19926 : โครงการคลีนิคกฎหมาย
ประเภทแผนโครงการ: ในแผนปฏิบัติการประจำปี 2566
อาจารย์ ดร.จักรกฤช ณ นคร (ผู้เพิ่มข้อมูล)
วันที่ปรับปรุงข้อมูล : 20/3/2566 16:27:13
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป
รูปแบบโครงการ
โครงการภายใน
ประเภทโครงการ
โครงการตามแผนปฏิบัติการประจำปีของส่วนงาน (เบิกจ่ายจากงบประมาณเงินรายได้ของส่วนงาน หรืองบประมาณจากแหล่งอื่น)
ช่วงเวลาที่ทำโครงการ
01/10/2565  ถึง  30/09/2566
แผนงาน


กลุ่มเป้าหมาย
จำนวนกลุ่มเป้าหมาย  20  คน
รายละเอียด  นักศึกษา บุคลากร
รูปแบบกิจกรรม





ตอนที่ 2 งบประมาณ
ประเภททุนสนับสนุนหมวดค่าใช้จ่ายคำอธิบายปีงบประมาณจำนวนเงิน(บาท)
งบประมาณเงินรายได้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร หมวดรายจ่าย » งบอุดหนุน ไม่ใช้งบประมาณ 2566 0.00
รวมทั้งหมด0.00
ตอนที่ 3 ผู้รับผิดชอบโครงการ
รายชื่อผู้รับผิดชอบสถานะ
อาจารย์ ดร. จักรกฤช  ณ นคร
อาจารย์ ดร. จุฑามาส  เพ็งโคนา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พรพิมล  พิมลรัตน์
ตอนที่ 4 ที่ปรึกษาโครงการ
ไม่มีข้อมูล
ตอนที่ 5 หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ
รายชื่อหน่วยงานสถานะ
มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร
ตอนที่ 6 นโยบายมหาวิทยาลัย
นโยบาย
นโยบายด้านคุณภาพมาตรฐานการศึกษา
ตอนที่ 7 สอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย
ประเด็นยุทธศาสตร์
[ 2566 ] ประเด็นยุทธศาสตร์ ุ65-69 MJU 2 การขับเคลื่อนผลการดำเนินงานตามพันธกิจหลัก (MOC)
เป้าประสงค์ 65-69 MJU 2.1 ผลิตบัณฑิตและพัฒนานักศึกษาที่มีสมรรถนะในระดับสากล
ตัวชี้วัด 65-69 MJU 2.7 ร้อยละของนักศึกษาที่ผ่านกระบวนการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21
กลยุทธ์ ุ65-69 MJU 2.1.13 ทบทวนรูปแบบการจัดกิจกรรมนักศึกษา ที่มุ่งเน้นทักษะวิชาการ และทักษะชีวิตอย่างแท้จริง สร้างบัณฑิตให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และส่งเสริมอัตลักษณ์ของบัณฑิตมหาวิทยาลัยแม่โจ้ด้วยกิจกรรมที่ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ตอนที่ 8 สอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์หน่วยงาน
ประเด็นยุทธศาสตร์
[2566] ประเด็นยุทธศาสตร์ มจ.ชพ.66 : 2. การขับเคลื่อนผลการดำเนินงานตามพันธกิจหลัก (MOC)
เป้าประสงค์ มจ.ชพ.66 : 2.1 ผลิตบัณฑิตและพัฒนานักศึกษาที่มีสมรรถนะในระดับสากล
ตัวชี้วัด มจ.ชพ.66:2.1.7 ร้อยละของนักศึกษาที่ผ่านกระบวนการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21
กลยุทธ์ มจ.ชพ.66 : 20. ทบทวนรูปแบบการจัดกิจกรรมนักศึกษา ที่มุ่งเน้นทักษะวิชาการ และทักษะชีวิตอย่างแท้จริง สร้างบัณฑิตให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และส่งเสริมอัตลักษณ์ของบัณฑิตมหาวิทยาลัยแม่โจ้ด้วยกิจกรรมที่ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ตอนที่ 9 หลักการและเหตุผล

พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สอบไล่ได้วิชาความรู้ชั้นเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ ๓๓ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๔ “...กฎหมายนั้นไม่ใช่ตัวความยุติธรรม เป็นแต่เพียงเครื่องมืออย่างหนึ่ง สำหรับใช้ในการรักษาและอำนวยความยุติธรรมเท่านั้น การใช้กฎหมายจึงต้องมุ่งหมายใช้เพื่อรักษาความยุติธรรมไม่ใช่เพื่อรักษาตัวบทของกฎหมายเอง และการรักษาความยุติธรรมในแผ่นดิน ก็มิได้มีวงแคบอยู่เพียงแค่ขอบเขตของกฎหมาย หากต้องขยายออกไปให้ถึงศีลธรรมจรรยาตลอดจนเหตุและผลตามความเป็นจริงด้วย...” เนื่องด้วยกฎหมายมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน เพราะการใช้ชีวิตในประจำวันของประชาชนย่อมต้องดำเนินอยู่ในกรอบแห่งกฎหมาย ที่เป็นบรรทัดฐานอันเดียวกัน เรื่องของบทบัญญัติของกฎหมายนั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจและติดตามการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เนื่องจากกฎหมายก็ย่อมจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย กฎหมายในปัจจุบันมีอยู่เกือบ 100 ฉบับและจะมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเชื่อแน่ว่าประชาชนทั่วไปไม่มีทางที่จะติดตามหรือรู้ได้เลยว่ากฎหมายแต่ละฉบับนั้นได้กำหนดสิทธิหน้าที่และความรับผิดของตนไว้อย่างใดบ้าง จึงมีโอกาสที่ประชาชนทั่ว ๆ ไปจะทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว อาทิเช่นเช่น มียาชนิดหนึ่งไว้ในครอบครองเพื่อทานเป็นประจำ ซึ่งเดิมไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิด แต่ต่อมามีกฎหมายกำหนดให้การครอบครองยาดังกล่าวเป็นความผิด ผู้ครอบครองไม่อาจแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าการมียาไว้กับตัวเป็นความผิดตามกฎหมายดังกล่าว และต้องได้รับโทษในกรณีเช่นนี้ย่อมไม่เป็นธรรม ยิ่งทุกวันนี้กฎหมายมีมากขึ้น บุคคลจึงไม่อาจอ้างว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อปฏิเสธความรับผิด สุภาษิตกฎหมายที่ว่า “ความไม่รู้กฎหมายไม่อาจเป็นข้อแก้ตัวได้” นั้นมาจากภาษาลาตินที่ว่า “Ignorantia juris non excusat” หรือที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Ignorance of the law is no excuse. เป็นหลักกฎหมายที่นานาประเทศรวมถึงประเทศไทยได้ยอมรับและปฏิบัติตามมานานแล้ว ประมวลกฎหมายอาญาของไทย มาตรา 64 บัญญัติไว้ว่า “บุคคลจะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นจากความรับผิดในทางอาญาไม่ได้ แต่ถ้าศาลเห็นว่าตามสภาพและพฤติการณ์ ผู้กระทำความผิดอาจจะไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด ศาลอาจอนุญาตให้แสดงพยานหลักฐานต่อศาล และถ้าศาลเชื่อว่าผู้กระทำไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติไว้เช่นนั้น ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้” ซึ่งหมายความว่าความไม่รู้ว่าการกระทำของตนเป็นความผิดต่อกฎหมายนั้น ไม่อาจใช้เป็นข้อแก้ตัวเพื่อให้พ้นผิดได้ และปัจจุบัน มีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องกฎหมายที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เนื่องด้วยภารกิจต่าง ๆ ทำให้ไม่มีโอกาสในการศึกษาหาความรู้ความที่เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเอง เมื่อเกิดกรณีปัญหาขึ้น ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหา หรือเข้าใจประเด็นปัญหาได้อย่างถ่องแท้ และปล่อยเวลาล่วงเลยไปเนิ่นนานจนปัญหาเรื้อรังแก้ไขได้ยาก จนต้องพึ่งพาการให้บริการด้านกฎหมายที่มีค่าใช้จ่ายสูง ถ้าหากได้รับการแก้ไขปัญหาหรือรับทราบข้อมูลในการปฏิบัติที่ถูกต้องก่อน ปัญหาก็จะไม่เรื้อรังกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชานิติสาสตร์ในมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร จึงมีแนวความคิดในการบูรนาการการเรียนการสอนกับการจัดโครงการคลีนิคกฎหมาย โดยให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพรที่เรียนวิชากฎหมายได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆของโครงการจากวิชาที่เรียนมา อาทิเช่น การร่วมให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย การเผยแพร่ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนในชุมชน ซึ่งเป็นการสร้างจิตสาธารณะ จิตสำนึกที่ดีแก่นักศึกษา พัฒนาทักษะ Skills ของนักศึกษาในด้านกฎหมาย เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตและภาพลักษณ์ที่ดีของมหาวิทยาลัย ตามประเด็นยุทธศาสตร์และเป้าประสงค์หลักของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ดังนั้น จึงได้เกิดแนวความคิดในการจัดทำโครงการคลินิกกฎหมายควบคู่ไปกับการบูรนาการการเรียนการสอน ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร

ตอนที่ 10 วัตถุประสงค์
วัตุประสงค์
เพื่อให้ประชาชน บุคลากรและนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร ได้รับคำปรึกษาในปัญหาด้านกฎหมายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยสร้างความสำเร็จและประเมินผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อส่งเสริมกิจกรรมนักศึกษาในการพัฒนาชุมชนและสังคม ใกล้ชิดชุมชน รักษาสิ่งแวดล้อม สร้างจิตสาธารณะ จิตสำนึกที่ดีแก่นักศึกษาและภาพลักษณ์ที่ดีของมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาทักษะ Skills ของนักศึกษาในด้านกฎหมายในหมวด GE ให้มากขึ้นเพื่อเป็นการพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ตอนที่ 11 ผลผลิตของโครงการและตัวชี้วัด
ผลผลิต : นักศึกษาและบุคลากรได้รับความรู้และคำปรึกษาด้านกฎหมาย มีการเผยแพร่ความรู้ด้านกฎหมาย
KPI 1 : ร้อยละของโครงการที่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด
ประเภท : เชิงเวลา
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
80 80 80
KPI 2 : จำนวนผู้เยี่ยมชมฐานเรียนรู้
ประเภท : เชิงปริมาณ
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
20 20 20
KPI 3 : ร้อยละความพึงพอใจของผู้รับบริการ
ประเภท : เชิงคุณภาพ
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
80 80 80
KPI 4 : ค่าใช้จ่ายของการให้บริการวิชาการตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
ประเภท : เชิงต้นทุน
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
0 0 0
 
ตอนที่ 12 ผลผลิตของโครงการและค่าใช้จ่าย
ผลผลิต : นักศึกษาและบุคลากรได้รับความรู้และคำปรึกษาด้านกฎหมาย มีการเผยแพร่ความรู้ด้านกฎหมาย
ชื่อกิจกรรม :
บูรณาการการเรียนการสอนกับโครงการ โดยนักศึกษานำความรู้ด้านกฎหายเผยแพร่ชุมชน

ช่วงเวลาดำเนินกิจกรรม : 01/10/2565 - 30/09/2566
รายชื่อผู้รับผิดชอบ
อาจารย์ ดร.จักรกฤช  ณ นคร (ผู้รับผิดชอบหลัก)
อาจารย์ ดร.จุฑามาส  เพ็งโคนา (ผู้รับผิดชอบหลัก)
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรพิมล  พิมลรัตน์ (ผู้รับผิดชอบหลัก)
งบประมาณดำเนินการ
รายจ่ายดำเนินงาน » ค่าใช้สอย
ไม่ใช้งบประมาณ
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 รวม
0.00 บาท 0.00 บาท 0.00 บาท 0.00 บาท 0.00 บาท
รวมจำนวนเงินทั้งหมด 0.00
 
ตอนที่ 13 ปัญหาและอุปสรรค
ปัญหาและอุปสรรค
ไม่มี
ตอนที่ 14 แนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค
แนวทางการแก้ปัญหาและอุปสรรค
ไม่มี
ตอนที่ 15 เอกสารประกอบ
ไม่มีข้อมูล
ตอนที่ 16 การบูรณาการ
การเรียนการสอน
นำความรู้ด้านกฎหมายที่เรียนไปเผยแพร่กับชุมชน
ช่วงเวลา : 01/10/2565 - 30/09/2566
ตัวชี้วัด
5.2 กระบวนการบริการทางวิชาการให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
การบูรณาการ
วัตถุประสงค์การบูรณาการผลการประเมินการนำผลการประเมินไปปรับปรุงการบูรณาการ
เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ด้านกฎหมายและนำไไปเผยแพร่กับชุมชน 80 ปรับปรุงเอกสารประกอบการสอน
เอกสารประกอบ
งานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
ไม่มีข้อมูล
งานวิจัย
ไม่มีข้อมูล
อื่นๆ
ไม่มีข้อมูล