รหัสอ้างอิง :
2221
|
|
ชื่อสมาชิก :
ปานวาด ศิลปวัฒนา
|
เพศ :
หญิง
|
อีเมล์ :
panwad_sw@mju.ac.th
|
ประเภทสมาชิก :
บุคลากรภายใน [สังกัด]
|
ลงทะเบียนเมื่อ :
1/9/2560 11:19:37
|
แก้ไขล่าสุดเมื่อ :
1/9/2560 11:19:37
|
|
รายการบทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งหมดของ Blog : การตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental audit)
การตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental audit)
ความหมายของการตรวจประเมิน: การดำเนินการด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบและเป็นอิสระ เพื่อกำหนดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม และผลที่เกิดขึ้น ว่าเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้หรือไม่โดยผู้ตรวจประเมิน เพื่อที่จะรับรอง และประเมินผลการการดำเนินงานอย่างถูกต้อง และรายงานผลของการตรวจประเมินการดำเนินการด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง
ประเภทของการตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อม: การตรวจประเมินทางสิ่งแวดล้อม แบ่งออกเป็นหลายประเภท ดังต่อไปนี้
- การตรวจประเมินการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Compliance Audit)
- การตรวจประเมินเกี่ยวกับข้อกำหนดที่ถูกกำหนดโดยภาคธุรกิจ (Due Diligence Audit)
- การตรวจประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment Audit)
- การตรวจประเมินสิ่งแวดล้อมเบื้องตน (Environmental Pre-acquisition Audit)
- การตรวจประเมินกระบวนการ (Process Audit)
- การตรวจประเมินการจัดการผลิตภัณฑ์ (Product Stewardship Audit)
- การตรวจประเมินผลิตภัณฑ์ (Product Audit)
- การตรวจประเมินด้านการจัดการของเสีย (Waste Audit)
- การตรวจประเมินด้านการจัดการพลังงาน (Energy Audit)
- การตรวจประเมินผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Performance Statement Audit)
- การตรวจประเมินด้านสิ่งอำนวยความสะดวก (Facility Audit)
- การตรวจประเมินการปนเปื้อนในพื้นที่ (Contaminated Site Audit)
- การตรวจประเมินด้านการจัดการป่าไม้ (Forest Stewardship Audit)
- การตรวจประเมินด้านระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Management System Audit)
ความสำคัญของการตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อม:
- เพื่อเพิ่มโอกาสในการปรับปรุงระบบในองค์กร
- เพื่อสร้างความมั่นในให้กับลูกค้าและผู้ที่เกี่ยวข้อง
- เพื่อตรวจดูระบบบริหารคุณภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมคุณภาพของสินค้า/บริการ และกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- เพื่อให้ผู้บริหารองค์กรได้ทราบว่าระบบตรวจประเมินมีประสิทธิภาพและความเหมาะสมหรือไม่
- เพื่อให้แน่ใจว่าการควบคุมเป็นไปตามระเบียบปฏิบัติ / วิธีการทำงานที่ได้กำหนดไว้ เป็นไปตามข้อกำหนดของตัวสินค้า /บริการ กฎหมาย / ข้อกำหนดอื่นๆ และความพึงพอใจของลูกค้า และมีการพัฒนาปรับปรุงระบบการจัดการอย่างต่อเนื่อง
- เพื่อให้องค์กรจัดทำการตรวจประเมินโดยพิจารณาจากสถานะความสำคัญของกระบวนการต่างๆ และผลลัพธ์ของการตรวจประเมินที่ผ่านมา
ขั้นตอนการตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อม: ขั้นตอนในการตรวจประเมิน สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1. การวางแผนการตรวจประเมิน (Audit planing) ประกอบไปด้วยขั้นตอนย่อยดังต่อไปนี้
1.1 การกำหนดวัตถุประสงค์ของการตรวจประเมิน
1.2 จัดทำตารางหรือแผนการตรวจประเมิน (Audit plan)
1.3 จัดทำกำหนดการตรวจประเมิน (Audit Program) ซึ่งได้แก่
• หน่วยงานหรือบุคคลที่จะถูกตรวจประเมิน
• คณะกรรมการการตรวจหรือผู้ตรวจ
• เรื่องที่จะทำการตรวจประเมิน
• ช่วงเวลา
• ต้องได้รับอนุมัติจากผุ้ที่มีอำนาจ
1.4 จัดคณะทำงาน คัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม ผู้รับผิดชอบกิจกรรมต่างๆ ในการตรวจประเมิน
1.5 แจ้งผู้ดูแลในส่วนที่ต้องถูกตรวจ
1.6 ทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้อง คู่มือ ระเบียบปฏิบัติ วิธีปฏิบัติ เอกสารสนับสนุน และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
1.7 การเตรียมและการจัดทำ checklist มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
• อ่านเอกสารที่จะทากรตรวจประเมินอย่างละเอียด
• ทำความเข้าใจในเรื่องที่จะทำการตรวจประเมิน
• มีความเข้าใจในข้อกำหนดของมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม
• พิจารณาคำถาม 5W 1H (who, what, where, when, why และ how)
1.8 ประชุมตกลงเตรียมการกับสมาชิกผู้ตรวจประเมิน ประสบการณ์ ความสามารถ และความเป็นอิสระ
1.9 กำหนดขอบเขตของการตรวจ ว่าต้องตรวจกิจกรรมใดบ้าง ต้องตรวจทั้งระบบ หรือตรวจเฉพาะส่วนงานหรือพื้นที่
1.10 ตรวจสอบเอกสารที่ใช้ดำเนินระบบว่าเป็นไปตามข้อกำหนดหรือไม่
2. การปฏิบัติการตรวจประเมิน
2.1 การเปิดการประชุม
2.2 การดำเนินการตรวจประเมิน
2.3 ทบทวนหลักฐานที่ตรวจพบ
การรายงานผลการตรวจประเมิน: ข้อมูลที่สามารถวัดเป็นรูปธรรม ในเชิงปริมาณและคุณภาพ เป็นหลักฐานจากการตรวจประเมิน เช่น บันทึก รายงานข้อเท็จจริง ที่เกี่ยวช้องกับกิจกรรมการดำเนินงานต่างๆ ที่มีการปฏิบัติตามข้อกำหนดของระบบการจัดการ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสังเกต การวัด การทดสอบ และสามารถตรวจสอบได้ โดยสรุปหลักฐานจะได้จาก
• การสัมภาษณ์
• การตรวจสังเกตการณ์ปฏิบัติงาน ณ ส่วนที่มีการปฏิบัติงาน
• การตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น บันทึกต่างๆ รายงาน ฯลฯ
• บันทึกสี่งที่ตรวจพบระหว่างการตรวจประเมิน ทำให้ทราบถึงผลการตรวจประเมิน ว่ามีการปฏิบัติที่เป็นไปตามข้อกำหนดหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนด จะมีการกำหนดระดับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับดังนี้ คือ
- Major จัดเป็นระดับความบกพร่องที่รุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดการในการควบคุมปัญหา และต้องดำเนอนการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เช่น การไม่ดำเนินการตามกฎหมาย เป็นต้น
- Minor เป็นระดับความบกพร่องที่เล็กน้อย ยังไม่ส่งผลกระทบต่อความล้มเหลวของระบบฯ
- Observation เป็นข้อที่ควรปรับปรุง ไม่ใช่ความผิด แต่อาจส่งผลเป็นข้อบกพร่องในอนาคตได้
- Recommendation เป็นข้อแนะนำในการพัฒนาในอนาคต
2.4 การปิดประชุม: ต้องมีการพูดคุยด้วยวาจา และผู้รับผิดชอบในแต่ละกิจกรรมต้องรอบรับใบ CAR เพื่อเสนอข้อที่จะแก้ไขและป้องกัน รวมถึงวันที่คาดว่าจะแก้ไขเสร็จ
3 การติดตามผล การแก้ไข และการปิดประเด็นข้อบกพร่อง: เป็นหน้าที่ของผู้ตรวจประเมินที่จะต้องตรวจความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ในบางกรณีอาจมีการออกใบ CAR ซ้ำ ไม่สามารถปฏิบัติงานตามเงื่อนไขที่กำหนดได้
4 การายงานผลการตรวจประเมิน (Audit Report) จะต้องมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
4.1 ขอบเขต วันที่ และเวลาของการตรวจประเมิน
4.2 รายชื่อบุคคลทีทำการตรวจปร
URL สำหรับอ้างอิงถึงหน้านี้