รายละเอียดโครงการ

ตามประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง มาตรฐานการกำหนดระดับตำแหน่งและการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น พ.ศ. 2553 ได้มีการปรับระบบงานบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา จากระบบจำแนกตำแหน่งตามมาตรฐานกลางสิบเอ็ดระดับ เป็นระบบจำแนกตำแหน่งตามกลุ่มลักษณะงาน จึงจำเป็นต้องปรับปรุงมาตรฐานกำหนดระดับตำแหน่งและการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้ดำรงตำแหน่งใหม่ ให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลใหม่ เพื่อให้สภาสถาบันอุดมศึกษาใช้เป็นแนวทางในการออกข้อบังคับว่าด้วยกำหนดระดับตำแหน่งและการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดระดับตำแหน่ง และแต่งตั้งผู้มีความรู้ความสามารถใด้ดำรงตำแหน่งในระดับสูงขึ้น ตามหลักประเมินค่างานและหลักสมรรถนะ โดยหลักเกณฑ์และการกำหนดตำแหน่งต้องสอดคล้องกับกรอบตำแหน่งและแผนพัฒนากำลังคนที่สภาสถาบันอุดมศึกษากำหนด ในการกำหนดระดับตำแหน่งให้สูงขึ้น ตำแหน่งนั้นจะต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบ คุณภาพและความยุ่งยากของงานในตำแหน่งเพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญถึงขนาดที่จะต้องกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น โดยต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ภายใต้เงือนไข (1) ต้องเป็นตำแหน่งตามที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการจำแนกตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (2) ไม่มีผลให้มีการเพิ่มงบประมาณหมวดเงินเดือนและคำจ้างประจำ (3) ไม่มีผลทำให้อัตรากำลังเพิ่มขึ้น (4) ต้องคำนึงถึงความมีประสิทธิภาพ ความไม่ซ้ำซ้อน และความประหยัด การกำหนดระดับตำแหน่ง ต้องยึดหลักการวิเคราะห์ภารกิจของหน่วยงาน และประเมินค่างานเพื่อวัดคุณภาพของตำแหน่งตามลักษณะงาน หน้าที่และความรับผิดชอบ คุณภาพ และความยุ่งยากของงาน ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ต้องการในการปฏิบัติงาน โดยกำหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ภารกิจของหน่วยงานและหลักเกณฑ์การประเมินค่างานตามประเภทตำแหน่ง การประเมินค่างาน (Job Evaluation) เป็นการกำหนดระดับความสำคัญของงาน หรือตำแหน่งและการกำหนดค่าตอบแทน ซึ่งจะเป็นการแยกองค์ประกอบของงานให้ได้ว่าสิ่งไหนที่เป็นสาระสำคัญของาน และสิ่งไหนไม่ใช่สาระสำคัญของงาน การประเมินค่างานจึงเป็นกระบวนการวัดคุณค่าของงาน โดยนำงานมาเปรียบเทียบกันภายใต้องค์ประกอบที่เป็นตัววัดหลัก เพื่อตีค่างาน (ก.พ.อ., 2553) ในการกำหนดตำแหน่งสูงขึ้น เช่น ระดับชำนาญงาน ระดับชำนาญงานพิเศษ ระดับชำนาญการ ระดับชำนาญการพิเศษ ระดับเชี่ยวชาญ และดับเชี่ยวชาญพิเศษ จำเป็นจะต้องมีการประเมินค่างานเพื่อกำหนดระดับตำแหน่งให้เหมาะสมเป็นธรรม ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงได้จัดอบรม เรื่องการประเมินค่างานเพื่อกำหนดกรอบระดับตำแหน่งสูงขึ้นของบุคลากรสายสนับสนุนในสถาบันอุดมศึกษาขึ้น เพื่อให้ผู้ปฎิบัติงานด้านบุคคล คณะกรรมการประเมินค่างาน บุคลากรสายสนับสนุน ได้รับรู้ทราบวิธีการประเมินค่างานที่ถูกต้อง และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการและหลักการประเมินค่างานของแต่ละหน่วยงาน