การเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการด้วยตำราและหนังสือ
วันที่เขียน 25/12/2567 16:11:17     แก้ไขล่าสุดเมื่อ 28/1/2568 12:55:07
เปิดอ่าน: 51 ครั้ง

การเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการด้วยตำราหรือหนังสือมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบุคลากรสายวิชาการในสถาบันอุดมศึกษาที่ต้องการพัฒนาศักยภาพด้านวิชาการและผลงานเขียนเชิงวิชาการ การอบรมเชิงปฏิบัติการนี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้เกี่ยวกับเกณฑ์และกระบวนการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการตามระเบียบ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการจัดทำตำราหรือหนังสือ ซึ่งต้องแสดงถึงความเชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง มีการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้ทรงคุณวุฒิ และสอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล เนื้อหาในการอบรมครอบคลุมถึงการตั้งชื่อเรื่องและการจัดทำเค้าโครงตำราและหนังสือ การใช้ภาษาเขียนในเชิงวิชาการ การวิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ความรู้ รวมถึงข้อควรระวังในการหลีกเลี่ยงการคัดลอกผลงานของผู้อื่น (Plagiarism) ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้วิธีการผลิตผลงานวิชาการที่มีเอกลักษณ์และคุณภาพ ซึ่งไม่เพียงช่วยในการขอกำหนดตำแหน่งวิชาการ แต่ยังเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในศาสตร์ที่ศึกษาและยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา การอบรมนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการพัฒนาทั้งในด้านวิชาการและการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าในวงการศึกษา

เนื้อหาการอบรมเชิงปฏิบัติการวันที่หนึ่ง
การอบรมเชิงปฏิบัติการในวันแรกแบ่งออกเป็น ๒ หัวข้อหลัก ดังนี้

หัวข้อที่ 1: ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการด้วยตำราและหนังสือ

ดำเนินการโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ชุติมา สัจจานันท์ วิทยากรได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ เกณฑ์การขอกำหนดตำแหน่งวิชาการตามระเบียบ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเน้นถึงเกณฑ์สำคัญสำหรับการขอกำหนดตำแหน่งด้วยตำราหรือหนังสือ ซึ่งมีข้อสรุปดังนี้:

  1. ตำรา ต้องเป็นผลงานที่มีลักษณะเป็นเอกสารหลักสำหรับการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา โดยมีเนื้อหาที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง และเขียนให้มีคุณค่าทางวิชาการที่ชัดเจน
  2. หนังสือ ต้องเป็นผลงานที่มีเนื้อหาเชิงวิชาการในเชิงลึก ซึ่งสะท้อนถึงพัฒนาความรู้ใหม่หรือความรู้ในสาขาเฉพาะทาง

เกณฑ์เพิ่มเติม:

  • ผลงานทั้งสองประเภทต้องผ่านกระบวนการ ตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) อย่างน้อย ๓ ท่าน
  • ผู้ทรงคุณวุฒิที่ประเมินหนังสือหรือตำราจะเป็นผู้ประเมินตำแหน่งวิชาการไม่ได้
  • ผลงานต้องเขียนโดยผู้ขอในฐานะชื่อแรก ประกอบด้วยเนื้อหาอย่างน้อย ๕ บท และไม่น้อยกว่า ๘๐ หน้า
  • สามารถเผยแพร่ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-book ได้
  • หากหนังสือหรือตำราไม่ผ่านเกณฑ์ที่ ก.พ.อ. กำหนด สามารถปรับปรุงแก้ไขหรือเพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อนำเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการใหม่ได้ แต่ต้องผ่านการประเมินคุณภาพใหม่อีกครั้ง

ข้อควรระวังสำคัญ:

  • หลีกเลี่ยง การคัดลอกผลงานของผู้อื่น (Plagiarism) ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรง หากเป็นการรวบรวมเนื้อหาเดิม ต้องระบุแหล่งที่มาชัดเจนและแสดงความคิดริเริ่มในการเรียบเรียงใหม่

เกณฑ์คุณภาพของหนังสือและตำราที่ผ่านการพิจารณาแบ่งตามระดับตำแหน่งทางวิชาการ ดังนี้:

  1. ระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์และรองศาสตราจารย์ (เกณฑ์ B):

    • ตำรา: มีเนื้อหาสาระที่ถูกต้อง สมบูรณ์ ทันสมัย พร้อมแนวคิดและการนำเสนอที่ชัดเจน และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา
    • หนังสือ: มีเนื้อหาสาระที่ถูกต้อง สมบูรณ์ ทันสมัย พร้อมแนวคิดและการนำเสนอที่ชัดเจน และเป็นประโยชน์ต่อวงวิชาการ
  2. ระดับศาสตราจารย์ (เกณฑ์ A):
    ใช้เกณฑ์พื้นฐานเดียวกับระดับ B แต่ต้องเพิ่มเติมคุณสมบัติดังนี้:

    • ตำราและหนังสือ:
      1. มีการวิเคราะห์และเสนอความรู้หรือวิธีการที่ทันสมัยต่อความก้าวหน้าทางวิชาการ และเป็นประโยชน์ต่อวงวิชาการ
      2. มีการสอดแทรกความคิดริเริ่ม ประสบการณ์ หรือผลงานวิจัยของผู้เขียนที่แสดงถึงความรู้ที่มีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนหรือวงวิชาการ
      3. สามารถนำไปใช้อ้างอิงอย่างกว้างขวางในวงวิชาการระดับชาติหรือระดับนานาชาติ พร้อมแสดงความละเอียดและความลุ่มลึกทางวิชาการในระดับสูง

หัวข้อที่ 2: การตั้งชื่อเรื่องและการจัดทำเค้าโครงตำราและหนังสือ

ดำเนินการโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ชุติมา สัจจานันท์, ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สิริวรรณ ศรีพหล และศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.บุญทิพย์ สิริธรังศรี

เนื้อหาสำคัญประกอบด้วย:

  • การตั้งชื่อเรื่อง

    • ชื่อเรื่องควรมีความชัดเจนและไม่ซ้ำกับผลงานที่มีผู้อื่นเรียบเรียงไว้ก่อนหน้า เพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์และความแตกต่างของเนื้อหา
    • ควรใช้ภาษาเชิงวิชาการที่เหมาะสมกับผลงาน เช่น หลีกเลี่ยงคำที่ไม่เป็นทางการหรือคำสแลง เช่นคำว่า “ปัง”
  • การจัดทำเค้าโครงตำรา

    • หากเป็น ตำรา ควรคำนึงถึงความเชื่อมโยงกับ YLO (Year Learning Outcomes), CLO (Course Learning Outcomes) และ PLO (Program Learning Outcomes) เพื่อให้เนื้อหาในตำราสอดคล้องกับเป้าหมายการเรียนรู้ในระดับรายวิชาและหลักสูตร
    • ตำราสามารถออกแบบให้ครอบคลุมทั้งรายวิชาหรือเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของรายวิชาก็ได้
  • โครงสร้างที่ครบถ้วน

    • ทั้งตำราและหนังสือควรมีดัชนีค้นคำ (Index) เพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถค้นหาเนื้อหาได้ง่ายและสะดวก
    • เนื้อหาควรมีการนำเสนอที่ชัดเจนและมีลำดับขั้นตอนที่เหมาะสม

หัวข้อที่ 3: เทคนิคการใช้ภาษาเขียน การวิเคราะห์ สังเคราะห์องค์ความรู้ และสอดแทรกงานวิจัยในตำราและหนังสือ

ในกิจกรรมนี้ วิทยากรได้แบ่งผู้เข้าร่วมเป็นกลุ่มตามสาขาวิชา โดยในกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมาชิกต้องนำเสนอชื่อเรื่องตำราหรือหนังสือพร้อมเค้าโครงเนื้อหา เพื่อรับข้อเสนอแนะและแนวทางปรับปรุง 

หัวข้อที่ 4: องค์ประกอบของตำรา และเกณฑ์ประเมินตำราและหนังสือ

เนื้อหาสำคัญประกอบด้วย:

  • การวางโครงสร้างตำราหรือหนังสือที่ครบถ้วน เช่น บทนำ, เนื้อหา, สรุป, และรายการอ้างอิง
  • การเตรียมผลงานให้สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินคุณภาพ

หัวข้อที่ 5: เกร็ดน่ารู้ในการประเมินผลงาน จากประสบการณ์ของผู้ประเมินตำราและหนังสือ

วิทยากรได้แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการประเมินผลงานตำราหรือหนังสือ พร้อมแนวทางในการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

ประเด็นสำคัญเพิ่มเติม:

  1. การใช้ภาษาเขียนเชิงวิชาการ: ชื่อเรื่องและเนื้อหาต้องมีความชัดเจนและสอดคล้องกับลักษณะของผลงานในสาขานั้น ๆ
  2. การจัดทำเนื้อหาให้ตรงตามหลักวิชาการ:
    • การวิเคราะห์และสังเคราะห์องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง
    • การแทรกงานวิจัย โดยเฉพาะงานวิจัยของตนเอง เพื่อแสดงความเชี่ยวชาญในศาสตร์ที่ศึกษา

ปัญหาที่พบบ่อยในการอ้างอิงเอกสาร:

  • แหล่งอ้างอิงไม่น่าเชื่อถือ
  • ขอบเขตของการอ้างอิงจำกัดอยู่เฉพาะภาษาไทย สถาบันใดสถาบันหนึ่ง หรือผู้เขียนคนใดคนหนึ่ง
  • แหล่งอ้างอิงล้าสมัย
  • การอ้างอิงมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
  • อ้างอิงไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามรูปแบบ
  • ไม่มีความสม่ำเสมอในการอ้างอิง
  • การไม่อ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล แนวคิด หรือผลงาน

ข้อแนะนำในการอ้างอิง

  • ประเมินแหล่งอ้างอิง: ควรตรวจสอบว่าแหล่งที่มามีความน่าเชื่อถือและมีคุณภาพ
  • อ้างอิงตามความเป็นจริง: การอ้างอิงต้องสอดคล้องกับข้อมูลหรือแนวคิดที่ใช้
  • อ้างอิงตามความจำเป็นและสมควร: อ้างอิงในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
  • อ้างอิงให้ครบถ้วน: ควรระบุแหล่งที่มาของข้อความ แนวคิด รูปภาพ หรือผลงานของผู้อื่นอย่างชัดเจน
  • อ้างอิงในตำแหน่งที่เหมาะสม: ระบุแหล่งอ้างอิงในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องและชัดเจน

การอ้างอิงที่มีคุณภาพและเหมาะสมไม่เพียงช่วยให้ตำราหรือหนังสือมีความน่าเชื่อถือและผ่านการประเมิน แต่ยังช่วยส่งเสริมความโปร่งใสและจริยธรรมทางวิชาการในงานเขียน

สรุป
การอบรมเชิงปฏิบัติการทั้งสองวันมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความเข้าใจใน หลักการจัดทำตำราและหนังสือที่มีคุณภาพ ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถผลิตผลงานวิชาการที่มีมาตรฐาน ตรงตามเกณฑ์การขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ และสะท้อนความเชี่ยวชาญในสาขาของตนได้อย่างเหมาะสม.

 

คำสำคัญ :
กลุ่มบทความ :
หมวดหมู่ :
แชร์ :
https://erp.mju.ac.th/acticleDetail.aspx?qid=1543
ความคิดเห็นทั้งหมด (0)
ไม่มีข้อมูลตามเงื่อนไขที่ท่านกำหนด
รายการบทความการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หมวดหมู่ : กลุ่มงานสายวิชาการ
งานวิจัยปวีณา » การพัฒนาตนเองจากการเข้าร่วมอบรมโครงการ Train the Trainer ด้านการจัดการของเสียอันตรายจากห้องปฏิบัติการ สำหรับมหาวิทยาลัยเครือข่ายห้องปฏิบัติการปลอดภัย ภาคเหนือ
บุคลากรที่ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ วิจัย และบริการ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีและสารอันตราย จำเป็นต้อง ทราบถึง การจัดการของเสียสารเคมีและของเสียอันตรายในห้องปฏิบัติการอย่างเป็นระบบ เพื่...
  กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร   กลุ่มงานสายวิชาการ
ผู้เขียน ปวีณา ภูมิสุทธาผล  วันที่เขียน 14/1/2568 10:36:56  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 28/1/2568 10:50:56   เปิดอ่าน 36  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง
การเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ » การเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการด้วยตำราและหนังสือ
การเขียนหนังสือหรือตำรา จะเป็นส่วนประกอบของเกณฑ์ทางเลือกที่นำเสนอร่วมกับผลงานวิจัยควบคู่กันไป แทนที่จะใช้ผลงานวิจัยเพียงอย่างเดียวที่มีเกณฑ์ในการพิจารณาคุณภาพที่สูงมาก สำหรับการเสนอขอกำหนดตำแหน่งทา...
ตำรา หนังสือ ตำแหน่งวิชาการ     กลุ่มงานตามสมรรถนะบุคลากร   กลุ่มงานสายวิชาการ
ผู้เขียน ลัคนา วัฒนะชีวะกุล  วันที่เขียน 20/12/2567 11:38:09  แก้ไขล่าสุดเมื่อ 27/1/2568 4:27:24   เปิดอ่าน 164  ครั้ง | แสดงความคิดเห็น 0  ครั้ง