การจัดการของเสียสารเคมีและของเสียอันตราย
ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้
1.การจัดแยกประเภท
2.การจัดเก็บของเสีย
3.การบันทึกปริมาณของเสีย
4.การรายงานปริมาณของเสีย
5.การเก็บรวบรวมของเสียก่อนนำไปกำจัด
กลุ่มของเสียอันตรายประเภทของแข็ง 5 ชนิด ได้แก่
- ขวดสารเคมีที่ใช้หมดแล้ว (ขวดเปล่า)
- เครื่องแก้วแตก ชำรุด หรือขวดสารเคมีแตก
- สารเคมีหมดอายุ เสื่อมสภาพ เป็นอันตราย ต่อสุขภาพ
- ขยะปนเปื้อนเชื้อโรค (และเชื้อตัดแต่งพันธุกรรม)
- ขยะปนเปื้อนสารเคมี
กลุ่มของเสียอันตรายพิเศษ 6 ชนิด ได้แก่
1.วัสดุกัมมันตรังสี
2.เชื้อโรค (และเชื้อตัดแต่งพันธุกรรม)
3.ของเสียจากโรงงานต้นแบบ
4.ปนเปื้อน EtBr
5.ยาเสื่อมสภาพ
6.ยาอันตรายสูง
แผนผังการจัดแยกของเสียสารเคมีและของเสียอันตราย
แผนผังการจัดแยกของเสียสารเคมีและของเสียอันตราย ได้แก่ ของเสียอันตรายชนิดของแข็ง 5 ประเภท ของเสียอันตรายพิเศษ 6 ประเภท ดำเนินการจัดแยกจัดเก็บของเสียโดยใช้แผนผัง และเกณฑ์ข้อกำหนดในการจัดแยกประเภทของเสียสารเคมีและของเสียอันตรายที่ชัดเจน ตามขอบข่ายของประเภทของเสียสารเคมีและของเสียอันตรายในห้องปฏิบัติการที่ได้จัดแยกไว้ ส่วนของเสียอันตรายชนิดของเหลว 18 ประเภท มีความซับซ้อนเนื่องจากของเสียอาจเป็นสารเชิงซ้อนและของผสม ซึ่งต้องมีการจัดการที่เป็นขั้นตอน จัดแยกตามแผนผังการจัดแยกของเสียสารเคมีและของเสียอันตราย โดยเรียงตามลำดับขั้นของอันตราย ต้องยึดหลักตามแผนผังการจัดแยกของเสียสารเคมีและของเสียอันตรายอย่างเคร่งครัด
หลักปฏิบัติในการจัดแยกและจัดเก็บของเสียสารเคมีและของเสียอันตราย
โดยใช้แผนผังและเกณฑ์ข้อกำหนดการจัดแยกประเภทของเสีย ได้แก่ บันทึกชนิด,ปริมาณ,ความเข้มข้นสารเคมี พิจารณากลุ่มสารเคมีตามแผนผังการจัดแยกประเภท
ขั้นตอนที่ 1 การพิจารณากลุ่มสารไวไฟและระเบิดได้ ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก รหัส L12, L13, L18, L19 และ L20 เรียงลำดับขั้นของอันตราย (มากไปหาน้อย)
ขั้นตอนที่ 2 การพิจารณากลุ่มโลหะหนักและสารพิษ รหัส L04, L05, L07, L08, L10 และ L11 เรียงลำดับขั้นของอันตราย (มากไปหาน้อย) คำนวณความเข้มข้นของสารเคมีที่ใช้และความเข้มข้นของสารประกอบที่เป็นของเสียจากการวิเคราะห์ทดสอบ (แบบฟอร์ม HW01) เปรียบเทียบความเข้มข้นของโลหะหนักและสารพิษ ตามมาตรฐานน้ำทิ้งอุตสาหกรรม
ขั้นตอนที่ 3 การพิจารณากลุ่มสารประกอบเชิงซ้อนอนินทรีย์/อินทรีย์ รหัส L14, L15, L16 และ L17 เรียงลำดับขั้นของอันตราย (มากไปหาน้อย)
ขั้นตอนที่ 4 การพิจารณากลุ่มสารที่เป็นกรด ด่าง และเกลือ รหัส L01, L02 และ L03 เรียงลำดับขั้นของอันตราย (มากไปหาน้อย)
การจัดเก็บของเสียอันตรายต้องคำนึงถึง
1.ภาชนะบรรจุของเสีย
2.ฉลากของเสีย
3.สถานที่จัดเก็บของเสีย
ภาชนะและอุปกรณ์ในการจัดเก็บของเสีย (ถังเก็บของเสียชนิดของเหลว)
ทำจากวัสดุ Polyethylene (PE) ทนต่อการกัดกร่อน มีช่องบรรจุขนาดใหญ่ มีฝาปิด มีที่หิ้ว ขนาดบรรจุ 30 ลิตร (สามารถบรรจุของเสียอันตรายที่เป็นของเหลวไม่เกิน 21 ลิตร 70%ของปริมาตรถัง)
ภาชนะและอุปกรณ์ในการจัดเก็บของเสีย (ถังเก็บของเสียชนิดของแข็ง)
ทำจากวัสดุ Polyethylene (PE) ทนต่อการกัดกร่อน มีช่องบรรจุขนาดใหญ่ มีฝาเปิด และฝาปิดที่สามารถล็อคปิดถังได้ มีที่หิ้ว ขนาดบรรจุ 100 ลิตร (สามารถบรรจุของเสียอันตรายที่เป็นของแข็งไม่เกิน 70%ของปริมาตรถัง) และควรมีถุงพลาสติกรองด้านในถัง
ภาชนะและอุปกรณ์ในการจัดเก็บของเสียถาดรอง (ถังเก็บของเสีย)
ทำจากวัสดุ Polypropylene (PP) สามารถรองรับถังเก็บของเสียขนาด 30 ลิตร สามารถรองรับการรั่วไหลของของเสียได้ไม่น้อยกว่า 60%
ฉลากของเสียสารเคมีและของเสียอันตราย
การติดฉลาก เพื่อให้ทราบว่าสิ่งที่บรรจุอยู่นั้นเป็นของเสียประเภทใด และมีส่วนประกอบอะไร จำนวนเท่าไหร่
ส่วนประกอบของฉลาก
วันที่เริ่มบรรจุ วันที่สิ้นสุดการบรรจุ ชื่อหน่วยงานที่ผลิตของเสีย ประเภทของเสีย ส่วนประกอบและปริมาณของเสีย การทำฉลากควรทำ 2 ใบ เพื่อติดด้านบนภาชนะบรรจุของเสีย และติดด้านข้างภาชนะบรรจุของเสีย
สถานที่จัดเก็บของเสียสารเคมีและของเสียอันตราย
สถานที่จัดเก็บแยกเป็น 3 ส่วน คือ สถานที่จัดเก็บของเสียภายในห้องปฏิบัติการ สถานที่จัดเก็บของเสียภายในอาคารและสถานที่จัดเก็บรวบรวมของเสียส่วนกลาง และต้องมีป้ายบ่งบอกสถานที่เก็บของเสียอย่างชัดเจน
1.ลักษณะสถานที่จัดเก็บของเสียภายในห้องปฏิบัติการ
แยกออกจากส่วนปฏิบัติการ ไม่โดนแดดไม่ร้อน อากาศถ่ายเทได้สะดวก แยกของเสียที่อยู่รวมกับของเสียชนิดอื่นไม่ได้ (Incompatibility) ไม่วางของเสียใกล้แหล่งจุดติดไฟ เก็บของเสียไม่เกิน 200 ลิตรหากเป็นสารไวไฟต้องไม่เกิน 38 ลิตร ควรกำหนดระยะเวลาการเก็บในห้องปฏิบัติการ ควรย้ายไปเก็บที่สถานที่เก็บประจำอาคารทุกเดือน
2.ลักษณะสถานที่จัดเก็บของเสียประจำอาคาร
อยู่ชั้นล่างสุดของอาคาร ไม่โดนแดดไม่ร้อน อากาศถ่ายเทได้สะดวก แยกของเสียที่อยู่รวมกับของเสียชนิดอื่นไม่ได้ (Incompatibility) ไม่วางของเสียใกล้แหล่งจุดติดไฟ เก็บของเสียไม่เกิน 3 เดือนให้ย้ายไปสถนที่เก็บส่วนกลาง
3.ลักษณะสถานที่จัดเก็บของเสียส่วนกลางของหน่วยงาน
โรงเรือนหรือพื้นที่บริเวณกว้าง ไม่โดนแดดไม่ร้อน อากาศถ่ายเทได้สะดวก แยกของเสียที่อยู่รวมกับของเสียชนิดอื่นไม่ได้ (Incompatibility) ไม่วางของเสียใกล้แหล่งจุดติดไฟ ห้องจัดเก็บมีประตูปิดมิดชิด ส่งกำจัดของเสียที่โรงบำบัดของเสีย บริษัทที่ได้รับใบอนุญาต
ขั้นตอนการจัดเก็บของเสียในห้องปฏิบัติการ
1.สวมใส่ PPE (ถุงมือ แว่นตา เสื้อกาวน์)
2.บรรจุของเสียลงในภาชนะตวงเพื่อวัดปริมาณ
3.บันทึกปริมาณของเสียลงในแบบฟอร์มHZW02, 03, 04
4.บรรจุของเสียลงในภาชนะใส่ของเสียไม่เกิน 80%
5.ย้ายถังเก็บของเสียไปเก็บไว้ ณ จุดวางของเสียในห้องปฏิบัติการ