ในการศึกษาการผลิตเอนไซม์ไคโตซาเนสเพื่อใช้ในการผลิตไคโตโอลิโกแซคคาไรด์ โดยทำการคัดแยก
แบคทีเรียที่ผลิตเอนไซม์ไคโตซาเนสจากถั่วเน่า พบว่ามีแบคทีเรียจำนวน 30 ไอโซเลท โดยมีแบคทีเรียไอโซเลท
TCM 1.2 และ TCR 1.3 ที่ให้กิจกรรมของเอนไซม์ไคโตซาเนสสูงเท่ากับ 0.265 U/ml และ 0.302 U/ml
ตามลำดับ เมื่อศึกษาสภาวะที่เหมาะสมต่อการผลิตเอนไซม์ไคโตซาเนส พบว่าทั้งไอโซเลท TCM 1.2 และ
TCR 1.3 ใช้ไคโตซานเป็นแหล่งคาร์บอนร้อยละ 1.5 w/v สารสกัดจากยีสต์เป็นแหล่งไนโตรเจนร้อยละ 1.0
w/v เลี้ยงในอาหารเหลวที่ความเป็นกรดเบสเท่ากับ 6.0 มีค่ากิจกรรมของเอนไซม์ซึ่งเท่ากับ 1.19 และ 1.27
U/ml ตามลำดับ ในวันที่ 5 ของการเลี้ยง สภาวะที่เหมาะสมต่อการทำงานของเอนไซม์ไคโตซาเนสที่ผลิตได้
จากทั้งสองไอโซเลทสามารถเกิดกิจกรรมได้ดีที่ค่าความเป็นกรดเบสในช่วง 5 - 6 และอุณหภูมิเท่ากับ 50 องศา
เซลเซียส ผลผลิตที่ได้จากการย่อยไคโตซานด้วยเอนไซม์ไคโตซาเนสที่ผลิตได้จากทั้งสองไอโซเลท ให้ผลผลิต
เป็นไคโตโอลิโกแซคคาไรด์หลายชนิด และเมื่อนำแบคทีเรียไอโซเลท TCM 1.2 และ TCR 1.3 มาจัดจำแนกชนิด
ของสายพันธุ์โดยการเปรียบเทียบลำดับเบสของยีน 16S rRNA โดยใช้ไพรเมอร์ 27F (5?-
AGAGTTTGATCMTGGCTCAG-3?) และ 1522R (5?-AAGGAGGTGATCCAGCCGCA-3?) และทำการตั้งชื่อ
แบคทีเรียดังกล่าว คือ Bacillus subtilis TCM 1.2 และ Bacillus tropicus TCR 1.3 ตามลำดับ เอนไซม์
ไคโตซานเนสที่ผลิตได้จากแบคทีเรียทั้งสองไอโซเลทในงานวิจัยครั้งนี้ สามารถนำไปประยุกต์ในการผลิตไคโตโอ
ลิโกแซคคาไรด์จากแหล่งต่าง ๆ ได้