|
ของเสียสารเคมีที่เกิดจากกิจกรรมในห้องปฏิบัติการเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมลพิษ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพนักศึกษา บุคลากรและสิ่งแวดล้อม การจัดการของเสียสารเคมีอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานความปลอดภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการต้องทราบและถือปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยง และป้องกันการรั่วไหลของเสียสู่สิ่งแวดล้อม
1. ระบบจัดการสารเคมี การจัดการของเสียสารเคมีจากห้องปฏิบัติการ มีขั้นตอนดังนี้
การจัดการข้อมูลของเสีย โดยจะต้องมีการจัดการข้อมูลของเสีย การจำแนกประเภทข้อมูลของเสีย การรวบรวมและการจัดเก็บ รวมถึงการบำบัดและการกำจัดของเสีย ดังแผนภาพต่อไปนี้
การรวบรวมการจัดเก็บ มีข้อควรปฏิบัติดังนี้
1. จำแนกของเสียให้ถูกต้องตามเกณฑ์ จัดเก็บในภาชนะบรรจุที่เหมาะสม
2. ตรวจสอบสภาพภาชนะบรรจุอย่างสม่ำเสมอ
3. ภาชนะทุกชนิดที่บรรจุของเสียต้องมีฉลากที่เหมาะสมและแสดงข้อมูลครบถ้วน
4. ข้อความบนฉลากมีความชัดเจน ไม่จาง ไม่เลือน
5. ตรวจสอบสภาพของฉลากบนภาชนะของเสียอย่างสม่ำเสมอ
6. ห้ามบรรจุของเสียเกินกว่า 80% ของความจุภาชนะ หรือปริมาณของเสียต้องอยู่ต่ำกว่าปากภาชนะอย่างน้อย 1 นิ้ว
7. มีการกำหนดพื้นที่/บริเวณจัดเก็บของเสียอย่างชัดเจน
8. จัดเก็บ/จัดวางของเสียที่เข้ากันไม่ได้ โดยอิงตามเกณฑ์การเข้ากันไม่ได้ ของสารเคมี
9. มีภาชนะรองรับภาชนะบรรจุของเสียที่เหมาะสม
10. ห้ามวางภาชนะบรรจุของเสียใกล้ท่อระบายน้ำ ใต้ หรือในอ่างน้ำ หากจำเป็น ต้องมีภาชนะรองรับ
11. ห้ามวางภาชนะบรรจุของเสียใกล้บริเวณอุปกรณ์ฉุกเฉิน
12. ห้ามวางภาชนะบรรจุของเสียปิดหรือขวางทางเข้า-ออก
13. วางภาชนะบรรจุของเสียให้ห่างจากความร้อนแหล่งกำเนิดไฟและเปลวไฟ
14. ห้ามเก็บของเสียประเภทไวไฟมากกว่า 38 ลิตร หากจำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้สำหรับเก็บสารไวไฟโดยเฉพาะ
15. ห้ามเก็บของเสียไว้ในตู้ควันอย่างถาวร
16. มีการกำหนดระยะเวลาในการจัดเก็บของเสียในห้องปฏิบัติการ
- กรณีที่ของเสียพร้อมส่งกำจัด (ปริมาตร 80% ของภาชนะ) : ไม่ควรเก็บไว้นานกว่า 90 วัน
- กรณีของเสียไม่เต็มภาชนะ (ปริมาตรน้อยกว่า 80% ของภาชนะ) : ไม่ควรเก็บของเสียไว้นากว่า 1 ปี
การบำบัดและกำจัดของเสีย
ใช้ระบบ 4R
Reduce
• ลดปริมาณการซื้อสารเคมีที่ไม่จำเป็น
• ลดปริมาณการใช้สารเคมีให้น้อยลง
• ลดปริมาณของเสียก่อนการกำจัดให้น้อยลง
• บำบัดของเสียก่อนปล่อยลงระบบน้ำทิ้ง
• บำบัดของเสียก่อนส่งกำจัด เพื่อลดอันตราย
Reuse คือการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
• ทำความสะอาดขวดสารเคมีเก่าแล้วนำกลับไปใช้ใหม่
• นำสารละลายต่างๆมาล้างของ
• นำสารบางประเภทหรือสารใกล้หมดอายุมาท า Spill kit
• ใช้สารเก่าในการ neutralize กรด - เบส ฯลฯ
Replace
• เปลี่ยนการใช้สารเคมีในการทดลองจากสารที่เป็นพิษ เป็นสารที่เป็นมิตร
• เปลี่ยนกระบวนการทดลองที่ก่อให้เกิดพิษ เป็นกระบวนการใหม่ที่ไม่ผ่านวิธีเดิม
• หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่เป็นพิษตามเกณฑ์ของ USEPA เช่น barium arsenic cadmium chromium read mercury selenium silver benzene carbon tetrachloride chloroform dichlorobenzene cresol methyl ethyl ketone nitrobenzene pyridine tetrachloroethylene trichloroethylene trichlorophenol vinyl chloride
• หากเป็นไปได้ ให้ใช้ Ethanol แทน Methanol (Ethanol < 24% w/w in H2O ไม่ถือว่าเป็นสารลุกติดไฟได้ )
Recycle คือการนำสารเคมีกลับมาใช้ใหม่โดยที่มีสมบัติทางกายภาพเปลี่ยนไป แต่มีองค์ประกอบทางเคมี
เหมือนเดิม โดยการผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การกลั่นตัวทำละลาย , แก้ว , โลหะมาหลอมใหม่
2. ระบบการจัดการสารเคมีของเสีย ของเสียจากห้องปฏิบัติการ ต้องมีการจัดการอย่างเป็นระบบ
เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีรั่วไหลสู่สิ่งแวดล้อม
สารบบของเสียสารเคมี ประกอบด้วย
• การจัดการข้อมูลของเสีย
ระบบบันทึกข้อมูล หมายถึง ระบบบันทึกข้อมูลของเสียสารเคมี ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการ / หน่วยงาน / องค์กร เพื่อใช้ในการบันทึกและติดตามความเคลื่อนไหวของเสียสารเคมีทั้งหมด
1.1 มีการบันทึกข้อมูลของเสียในรูปแบบ
• เอกสาร
• อิเล็กทรอนิกส์
1.2 โครงสร้างของข้อมูลของเสียที่บันทึก ไม่ว่าใช้รูปแบบใดก็ตาม ควรประกอบด้วย
• ผู้รับผิดชอบ หมายถึง ผู้ผลิต/ผู้ท าให้เกิด/ผู้ดูแล ของเสียในขวดนั้นๆ
• รหัสของภาชนะบรรจุ (Bottle ID)
• ประเภทของเสีย
• ปริมาณของเสีย (Waste volume / Weight)
• วันที่บันทึกข้อมูล (Input date)
• ห้องที่เก็บของเสีย (Storage room)
• อาคารที่เก็บของเสีย (Storage Building)
1.3 การรายงานข้อมูล หมายถึง การรายงานข้อมูลของเสียที่เกิดขึ้นและที่กำจัดทิ้งของห้องปฏิบัติการ/
หน่วยงาน/องค์กร โดยมีการจัดทำให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ พร้อมทั้งสามารถรายงานความเคลื่อนไหว ของของเสียได้ด้วย การรายงานข้อมูลที่ครบวงจรนั้น ต้องครอบคลุมสิ่งต่อไปนี้
1. มีรายงานข้อมูลของเสียที่เกิดขึ้น
2. มีรูปแบบการรายงานชัดเจน
• ประเภทของเสีย
• ปริมาณของเสีย
3. มีรายงานข้อมูลของเสียที่กำจัดทิ้ง
4. มีการปรับปรุงข้อมูลเป็นประจำสม่ำเสมอ
3. การป้องกันและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
การเตรียมความพร้อมและตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
• มีอุปกรณ์สำหรับตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน อยู่ในบริเวณที่สามารถเข้าถึงได้สะดวก
• มีแผนป้องกันภาวะฉุกเฉินที่เป็นรูปธรรม
• ซ้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินที่เหมาะสมกับหน่วยงาน
• ตรวจสอบพื้นที่และสถานที่เพื่อพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน
• ตรวจสอบเครื่องมือ/อุปกรณ์พร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินอย่างสม่ำเสมอ
• มีขั้นตอนการจัดการเบื้องต้นเพื่อตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ที่เป็นรูปธรรม
ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการ
เมื่อเกิดเพลิงไหม้ / เหตุฉุกเฉิน
ตั้งสติ อย่าตื่นตกใจ ตะโกนบอกเพื่อน/ผู้ร่วมงาน
• อย่าดับเพลิงเองถ้ารู้สึกไม่แน่ใจในวิธีการดับเพลิง
• รีบออกจากอาคารอย่างเป็นระเบียบ
• ส่งต่อข้อมูลสำคัญต่างๆให้กับเจ้าหน้าที่
• ห้ามใช้ลิฟท์ ให้ใช้บันไดหนีไฟแทน
• มารวมกันที่จุดรวมรวมพล
• โทรศัพท์แจ้งเหตุไฟไหม้ 199
สารเคมีหกรั่วไหล
• แจ้งผู้ที่อยู่ใก
|