การแยกเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคในข้าว และแบคทีเรียเอนโดไฟท์ของข้าวจากนาอินทรีย์ และนาเคมีในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรคข้าวอินทรีย์ด้วยชีววิธี

รหัสอ้างอิงมหาวิทยาลัย : มจ.1-63-02-006.7
รหัสอ้างอิง วช. : -- ไม่ระบุ --
สถานะการดำเนินการ : ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว
วันที่ดำเนินการ : 30 เมษายน 2563 ถึง 1 ตุลาคม 2563
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป
ข้อมูลทั่วไป ภาษาไทย :
หัวข้อ : การแยกเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคในข้าว และแบคทีเรียเอนโดไฟท์ของข้าวจากนาอินทรีย์ และนาเคมีในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรคข้าวอินทรีย์ด้วยชีววิธี
บทคัดย่อ :

โรคขอบใบแห้ง และโรคไหม้ในข้าวที่เกิดจากเชื้อ Xanthomonas oryzae pv. oryzae และ Pyricularia oryzae เป็นปัญหาสำคัญสำหรับการผลิตข้าวในประเทศไทย การควบคุมทางเคมีมีประสิทธิภาพน้อยลง แบคทีเรียเอนโดไฟท์เป็นแบคทีเรียที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโฮสต์โดยไม่ก่อให้เกิดอาการที่ทำให้เกิดโรค ดังนั้นการศึกษานี้จึงมุ่งเน้นไปที่การควบคุมทางชีวภาพของเชื้อโรคในข้าวและการเพิ่มประสิทธิภาพการเจริญเติบโตของพืชโดยแบคทีเรียเอนโดไฟท์จากข้าว ในงานวิจัยนี้เชื้อโรคในข้าวทั้งสองรวบรวมจากพื้นที่ต่างๆในภาคเหนือของประเทศไทยโดยเฉพาะเชียงใหม่เชียงรายลำพูนลำปางแพรน่านพะเยาและแม่ฮ่องสอน โดยได้ Xanthomonas oryzae pv. oryzae (Xoo) จำนวน 8 สายพันธุ์ จากพื้นที่เชียงใหม่และพะเยา และแยกเชื้อราโรคไหม้ ได้ 19 ไอโซเลต ที่อยู่ในจีนัส Pyricularia จากการทดสอบความสามารถในการก่อโรคในข้าว พบว่า Xoo และ Pyricularia มีความรุนแรงอยู่ที่ 5 และ 2 ตามลำดับ แยกแบคทีเรียเอนโดไฟท์ได้จากลำต้นข้าวและเมล็ดข้าวที่แข็งแรงได้ทั้งหมด 471 ไอโซเลต ผลการจำแนกพบว่าแบคทีเรียแกรมลบอยู่ในกลุ่ม Proteobacteria และ Bacteroides และแบคทีเรียแกรมบวกอยู่ในกลุ่ม Firmicutes และ Actinobacteria แบคทีเรียเอนโดไฟต์แกรมลบอยู่ในจีนัส Acinetobacter, Agrobacterium, Burkhoderia, Citrobacter, Enterobacter, Klebsiella, Methylobacterium, Pantoea, Pseudomonas, Serratia, Sphingobacterium, Spingomonas และ Stenotrophomonas ในขณะที่แบคทีเรียแกรมบวกเป็นแบคทีเรียในจีนัส Bacillus Brevibacillus, Curtobacterium Lysinibacillus, Paenibacillus, Streptomyces และ Virgibacillus, แบคทีเรียเหล่านี้ได้รับการทดสอบการยับยั้ง X. oryzae pv. oryzae เบื้องต้นด้วยวิธี spot on lawn ในจำนวนนี้พบว่า 55 ไอโซเลตซึ่งประกอบด้วย Acinetobacter, Bacillus, Citrobacter, Klebsiella และ Pseudomonas มีฤทธิ์ยับยั้ง X. oryzae pv oryzae.

จากนั้นนำน้ำเลี้ยงเชื้อที่ปราศจากเซลล์มาทดสอบฤทธิ์ยับยั้งด้วยเทคนิค agar well diffusion มีเพียงแบคทีเรีย Pseudomonas และ Bacillus จำนวน 14 ไอโซเลต มีฤทธิ์ยับยั้ง โดยเมื่อพิจารณาจากขนาดวงใสเชื้อแบคทีเรียที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือ Bacillus velezensis SK63-R283 ต่อมานำเชื้อแบคทีเรียทั้ง 421 ไอโซเลตนี้มาทดสอบฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรา P. oryzae ด้วยวิธี dual culture ผลการทดลองพบว่ามีเชื้อแบคทีเรีย Bacillus, Paenibacillus, Pseudomonas, Enterobacter และ Klebsiella จำนวน 75 ไอโซเลตที่สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อราได้ โดย Bacillus pumilus SK63-R260 มีเปอร์เซ็นต์การยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราสูงสุดที่ 65.57%

การทดสอบความสามารถในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชของเชื้อแบคทีเรียเอนโดไฟท์ ใช้การตรวจสอบ ความสามารถในการละลายฟอสเฟต การตรึงก๊าซไนโตรเจน และ การผลิต indole acetic acid (IAA) ความสามารถในการละลายฟอสเฟตทดสอบบนอาหารแข็ง National Botanical Research Institute’ phosphate growth medium (NBRIP) พบว่ามี 98 ไอโซเลต ที่สามารถละลายฟอสเฟต โดยสังเกตได้จากการเกิดวงใสรอบโคโลนี ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้อยู่ในจีนัส Acenitobacter, Bacillus, Brevibacillus, Enterobacter, Klebsiella, Paenibacillus และ Pseudomonas เมื่อนำแบคทีเรียเหล่านี้ไปวิเคราะห์กิจกรรมการละลายฟอสเฟต Acinetobacter sp. SK63-R222 มีความสามารถในการละลาย Ca3(PO4)2 สูงสุดได้ 261.66 ?g/ml มีเชื้อแบคทีเรียจำนวน 66 ไอโซเลตในจีนัส Acinetobacter, Bacillus, Lysinibacillus, Paenibacillus และ Staphylococcus ที่สามารถตรึงก๊าซไนโตรเจนเมื่อนำแบคทีเรียทั้งหมดมาทดสอบการผลิตสารประกอบอินโดลโดยใช้สเปกโตรโฟโตมิเตอร์ ผลการวิเคราะห์พบว่ามีเชื้อแบคทีเรียจำนวน 77 ไอโซเลตที่พบการผลิต IAA โดย Klebsiella pneumoniae SK63-R155 ผลิต IAA ได้สูงที่สุด (237 ?g/ml)

ในการศึกษาการควบคุมโรคข้าวด้วยชีววิธี ได้เลือกแบคทีเรีย Bacillus velezensis SK63-R283 สำหรับการทดลอง ศึกษาการควบคุมโรคขอบใบแห้ง และโรคไหม้ในข้าวในระดับกระถาง พบว่า Bacillus velezensis SK63-R283 สามารถลดการเกิดโรคขอบใบแห้ง และโรคไหม้ ได้ 55% และ 25% การศึกษาสูตรอาหารที่เหมาะสมเพื่อผลิตสารต้านเชื้อแบคทีเรียก่อโรคขอบใบแห้ง ได้ทำการศึกษาอาหารเลี้ยงเชื้อแบคทีเรียทางการค้าซึ่งประกอบด้วย nutrient broth, trypticase soy broth และ potato dextrose broth พบว่าเหมาะสมสำหรับการผลิตมวลเซลล์ และสารต้านเชื้อแบคทีเรียโดย Bacillus velezensis SK63-R283 คือ trypticase soy broth

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาสูตรของ Bacillus velezensis SK63-R283 สำหรับควบคุมโรคขอบใบแห้งในข้าว ใช้ไบโอชาร์จากไผ่ และดินขาว เป็นพาหะในการทดลองครั้งนี้ พบว่าสารทั้งสองนี้มีประสิทธิภาพในการรักษาอัตราการรอดชีวิตของแบคทีเรียได้ถึง 9 log CFU / g หลังการเก็บรักษา 2 เดือน จากการทดลองในระดับกระถาง โดยการคลุกเมล็ดข้าว และการฉีดพ่นทางใบมีการลดลงของโรคลง 35% เมื่อเทียบกับชุดควบคุม

ผลการทดลองชี้ให้เห็นว่าแบคทีเรียที่เอนโดไฟท์ของข้าวมีศักยภาพในการควบคุมโรคข้าวโดยชีววิธีอีกทั้งยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช โดยหลังจากนี้จะนำเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้ไปพัฒนาเป็นสูตรอื่นๆ ต่อไป และจะต้องมีการทดสอบความปลอดภัยก่อนนำไปใช้ในนาข้าว

คำสำคัญ : เชื้อโรคข้าว แบคทีเรียเอนโดไฟท์ การควบคุมด้วยชีววิธี
ข้อมูลทั่วไป ภาษาอังกฤษ :
Title :
Abstract :

Rice bacterial leaf blight and rice blast caused by Xanthomonas oryzae pv. oryzae and Pyricularia oryzae are the major problem for rice production in Thailand. Chemical control was shown to be less effective. Endophytic bacteria are bacteria that have intimate relationship with their host without inducing any pathogenic symptom. Therefore, this study was focused on the biocontrol of rice pathogens and plant growth enhancement by endophytic bacteria from rice. These two rice pathogens were collected from various area in northern part of Thailand, particularly Chiangmai, Chiangrai, Lumpoon, Lumpang, Prae, Nan, Payao and Mae Hong Son. Eight strains of Xanthomonas oryzae pv. oryzae were obtained from Chiang mai and Payao area. Nineteen isolates of rice blast fungi, genus Pyricularia, were obtained from 8 provinces. From the rice pathogenicity test, Xoo and Pyricularia were 5 and 2 in severity, respectively.

Total of 471 endophytic bacteria were isolated from healthy rice stem and rice seed. The identification results show that Gram-negative bacteria were belonged to the group of Proteobacteria and Bacteroide and gram-positive bacteria were in the group of Firmicutes and Actinobacteria. Gram-negative endophytic bacteria were belonged to the genera of Acinetobacter, Agrobacterium, Burkhoderia, Citrobacter, Enterobacter, Klebsiella, Methylobacterium, Pantoea, Pseudomonas, Serratia, Sphingobacterium, Spingomonas and Stenotrophomonas, while gram-positive bacteria were in the genera of Bacillus, Brevibacillus, Curtobacterium Lysinibacillus, Paenibacillus, Streptomyces and Virgibacillus,. These bacteria were evaluated in vitro for inhibition of X. oryzae pv. oryzae by spot on lawn. Among these, it was found that fifty-five isolates comprising of Acinetobacter, Bacillus, Citrobacter, Klebsiella and Pseudomonas exhibited the antagonistic activity against X. oryzae pv. oryzae. Cell free supernatant of these antagonist bacteria were then investigated the antibacterial activity by agar well diffusion method. Only fourteen isolates of Pseudomonas and Bacillus expressed the inhibitory effect on X. oryzae pv. oryzae. The highest diameter of inhibition zone was obtained from Bacillus velezensis SK63-R283. These 471 bacteria were also tested against P. oryzae by dual culture assay. Total of 75 isolates comprising of the genera of Bacillus, Paenibacillus, Pseudomonas, Enterobacter and Klebsiella showed the inhibitory effect on fungal growth. Bacillus pumilus SK63-R260 showed the highest percentage of fungal growth inhibition at 65.57 %.

The plant growth enhancement of rice endophytic bacteria were investigated by their activities of phosphate solubilizing, nitrogen fixation and production of indole acetic acid. The phosphate solubilizing activity of bacteria were tested on National Botanical Research Institute’ phosphate growth medium (NBRIP) agar. It was found that 98 isolates showed the ability to solubilize phosphate according to clear zone around bacterial colony. They belonged to the genera of Acenitobacter, Bacillus, Brevibacillus, Enterobacter, Klebsiella, Paenibacillus and Pseudomonas. These bacteria were then carried out phosphate solubilizing activity in liquid medium. Results showed that Acinetobacter sp. SK63-R222 obtained the highest solubilizing ability of Ca3(PO4)2, about 261.66 ?g/ml. According to the growth in nitrogen free medium, sixty-six isolates belonging to Acinetobacter, Bacillus, Lysinibacillus, Paenibacillus and Staphylococcus, were able to fix nitrogen. All bacterial isolates were also screened indolic compound production by spectrophotometer. The result of quantitative analysis of IAA production from 77 bacterial isolates showed that Klebsiella pneumoniae SK63-R155 produced the highest IAA (237 ?g/ml).

In the study of rice disease control by biological methods, Bacillus velezensis SK63-R283 bacteria were selected for the pot experiment. It was found that Bacillus velezensis SK63-R283 could reduce the severity of bacterial leaf blight in rice and rice blast disease by 55% and 25%, respectively.

The optimized media were carried out to produce antibacterial substance against Xoo. Commercial bacterial culture media, comprising of nutrient broth, trypticase soy broth and potato dextrose broth, were investigated. The suitable medium for production cell mass and antibacterial substance by Bacillus velezensis SK63-R283 was trypticase soy broth.

The formulation of Bacillus velezensis SK63-R283 for controlling bacterial leaf blight were also studied. Bamboo biochar and kaolin were used as carriers in this experiment. These two substances were effective to maintain bacterial survival with 9 log CFU/g after 2-month storage. Pot experiments using seed treatment and foliar spray showed the decrease in bacterial leaf bight by 35%.

These results suggested that rice endophytic bacteria can be used for biological control of rice diseases and they can be potential for enhancing the plant growth. The others bioformulation of will be developed in ours research lab and the safety of this endophytic bacterium must be test before using in the rice field

Keyword : rice pathogens, bacterial endophyte, biocontrol
รูปแบบงานวิจัย : -- ไม่ระบุ --
ประเภทงานวิจัย : -- ไม่ระบุ --
สาขางานวิจัย : -- ไม่ระบุ --
กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง : -- ไม่ระบุ --
Road map : Eco
ส่วนที่ 3 ลักษณะโครงการวิจัย
โครงการใหม่
ส่วนที่ 4 ข้อมูลเจ้าของผลงานวิจัย
 รายชื่อนักวิจัยตำแหน่งนักวิจัยสัดส่วน (%)ประเภทนักวิจัย
1 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีกาญจนา คล้ายเรือง
ประเภทบุคคล : บุคลากรภายใน     กลุ่มนักวิจัย : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
หน่วยงานต้นสังกัด : คณะวิทยาศาสตร์
ผู้วิจัยหลัก
(2563)
60 ไม่ระบุ
2 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ แสงทอง
ประเภทบุคคล : บุคลากรภายใน     กลุ่มนักวิจัย : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
หน่วยงานต้นสังกัด : คณะวิทยาศาสตร์
ผู้วิจัยร่วม
(2563)
20 ไม่ระบุ
3 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยะนุช เนียมทรัพย์
ประเภทบุคคล : บุคลากรภายใน     กลุ่มนักวิจัย : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
หน่วยงานต้นสังกัด : คณะวิทยาศาสตร์
ผู้วิจัยร่วม
(2563)
20 ไม่ระบุ
ส่วนที่ 5 แหล่งทุนสนับสนุนงานวิจัย
 ปีงบประมาณ / วันที่รายละเอียดแหล่งทุนจำนวนเงิน (บาท)
1
ปีงบประมาณ : 2563
1/10/2562 ถึง 30/9/2563
ประเภทแหล่งทุน : งบประมาณภายในสถาบัน กองทุนวิจัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้
งบประมาณแผ่นดินแม่โจ้
786,079.00
   รวมจำนวนเงิน : 786,079.00
ส่วนที่ 6 การนำเสนองานวิจัย
ไม่มีข้อมูลการนำเสนองานวิจัย
ส่วนที่ 7 การตีพิมพ์เผยแพร่
ไม่มีข้อมูลการนำเสนองานวิจัย
ส่วนที่ 8 การอ้างอิงงานวิจัย
ไม่มีข้อมูลการอ้างอิงงานวิจัย
ส่วนที่ 9 การนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์
ไม่มีข้อมูลการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์
ที่อยู่การติดต่อ
กองเทคโนโลยีดิจิทัล สำนักงานมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เลขที่ 63 หมู่ 4 ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ 50290
โทรศัพท์สอบถาม
งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัย 0-5387-3000
ระบบสารสนเทศสำหรับนักศึกษา 0-5387-3457
ระบบสารสนเทศสำหรับบุคลากร 0-5387-3285
ERP Maejo University - All Rights Reserved 2023