โครงการวิจัย กระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาให้เกิดช่องทางการตลาดอิเล็กทรอนิคส์ วิสาหกิจ
ชุมชน อาเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action
Research/PAR) มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา คือ ศึกษาถึงบริบทการดาเนินงานและค้นหาศักยภาพ
ทางการตลาดของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อนาไปสู่พัฒนากระบวนเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและขับเคลื่อนให้
เกิดช่องทางการตลาดอิเล็คทรอนิคส์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และศึกษาถึงสภาพปัญหาอุปสรรคและ
ปัจจัยหนุนเสริม เสนอแนะแนวทางการพัฒนาช่องทางการตลาดอิเล็คทรอนิคส์ของวิสาหกิจชุมชน
อาเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ โดยกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลักหลัก คือ ตัวแทนคณะกรรมการและสมาชิกกลุ่ม
วิสาหกิจชุมชน อาเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ จานวนทั้งสิ้น 76 กลุ่ม รวมทั้งสิ้น 228 คน ผลจาก
การศึกษาบริบทการดาเนินงานและค้นหาศักยภาพทางการตลาดของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน พบว่า ช่อง
ทางการจัดจาหน่ายสินค้า จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม ไม่มีร้านค้าเป็นของตนเอง
คิดเป็นร้อยละ 84.21 และมีร้านค้าเป็นของตนเอง คิดเป็นร้อยละ 15.79 ตามลาดับ การขายผลิตภัณฑ์
ในงานแสดงสินค้า คิดเป็นร้อยละ 55.26 และไม่ไปงานแสดงสินค้า คิดเป็นร้อยละ 44.74 การจัดขาย
สินค้าในตลาดชุมชนคิดเป็นร้อยละ 69.74 และไม่ไปขายคิดเป็นร้อยละ 30.26 ไม่ได้ขายสินค้าทางมือถือ
คิดเป็นร้อยละ 92.11 และขายสินค้าทางมือถือ คิดเป็นร้อยละ 7.9 การขายผลิตภัณฑ์โดยไม่มีเว็บไซด์
เป็นของตนเอง คิดเป็นร้อยละ 98.68 และมีเว็บไซด์ขายของ คิดเป็นร้อยละ 1.31 ส่งฝากขาย คิดเป็น
ร้อยละ 81.58 และไม่ส่งฝากขาย คิดเป็นร้อยละ 18.42
ในด้านการพัฒนากระบวนเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและขับเคลื่อนให้เกิดช่องทางการตลาด
อิเล็คทรอนิคส์ จานวนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมกิจกรรมโครงการมีจานวนทั้งสิ้น 21 กลุ่ม มีบทบาท
สาคัญในการจัดเก็บ การให้ข้อมูลพื้นฐาน การถ่ายรูป เพื่อนาไปสู่การทาข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มและ
ผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม รวมถึงร่วมเรียนรู้เป็นคู่ขนานในแต่ขั้นตอนการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดช่องทาง
การตลาดอิเล็คทรอนิคส์ของกลุ่มอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนจานวน 21 กลุ่ม
มีช่องทางการตลาดอิเล็คทรอนิคส์ เกิดขึ้นกับกลุ่มของตน และสามารถที่จะเผยแพร่ข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์
ของกลุ่มไปยังผู้บริโภคได้ สภาพปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดช่องทางการตลาด
อิเล็คทรอนิคส์ พบว่าการจัดเก็บข้อมูล ยังขาดประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของภูมิปัญญาและอัตลักษณ์
ของผลิตภัณฑ์สินค้าในพื้นที่ ตัวแทนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมอบรม มีการสับเปลี่ยนและ
หมุนเวียนกันมาอบรม ทาให้การอบรมและการได้รับความรู้ไม่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และการทาตลาด
ช่องทางอิเล็คทรอนิคส์ต้องวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายต้องทาด้วยความรอบคอบและทาบนฐานข้อมูลของ
ลูกค้า เท่าที่จะทาได้ เพื่อจะได้ส่งสารต่างๆให้กลุ่มเป้าหมาย จะได้ส่งตรงตามกลุ่มเป้าหมายของจริงๆ
สาหรับปัจจัยหนุนเสริมที่จะช่วยให้การจัดทาช่องทางการตลาดอิเล็คทรอนิคส์ คือ การหาหน่วยงานหรือองค์กรในพื้นที่มาทาหน้าที่ในการดูแลเว็บไซด์ และทาหน้าที่ในการพัฒนาข้อมูลและเป็นผู้ดูแลระบบ
และหนุนเสริมให้เกิดการพัฒนาบุคคลากรที่เป็นตัวแทนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้เข้ามามีบทบาทในการ
ทาหน้าที่ดูและระบบและช่องทางการจาหน่ายอิเล็คทรอนิคส์ด้วยกลุ่มเอง ควรมีการหนุนเสริมสร้าง
ทัศนคติที่ดีให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในการการเพิ่มช่องทางการตลาดอิเล็คทรอนิคส์ เป็นอีกช่องทาง
หนึ่งที่จะช่วยให้เกิดการเข้าถึงผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้ ควรมีการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ
กับช่องทางการตลาดอิเล็คทรอนิคส์ เพื่อให้เกิดการบูรณาการและไม่ซ้าซ้อนกัน