คาถาพ้นทุกข์ 4 ย.
วันที่เขียน 9/8/2556 14:36:08     แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/11/2567 19:24:57
เปิดอ่าน: 9627 ครั้ง

คาถาพ้นทุกข์ “โยนิโสมนสิการ ยอม หยุด เย็น นิ่งในไม่โต้ตอบ”

คาถาพ้นทุกข์ “โยนิโสมนสิการ ยอม หยุด เย็น นิ่งในไม่โต้ตอบ”

                                                                           *  นงลักษณ์   ปูระณะพงษ์

โชคดีที่ได้เกิดเป็นมนุษย์  ได้พบพระพุทธศาสนา ได้คิดดี  ทำดี  พูดดี ได้ฟังธรรมบรรยายรายการ

ธุระธรรมนำพ้น  โดยคุณหยกธรรม(บุญเลิศ ตันตยานุสรณ์)  จากสถานีวิทยุคลื่น เพื่อการศึกษาพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรม  FM 104.5 MH   วัดฝายหิน   ต.สุเทพ   อ.เมือง จ.เชียงใหม่   วันศุกร์เวลา  10-12  น. วันเสาร์เวลา  21-24 น. คุณหยกธรรม ท่านได้ศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า  วิเคราะห์วิจัยธรรม  แล้วได้ถ่ายทอดออกอากาศ  ท่านเคยเขียนหนังสือเผยแพร่  เรื่อง  ปรับตนให้พ้นกรรมอริยมรรคเป็นธรรมที่ต้องกำหนดเจริญ  2539  เห็นว่ามีประโยชน์มากสำหรับคนทำงานทุกอาชีพ   ที่ไม่มีเวลาไปปฏิบัติธรรมที่เป็นรูปแบบตามวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรม มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ  มนุษย์เรา  กว้างศอก  ยาววา  หนาคืบ  หน้าที่ของมนุษย์  คือ      ฝึกเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงส่งขึ้น ขยับเข้าใกล้สวรรค์    พรหม     นิพพาน  เกิดเป็นมนุษย์ต้องฝึกให้พ้นทุกข์  การกระทำทุกอย่างมีผล  ตอบแทน  ถูกบันทึกไว้ตลอดเวลา  มนุษย์  องค์รวมเรียกว่า  เรา  ประกอบด้วยใจ  2  แบบ คือ จิตที่เป็นอกุศล และจิตใจที่เป็นกุศล   จิตเป็นผู้สั่งสมบุญและบาป  สั่งสมแบบข้ามภพข้ามชาติได้  จิตเกิดดับอยู่ตลอดเวลา  แบบดวงหนึ่งดับไป ดวงใหม่เกิดขึ้นแล้วถ่ายโอน บุญหรือบาปสืบต่อกันไปเรื่อยๆ

  • จิตที่เป็นอกุศล  เป็นจิตชั้นตัว  จิตภายนอก  จิตระดับโลกียะมีงานมีภาระหน้าที่ธุระโลก  จิตที่ประกอบด้วยไฟกิเลส  3 กอง  คือโลภะ โทสะ โมหะ(ความโลภ  ความโกรธ  ความหลง) และอวิชชา(ความไม่รู้) จิตที่เป็นอกุศล จะโกรธง่ายหงุดหงิด  ฟุ้งซ่าน  รำคาญ  ใครพูดไม่ถูกใจ  โต้ตอบทันทีชอบเก็บสิ่งที่ไม่ดีสะสมไว้มากชั้นตัวมีหลายแบบแล้วแต่ชนิดของจิต  ตัวใดจะแสดงออกมา  เมื่อจิตไม่ดีสั่งให้กาย คิด พูด  ทำไม่ดี ผลคือ ความทุกข์  จิตชั้นตัวเป็นจิตที่ประกอบอาชีพทำมาหากินเมื่อตายไปผลจะส่งให้กลับมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร  31 ภูมิ  ส่วนใครจะอยู่ในภูมิ   พรหม  สวรรค์  โลกมนุษย์  เปรต  อสุรกาย  สัตว์เดรัจฉาน  นรก  ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของความชั่วที่ทำไว้ เป็นการสะสมชั่วโมง  อกุศลกรรม
  • จิตที่เป็นกุศล    เป็นจิตชั้นตน  จิตภายใน จิตระดับโลกุตระมีงานมีภาระหน้าที่  ธุระธรรม  จิตที่ประกอบด้วยสติ  สมาธิ  ปัญญา  มีกำลังของจิตที่มีองค์ประกอบด้วย พละ 5 คือ  ศรัทธา  วิริยะ  สติ  สมาธิ  ปัญญา  จิตดีมีผลการแสดงออกในการคิด  การกระทำ คำพูดที่ดี  ผลที่ได้คือ ความสุข  เป็นจิตระบบใหม่ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ  เป็นระบบที่ฝึกจิตเพื่อดูใจของตนเอง  ล้างนิสัยเก่า  สร้างนิสัยใหม่  ตนเป็นที่พึ่งของตน  ตนทำเอง  ฝึกเอง  ตายไปก็ไปคนเดียว ไม่มีผู้ช่วย เป็นการฝึกจิตให้มีกำลังของอริยมรรค เป็นสูตรสำเร็จเคล็ดที่ไม่ลับของพระพุทธเจ้า  เป็นสูตรแห่งมรรคสูตรของการปรุงจิตที่สมบูรณ์แบบ ลำดับได้ในใจของมนุษย์ทุกคนเป็นธรรมชาติที่พิเศษ  กำเนิดกำลัง  ต้องเริ่มด้วยสัจจะเป็นพื้นฐาน  ต้องกำหนดอยู่ในกรอบของการแสดงออก  เป็นการปรับกายให้อยู่ในสัมมา(ถูกต้อง) ทางความคิด การกระทำ คำพูด ซึ่งเป็นข้อมูลภายนอก  ตนต้องฝึกข้อมูลภายในให้แข็งแกร่ง เพื่อเป็นการเชื่อมโยง  ทั้งภายในและภายนอกให้สัมพันธ์กัน  เป็นสภาวะของฌานปัญญาญานขึ้นมา  เริ่มด้วยอุบายวิธีโดยแยบคาย ใช้โยนิโสมนสิการ(การพิจารณา)บ่อยๆ ดังนี้
  • ให้ภาวนามนต์ตลอดเวลา   ด้วยสูตร สำเร็จเคล็ดที่ไม่ลับ หรือคาถาพ้นทุกข์ “โยนิโสมนสิการ ยอม หยุด เย็น   นิ่งในไม่โต้ตอบ” ในขณะที่ตนถูกสัมผัส 3 ระยะ คือ ก่อนสัมผัสขณะสัมผัส หลังสัมผัส ใช้คาถา 4 ย. ท่องไว้ในใจเป็นมนต์ภาวนา ยอมเสียหน้า เสียราคา เสียผลประโยชน์ เสียความรู้สึก เสียโอกาส เสียทรัพย์ เสียเลือด เสียเนื้อ เป็นการหยุดมิให้เกิดกิเลส ตัดกระแสทุกข์ ตนต้องสัมผัสนอกมองใน บริหารใจตน สูตรนี้ใช้ได้ทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง ทุกลมหายใจ ใช้ได้ทุก สถานการณ์   ชำระจิต ล้างจิต ด้วยธรรม เชิญมาประทับไว้ในใจ อาบจิตอาบใจตลอดเวลา
  • กำหนด 3 ข้อในแต่ละวัน “ไม่พูด ไม่โกรธ ไม่เห็นใครผิด” ไม่วิพาก ไม่วิจารณ์ ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ตั้งสัจจะ ไม่โกรธวันละ1ชั่วโมง จะบำเพ็ญหลายชั่วโมงยิ่งดี แล้วก็กล่าวชื่อ  สกุล  ในระหว่างบำเพ็ญ
  • ชั่วโมงสัจจะให้ภาวนามนต์ โลกุตตระว่า “อุตะระ  โสธุตัง  มานะ  เอหิ” ภาวนาเพื่อดับล้างอุปาทาน  และฆ่านิสัยกรรม   เจริญไว้ในใจหรือจะออกเสียง เบาๆก็ได้  เจริญประจำสม่ำเสมอตลอดเวลา  เมื่อหลงลืมก็ให้เจริญใหม่ จนเกิดชินเป็นนิสัย  ผู้ใดชนะความโกรธเหมือนชนะสงครามด้วยตนเอง
  • สะสมชั่วโมงธรรม  ทำธุระธรรม  ทำความดีมากกว่าความชั่ว  ด้วยการทำทาน รักษาศีล 5 เจริญภาวนา  การสวดมนต์  อริยมรรคต้องกำหนดเจริญแบบอัตโนมัติธรรม  ต้องขับเคลื่อนกำลังบ่อยๆ ระบบควบคุมการแสดงออกอย่างมีสติ  เพิ่มบุญกุศลบารมีมากๆ อย่าปล่อยให้ใจตนว่าง  จิตเป็นกุศลเกิดขึ้นก็ได้บุญ  บุญสามารถเดินทางไปได้ทุกภพ ทุกชาติ ด้วย การปฏิบัติตามอริยมรรค มีองค์ 8

1. สัมมาทิฎฐิ          ความเห็นชอบ  เห็นในอริยสัจสี่รู้ทุกข์เหตุ-ความดับ-หนทางพ้นทุกข์

2. สัมมาสังกัปปะ     ความดำริชอบ ในการออกจากกาม ไม่มุ่งร้าย ไม่เบียดเบียนตนเอง-ผู้อื่น

3. สัมมาวาจา      เจรจาชอบ เว้นจาก ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ

4. สัมมากัมมันตะ    การกระทำชอบ ไม่ฆ่าไม่เบียดเบียน ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม

5. สัมมาอาชีวะ        การเลี้ยงชีพชอบ  ละการเลี้ยงชีพที่ผิด ทำอาชีพที่สุจริต ไม่ผิดศีล

6. สัมมาวายามะ   ความเพียรชอบ เพียรละบาปอกุศล เพียรทำกุศลให้เกิดขึ้นให้เจริญขึ้น

7. สัมมาสติ               การระลึกชอบ พิจารณาสติปัฏฐาน4 มีสติ สัมปชัญญะ

8. สัมมาสมาธิ          สมาธิชอบ ความมีจิตตั้งมั่นในฌาน4  มีความวางใจเป็นกลาง

อริยมรรคมีองค์ 8 คือ ทางสายเอก ทางสายด่วน ทางไป นิพพาน 

ขอให้กัลยาณมิตรทุกท่านที่อ่านคาถาพ้นทุกข์นี้นำไปฝึกด้วยตนเอง อย่างมีสติและปัญญา ด้วยความไม่ประมาท  เป็นการสะสมบุญกุศล เป็นการเตรียมจิตของตนเพื่อที่จะนำไปสู่ภพหน้า  ดั่งเช่นปริศนาธรรมที่ว่า  4  คนหาม  3  คนแห่  1   คนนั่งแคร่  2  คนพาไป  หมายถึงมนุษย์ในทางพระพุทธศาสนาเกิดมาประกอบด้วย ธาตุทั้งสี่  ดิน น้ำ ลม ไฟ  พอโตขึ้นมา  ก็มีกิเลส  3  อย่าง   โลภ  โกรธ  หลง  พอแก่แล้วก็ตายไปโดยมี  1  วิญญาณพาไป  ด้วยแรงกรรม  2 อย่าง คือ บุญและบาป  บุญไปสู่ สุคติภูมิ บาปไปสู่อบายภูมิบุคลผู้มีโลภจิต จะไปเกิดเป็นเปรต บุคคลผู้มีโทสะจิต จะไปเกิดเป็นสัตว์นรกและอสุกายบุคคลผู้มีโมหะจิตจะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

บทกลอน  สอนธรรม     โดย   ปรีชา   ภูธะรัตนะจะ

“ สติภูมิ  ปัญญาภูมิ  ปิติในธรรม”

  • ถึงเวลา               ได้วาระ               จะรับรู้

จะเป็นผู้              รู้วินัย                  ใจอรหันต์

ปัญญาเลิศ           เกิดสมาธิ            สติเท่าทัน

จิตตั้งมั่น             ขันติเกิด             ประเสริฐใจ

สร้างบารมี          ที่นิสัย                ได้มรรคผล

ธรรมชั้นตน        ไร้มลทิน            สิ้นสงสัย

ปิติธรรม             นำปัญญา            พาพ้นภัย

สร้างภายใน        ได้นิสัย              ใจนิพพาน

“ อาริยะกลั่นลิขิต  จิตคุณธรรม”

  • ธาตุทั้งสี่              มีให้เห็น             เป็นสังขาร

ให้วิญญาณ          ผ่านลงมา           อยู่อาศัย

แล้วดำเนิน          เจริญชีวิต            ลิขิตไป

สุดแต่ใคร           ได้สร้างบุญ         ตุนกันมา

  • วิญญาณนั้น        ต้องกลั่นจิต         ลิขิตธาตุ

ไม่ประมาท        คอยกวาดล้าง      ห่างตัณหา

จิตคุณธรรม        หนุนนำให้         ใช้กายา

เป็นฐานพา          อาศัยร่าง            สร้างมรรคตน

คำสำคัญ :
กลุ่มบทความ :
หมวดหมู่ :
แชร์ :
https://erp.mju.ac.th/acticleDetail.aspx?qid=252
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)
ไม่มีข้อมูลตามเงื่อนไขที่ท่านกำหนด
รายการบทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หมวดหมู่ : ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา
เก็บมาคิด...เก็บมาเขียน » พักกาย-พักใจ ให้สงบ...เติมพลังให้ชีวิต
การดำเนินชีวิตในยุคศตวรราที่ 21 ต้องมีสติรู้เท่าทันสังคม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป การทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยทำให้คนเรามีสติรู้เท่าทันพร้อมทั้งมีจิตใจที่เข้มแข็...
เข้าพรรษา  คณะผลิตกรรมการเกษตร  ปาณิศา คงสมจิตต์  มหาวิทยาลัยแม่โจ้  ศตวรรษที่ 21  ห้องสมุด     บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป   ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา
ผู้เขียน ปาณิศา วงค์ใส  วันที่เขียน 11/8/2559 16:25:41  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/11/2567 16:03:48   เปิดอ่าน 4423  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง
เรื่องนี้ต้องแบ่งปัน » ภูมิปัญญาบรรพบุรุษจากกลองหลวงล้านนาไทย
บทความเรื่อง"ภูมิปัญญาบรรพบุรุษจากกลองหลวงล้านนาไทย"มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมส่งเสริมในด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของคณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยบทความนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารแม่โจ้ปร...
กลองหลวงล้านนา  ภูมิปัญญา  มหาวิทยาลัยแม่โจ้  ศิลปวัฒนธรรม  ห้องสมุดคณะผลิตกรรมการเกษตร     บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป   ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา
ผู้เขียน ปาณิศา วงค์ใส  วันที่เขียน 7/9/2558 15:37:43  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/11/2567 15:58:38   เปิดอ่าน 4482  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง
เรื่องนี้ต้องแบ่งปัน » ชีวิตยังงดงาม...ด้วยเส้นทางแห่งแรงบุญ
"ชีวิตยังงดงาม...ด้วยเส้นทางแห่งแรงบุญ" เป็นการเล่าเรื่องประกอบภาพที่ผู้เขียนได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปพร้อมกับบุคลากรของคณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เนื่องในกิจกรรมถวายเทียนพรรษา ประจำปี 255...
คณะผลิตกรรมการเกษตร  ถวายเทียนพรรษา  วัดพระเจ้าหลวง(ม่อนพระเจ้าหลาย)  ห้องสมุด     บทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั่วไป   ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา
ผู้เขียน ปาณิศา วงค์ใส  วันที่เขียน 30/7/2558 15:05:27  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 21/11/2567 18:21:34   เปิดอ่าน 4597  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง