร่วมทุกข์ร่วมสุขให้คำปรึกษาข้อแนะนำที่มีประโยชน์ มีความรักใคร่เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันจึงเป็นเหตุให้เกิดความรักและมีความเมตตาต่อกันขึ้น
จะเห็นว่าหลักคำสอนทางพุทธศาสนากับเรื่องราวของความรัก ที่มีมานับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ ยังคงนำมาประยุกต์ใช้เป็นหลักเตือนใจ ให้ข้อคิดเกิดการตระหนักรู้ในด้านการปฏิบัติทั้งต่อตนเองและผู้อื่นด้วยความรู้สึกดีๆ เป็นที่ตั้ง... ซึ่งก็นำพาผลมาสู่ผู้ปฏิบัติให้ได้พบกับความรักที่ยั่งยืนและเป็นรักแท้ในชาตินี้โดยที่ไม่ต้องรอไปจนถึงชาติหน้า