19031 : โครงการ "การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ สารควบคุมกำจัดศัตรูพืชชีวภาพ และการผลิตพืชกระท่อมในระบบเกษตรอินทรีย์"
ประเภทแผนโครงการ: ในแผนปฏิบัติการประจำปี 2566
อาจารย์ประสาทพร กออวยชัย (ผู้เพิ่มข้อมูล)
วันที่ปรับปรุงข้อมูล : 30/3/2566 14:13:44
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป
รูปแบบโครงการ
โครงการภายใน
ประเภทโครงการ
โครงการบริการวิชาการ (เบิกจ่ายจากงบประมาณบริการวิชาการ)
ช่วงเวลาที่ทำโครงการ
01/03/2566  ถึง  31/08/2566
แผนงาน
กลุ่มเป้าหมาย
จำนวนกลุ่มเป้าหมาย  60  คน
รายละเอียด  นักศึกษาสาขาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณาจารย์ในสาขาเทคโนโลยีการผลิตพืช เกษตกรผู้สนใจ นักเรียนนักศึกษา
รูปแบบกิจกรรม
ตอนที่ 2 งบประมาณ
ประเภททุนสนับสนุนหมวดค่าใช้จ่ายคำอธิบายปีงบประมาณจำนวนเงิน(บาท)
งบประมาณแผ่นดิน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ หมวดรายจ่าย » งบอุดหนุน 2566 350,000.00
รวมทั้งหมด0.00
ตอนที่ 3 ผู้รับผิดชอบโครงการ
รายชื่อผู้รับผิดชอบสถานะ
อาจารย์ ประสาทพร  กออวยชัย
อาจารย์ ปิยนุช  จันทรัมพร
ตอนที่ 4 ที่ปรึกษาโครงการ
ไม่มีข้อมูล
ตอนที่ 5 หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ
รายชื่อหน่วยงานสถานะ
มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร
ตอนที่ 6 นโยบายมหาวิทยาลัย
ไม่มีข้อมูล
ตอนที่ 7 สอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย
ประเด็นยุทธศาสตร์
[ 2566 ] ประเด็นยุทธศาสตร์ ุ65-69 MJU 2 การขับเคลื่อนผลการดำเนินงานตามพันธกิจหลัก (MOC)
เป้าประสงค์ 65-69 MJU 2.3 การให้บริการวิชาการเพื่อสังคม ชุมชนด้วยองค์ความรู้ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
ตัวชี้วัด 65-69 MJU 2.18 องค์ความรู้ด้านการเกษตรที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
กลยุทธ์ ุ65-69 MJU 2.3.2 ผลักดันผลงานการให้บริหารวิชาการของมหาวิทยาลัยให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)
ตอนที่ 8 สอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์หน่วยงาน
ประเด็นยุทธศาสตร์
[2566] ประเด็นยุทธศาสตร์ มจ.ชพ.66 : 2. การขับเคลื่อนผลการดำเนินงานตามพันธกิจหลัก (MOC)
เป้าประสงค์ มจ.ชพ.66 : 2.3 การให้บริการวิชาการเพื่อสังคม ชุมชนด้วยองค์ความรู้ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
ตัวชี้วัด มจ.ชพ.66:2.3.1 องค์ความรู้ด้านการเกษตรที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
กลยุทธ์ มจ.ชพ.66 : 40. ผลักดันผลงานการให้บริการวิชาการของมหาวิทยาลัยให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)
ตอนที่ 9 หลักการและเหตุผล

ชุดโครงการ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ สารควบคุมกำจัดศัตรูพืชชีวภาพ และการผลิตพืชกระท่อมในระบบเกษตรอินทรีย์ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 100 ปี (2577) ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และสนับสนุนงานของโครงการ Well-being@chumphon โดยกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในโครงการเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการทั้งในระบบต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ทุกกิจกรรมส่งเสริมให้ยุทธศาสตร์ 100 ปี (2577) ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประสบความสำเร็จ และผลการดำเนินกิจกรรมทุกกิจกรรมในชุดโครงการจะตอบสนองความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ ช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ผลิตพืชในระบบเกษตรอินทรีย์ ทำให้ปลอดภัยทั้งต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค รักษาสภาพแวดล้อม จากงานวิจัย เรื่อง พัฒนาสูตรปุ๋ยอินทรีย์จากวัสดุเหลือทิ้งจากโรงงาน จากบริษัท ท่าฉาง อโกรเทค จำกัด โดยลงพื้นที่ไปใช้อุปกรณ์ปั้นเม็ดปุ๋ย ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำปุ๋ยหมักชีวภาพ หมู่ 8 ตำบลบ้านควน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร สามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงซึ่งมีอินทรียวัตถุสูงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 4 สูตร โดยในแต่ละสูตรประกอบด้วยธาตุอาหารพืชที่สูงและครบถ้วน และปุ๋ยทั้ง 4 สูตรที่พัฒนาขึ้นมานี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการขอขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการและขอทะเบียนการค้าจากกระทรวงพานิชย์ อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนกลับไปดูปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตขึ้นเองในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลับพบว่าปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตขึ้นได้ดังกล่าวไม่สามารถขอขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการและขอทะเบียนการค้าจากกระทรวงพานิชย์ ทั้งนี้เพราะเกษตรกรในกลุ่มยังขาดความรู้ในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ให้มีมาตราฐานและคุณสมบัติตามที่กรมวิชาการกำหนด และยังขาดความรู้เรื่องการส่งตัวอย่างปุ๋ยไปวิเคราะห์ แปรผลการวิเคราะห์ นอกจากนี้ยังไม่ทราบขั้นตอนของการขอขึ้นทะเบียนการค้ากับกระทรวงพานิชย์ ดังนั้นทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำปุ๋ยหมักชีวภาพจึงได้ขอให้ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร ได้ช่วยพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์ของทางกลุ่มให้มีมาตรฐานและคุณสมบัติตามที่กรมวิชาการกำหนด และขอให้ดำเนินการขอขึ้นทะเบียนการค้ากับกระทรวงพานิชย์ ซึ่งจากปัญหาข้างต้นดังกล่าวนับเป็นโอกาสที่ดีที่ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำปุ๋ยหมักชีวภาพ เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาซึ่งเป็นคอขวดของกลุ่มได้แล้ว ยังช่วยสนับสนุนและส่งเสริมการผลิตพืชในระบบอินทรีย์ได้อีกทางหนึ่ง ทั้งยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 100 ปี (2577) ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยค่าใช่จ่ายที่เกิดขึ้นในการขอขึ้นทะเบียนปุ๋ยและทะเบียนการค้าทางกลุ่มกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำปุ๋ยหมักชีวภาพจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ทั้งหมด ข้อมูลการใช้ปัจจัยการผลิตในภาคการเกษตร พบว่า ต้นทุนประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์จะเป็นค่าปุ๋ยเคมี ดังนั้นหากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกรโดยโน้มน้าวให้หันกลับมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ซึ่งสามารถผลิตขึ้นเองได้ทดแทนแต่การใช้ปุ๋ยเคมีแต่เพียงอย่างเดียวจะส่วนลดต้นทุนการผลิตในภาคการเกษตรลงได้ นอกจากนี้การใช้ปุ๋ยอินทรีย์จะช่วยปรับปรุงดิน ช่วยฟื้นฟูดินทำให้ดินมีคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการเพราะปลูก และยังเป็นการช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำ และในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจกับสุขภาพมากยิ่งขึ้นและเห็นความสำคัญของพืชที่ปลูกในระบบอินทรีย์ ดังนั้นหากเกษตรกรสามารถเพาะปลูก พืชในระบบเกษตรอินทรีย์หรือระบบเกษตรที่ปลอดภัยแล้วจะทำให้เพิ่มมูลค่าของผลผลิต ปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้บริโภค นอกจากนี้เป็นการช่วยรักษาสภาพแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร มีงานวิจัยเกี่ยวกับการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และการนำปุ๋ยอินทรีย์ไปใช้กับพืชเศรษฐกิจเป็นระยะเวลายาวนาน โดยร่วมมือทั้งกับภาครัฐและภาคเอกชนการวิจัยและนำไปอินทรีย์ในรูปแบบต่าง ๆ ไปใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรโดยเฉพาะปาล์มน้ำมันกับยางพารา โดยในปี 2563 มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร มีความร่วมมือกับโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เครือข่าย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กับบริษัท ท่าฉาง อโกรเทค จำกัด ในการวิจัยเพื่อนำวัสดุเหลือทิ้งได้แก่ ตะกอนดินขาว มีปริมาณ 4 ตันต่อวัน มาจากโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน ขี้แป้งมีปริมาณ 5 ตันต่อวัน มาจากโรงงานผลิตน้ำยางข้น ตะกอนน้ำทิ้ง ปริมาณ 24 ตันต่อวัน ขี้เถ้าปริมาณ 100 ตันต่อวัน มาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้กับพืชเศรษฐกิจของภาคใต้โดยเฉพาะปาล์มน้ำมันและยางพารา นอกจากนี้มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร ยังได้ตกลงทำความร่วมมือกับบริษัท ออร์กานิคเวย์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิลผลิตภัณฑ์บำรุงพืชบำรุงดิน ตรา ออร์กานิคเวย์ ภายใต้การรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้าจากหลากหลายมาตรฐาน เช่น JAS Organic, IFORM International, USDA และ EU Organic ซึ่งความร่วมมือทางวิชาการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้งานบริการวิชาการนี้บรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมแมลงศัตรูพืช โรคพืชโดยชีววิธีเป็นกรรมวิธีที่นำสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยนำเอาแมลง เชื้อจุลชีพและสัตว์อื่น ๆ ที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติมาช่วยกำจัดแมลงศัตรูพืช วิธีการนี้เป็นวิธีการดั้งเดิมซึ่งมนุษย์มีแนวความคิดที่จะใช้สิ่งที่มีประโยชน์ในธรรมชาติมาช่วยปราบแมลง ความรู้เก่าแก่ที่สุดในการดำเนินงานเริ่มต้นขึ้นมาในประเทศจีน โดยชาวจีนรู้จักนำเอามดตัวห้ำ (predatory ants) มาควบคุมแมลงบางชนิดในสวนส้ม และความรู้ในเรื่องการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติมาควบคุมแมลงศัตรูพืชก็กว้างขวางออกไป และนับวันจะมีบทบาทมากขึ้นเมื่อมนุษย์สามารถนำเอาสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ซึ่งเป็นการลดการใช้ยาฆ่าแมลงทำให้ผลเสียที่จะเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการใช้ยาอย่างไม่ถูกต้องลดน้อยลง การควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธีจึงเป็นการใช้ประโยชน์ของศัตรูธรรมชาติที่สำคัญได้แก่ ตัวเบียน (parasites) ตัวห้ำ (predators) และเชื้อโรค (pathogens) ในการที่จะรักษาระดับความหนาแน่นของประชากรของแมลงศัตรูพืชชนิดใดชนิดหนึ่งให้อยู่ต่ำกว่าระดับที่จะทำให้อยู่ต่ำกว่าระดับที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิต ศัตรูธรรมชาติ ศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูพืชหมายถึง สิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติและเป็นศัตรูของแมลงศัตรูพืช ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 พวกใหญ่ ๆ คือ ตัวเบียน ตัวห้ำ และเชื้อโรค ซึ่งในกลุ่มของตัวเบียนและตัวห้ำนั้นมีทั้งที่เป็นแมลงและไม่ใช่แมลง แต่แมลงเป็นศัตรูพืชธรรมชาติที่สามารถนำมาพัฒนาเพื่อใช้ในการควบคุมแมลงศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความสำเร็จในการควบคุมศัตรูพืชมานานแล้ว แมลงเบียน (parasite) หมายถึง แมลงที่เบียดเบียนเหยื่อ (host) หรือเกาะกินอยู่กับเหยื่อ จนกระทั่งเหยื่อตาย และการเป็นตัวเบียนนั้นจะเป็นเฉพาะในช่วงที่เป็นตัวอ่อนเท่านั้น เมื่อเป็นตัวเต็มวัยจะหากินอิสระ และในช่วงอายุหนึ่ง ๆ ต้องการเหยื่อเพียงตัวเดียวเท่านั้น ตัวเบียนหรือแมลงเบียนมีหลายประเภท ซึ่งถ้าแบ่งตามความสัมพันธ์กับเหยื่อ จะแบ่งออกได้เป็นแมลงเบียนไข่ (egg-parasite) แมลงเบียนหนอน (larval parasite) แมลงเบียนดักแด้ (pupal parasite) แมลงเบียนตัวเต็มวัย (adult parasite) เป็นต้น ตัวอย่างของแมลงเบียน เช่น แตนเบียนไข่ หนอนกระทู้ผัก และแตนเบียนหนอนเจาะลำต้นและยอดอ้อย แตนเบียนไข่หนอนกระทู้ผัก Chelonus sp. ตัวหนอนของแตนเบียน หนอนกระทู้ผักจะทำลายไข่ของหนอนกระทู้ผัก โดยตัวเต็มวัยของแตนเบียนจะวางไข่ลงไปในไข่ของหนอนกระทู้ผัก ตัวหนอนแตนเบียนจะอาศัยอยู่ในไข่และหนอนกระทู้ผักจนเป็นตัวเต็มวัย จึงออกมาภายนอก และวางไข่ทำลายไข่ของหนอนกระทู้ผักต่อไป แตนเบียนหนอนเจาะลำต้นและยอดอ้อย Cotesia flavipes แตนเบียนชนิดนี้ตัวเต็มวัยจะวางไข่ลงไปในตัวหนอนเจาะลำต้นและยอดอ้อย ตัวหนอนของแตนเบียนจะอาศัยเกาะกินอยู่ภายในลำตัวหนอนเจาะลำต้นและยอดอ้อย จนกระทั่งโตเต็มที่จะเจาะผนังหนอนเจาะลำต้นและยอดอ้อยออกมาเข้าดักแด้ และเป็นตัวเต็มวัยต่อไป วันที่หนอนของแตนเบียนเจาะออกมาจากลำตัว หนอนเจาะลำต้นและยอดอ้อย หนอนเจาะลำต้นและยอดอ้อยก็จะตายทันที แตนเบียนชนิดนี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการควบคุมหนอนเจาะลำต้นและยอดอ้อยอย่างมีประสิทธิภาพ แมลงห้ำ (pradator) หมายถึง แมลงที่กินแมลงชนิดอื่น ๆ เป็นอาหาร และการกินนั้นจะกินเหยื่อ (prey) หลายตัว กว่าจะเจริญเติบโตครบวงจรชีวิต การกินจะกินเหยื่อไปเรื่อย ๆ และมักจะไม่จำกัดวัยของเหยื่อคือสามารถทำลายเหยื่อได้ทุกระยะการเจริญเติบโต ตัวห้ำที่เรารู้จักกันดีเช่น ด้วงเต่าชนิดต่าง ๆ ตั๊กแตนตำข้าว แมลงปอ มวนตัวห้ำ มวนเพชฌฆาต และมวนตัวห้ำเพลี้ยไฟ เป็นต้น เชื้อโรค (Insect pathogens) หมายถึง เชื้อโรคชนิดต่าง ๆ เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้แมลงตายได้นั้น สามารถนำมาพัฒนาเพื่อการควบคุมแมลงศัตรูพืชได้ ประเภทของการควบคุมแมลงศัตรูพืชโดยชีววิธี การควบคุมศัตรูพืชโดยชีววิธี อาจแบ่งออกตามลักษณะการกระทำคือ 1. การควบคุมโดยชีววิธีที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติ (Naturally-occurring biological control) เป็นการควบคุมแมลงศัตรูพืชที่เกิดในธรรมชาติ ณ แหล่งใดแหล่งหนึ่งโดยใช้ปัจจัยธรรมชาติ อันได้แก่ตัวห้ำ ตัวเบียน และเชื้อโรค ที่มีอยู่ในแหล่งนั้นมาเพาะเลี้ยงเพิ่มปริมาณ และนำมาควบคุมแมลงศัตรูพืชในแหล่งที่ศัตรูธรรมชาติเหล่านั้นอยู่ ซึ่งวิธีการนี้รวมไปถึงการจัดการหรือส่งเสริมให้ศัตรูธรรมชาติในแหล่งนั้นมีความสามารถมากขึ้นในการควบคุมแมลงศัตรูพืชในแหล่งเดิมนั้น 2. การควบคุมโดยชีววิธีแบบคลาสสิก (Classical biological control) เป็นการควบคุมแมลงศัตรูพืชโดยมีการนำเอาศัตรูธรรมชาติอันได้แก่ ตัวห้ำ ตัวเบียน และเชื้อโรค จากแหล่งอื่น ๆ หรือจากประเทศหนึ่งไปใช้ในอีกประเทศหนึ่ง โดยมากศัตรูธรรมชาติที่นำมาใช้กันได้ผลคือ ศัตรูธรรมชาติที่มีอยู่ในแหล่งดั้งเดิมของแมลงศัตรูพืช หรือกล่าวโดยสรุป การควบคุมแมลงศัตรูพืชโดยวิธีการนี้จะมีขั้นตอนของการนำ (Introduction) ศัตรูธรรมชาติจากแหล่งอื่น ๆ มาใช้ในอีกแหล่งหนึ่ง 3. การควบคุมโดยชีววิธีแบบประยุกต์ หรือแบบชั่วคราว (Contemporary biological control) เป็นการควบคุมโดยชีววิธี โดยอาศัยเทคนิคต่าง ๆ เช่น การทำให้แมลงเป็นหมันหรือการดัดแปลงลักษณะทางพันธุกรรมต่าง ๆ เป็นต้น 4. การควบคุมโดยชีววิธีแบบร่วมสมัย (Modern biological control) เป็นการควบคุมแมลงโดยใช้สารเคมีต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ยาฆ่าแมลง แต่มีผลหรือนำมาใช้ประโยชน์ในการควบคุมแมลงได้เช่น สารพวก hormone, pheromone และสารอื่น ๆ โครงการบริการวิชาการนี้ จะสอดคล้องกับกลยุทธ์การพัฒนา (Strategy) ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในข้อที่ 7.พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ข้อที่ 8.พัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน ข้อที่ 9.สร้างแม่โจ้ให้เป็นชุมชนสีเขียว(Green Society) ข้อที่ 10.สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่นักศึกษา บุคลากร และชุมชน ข้อที่ 11.พัฒนาพื้นที่ต้นแบบ "Green Campus" แบบครบวงจร ในปัจจุบันเมื่อ กระท่อม ถูกนำออกจากบัญชี พืชเสพติด จึงเป็นโอกาสอันดีที่อาจารย์ในมหาวิทยาลัยและนักวิชาการเกษตรจะได้เชื่อมโยงองค์ความรู้ของพืช กระท่อม จากวิถีชาวบ้านเข้าสู่วิถีการวิจัยที่มีการศึกษา เก็บตัวเลข วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล แล้วนำผลนี้ถ่ายทอดลงสู่ชาวบ้าน ทำให้การผลิตกระท่อมเป็นไปอย่างต้องถูกตามหลักวิชาการ เกษตรกรได้รับผลผลิตสูงที่สุด ได้รายได้จากการผลผลิตสูงที่สุด ลดต้นทุนการผลิต และที่สำคัญผลผลิตจากกระท่อมสามารถพัฒนาไปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันยังไม่พบข้อมูลวิธีแยกสายพันธุ์อย่างเป็นทางการ โดยส่วนมากจะเรียกชื่อตามลักษณะของใบกระท่อม และเรียกชื่อตามแต่ละพื้นถิ่นนั้นๆ หลักๆ จะจำแนกชนิดพันธุ์ตามสีของก้านใบ เช่น ก้านเขียว,ก้านแดง,ก้านขาว หรือถ้าหากใบมีเอกลักษณ์ก็จะเรียกกันตามจินตนาการ เช่น สายพันธุ์แตงกวา,สายพันธุ์หางกั้ง(บางพื้นที่ก็เรียกแมงดา) นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้ชื่อตามพื้นถิ่นที่ปลูก บวกกับลักษณะสีของก้านใบ เช่น Red Borneo คือกระท่อมที่มีก้านสีแดง ปลูกบนเกาะบอเนียว ประเทศอินโดนีเชีย หรือ Meangda Thai (แมงดาไทย) เป็นชื่อที่เรียกกันในไทย ปลูกในไทย ซึ่งลักษณะปลายใบมีเอกลักษณ์ เป็นติ่งปลายแหลม นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่า กระท่อมสายพันธุ์เดียวกัน เมื่อนำไปปลูกคนละพื้นที่ ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน สภาพดินต่างกัน ต้นกระท่อมอาจมีขนาดใบที่แตกต่างกัน และสร้างกลุ่มสารในปริมาณที่แตกต่างกัน ทำให้ใบกระท่อมแต่ละพื้นที่ มีสารสำคัญไม่เท่ากัน เมื่อนำไปบริโภคก็อาจจะได้ผลลัพธ์ไม่ค่อยตรงกัน อย่างเช่น ใบกระท่อมจากบางแหล่งเมื่อนำใบมาเคี้ยวเพียง 1 ใบก็อาจจะเห็นผลกับร่างกาย แต่ใบกระท่อมจากบางแหล่งเมื่อนำมาเคี้ยว 5 ใบ ก็อาจจะยังไม่เห็นผลกับร่างกายก็เป็นไปได้ ดังนั้นพื้นที่การปลูก การดูแล หรือระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว มีผลกับปริมาณสารสำคัญและคุณภาพของใบกระท่อมอย่างแน่นอน ตัวอย่างชื่อสายพันธุ์กระท่อมรอบโลก ที่มีการเรียกกันอย่างไม่เป็นทางการ ประเทศไทย Green Thai ก้านเขียวไทย Effect : เพิ่มพลังงานสูง,กระตุ้นอารมณ์,กระปรี้กะเปร่า,ทนแดด,บรรเทาปวดเล็กน้อย, คลายความวิตกกังวล,ผ่อนคลายและบรรเทาความเครียด, มีสมาธิดีขึ้น Green meangda แมงดาก้านเขียวไทย Effect: เพิ่มพลังงานสูง,กระตุ้นอารมณ์ดี,กระปรี้กระเปร่า,ทนแดด,ผ่อนคลาย,บรรเทาปวดเล็กน้อย,มีสติและสมาธิดีขึ้น,บรรเทาอาการปวด Red Vein Thai ก้านแดงไทย Effect:เพิ่มความผ่อนคลาย,บรรเทาอาการปวด,ลดความเครียด,ส่งเสริมการนอนหลับที่ดีขึ้น,เพิ่มสมาธิ White Vein Thai ก้านขาวไทย Effect:เพิ่มพลังงานสูง,กระปรี้กระเปร่า,ทนแดดบรรเทาความเครียด,กระตุ้นอารมณ์ดี,บรรเทาปวดเล็กน้อย นอกจากนี้กระท่อมไทยยังมีการเรียกชื่ออื่นๆแยกย่อยอีกมากมายตามแต่ละภูมิภาค เช่น ยักษา,เหรียญทอง,แตงกวา,หางกั้ง ส่วนมากพบว่าปลูกมากในภาคใต้ อาจมีภาคกลางบ้าง เหนือบ้าง อีสานบ้างปะปาย เนื่องจากขณะนั้นในประเทศไทยกระท่อมผิดกฏหมาย ต้องปลูกแบบหลบซ่อน การปลูกจึงยังไม่แพร่หลาย หลังจากนี้กฏหมายเริ่มปลดล็อคแล้ว อาจจะได้เห็นการนำไปทดลองปลูกอย่างจริงจังอีกหลายภูมิภาค เพื่อทดสอบว่าสารสำคัญในแต่ละพื้นที่มีปริมาณเท่าไหร่บ้าง ประเทศ Indonesia Green Indo เป็นกระท่อมอีกหนึ่งสายพันธุ์คลาสสิกของอินโดนีเซีย ปลูกกันในหลายพืื้นที่ในอินโดนีเชียพบข้อมูลว่าเป็นการผสมข้ามระหว่าง Green Malay กับ Meangda Effect: เพิ่มพลังงาน,ตื่นตัว,ลดความวิตกกังวล,เข้าสังคมได้ดี,เพิ่มสมาธิ,ผ่อนคลาย,บรรเทาปวดเล็กน้อย Green Ketapang เป็นสายพันธุ์ที่มีก้านสีเขียว บนเกาะบอร์เนียว อินโดนีเชีย ปลูกในพื้นที่ทางตอนใต้ของ Ketapang Effect:เพิ่มพลังงาน,กระปรี้กระเปร่า,ผ่อนคลาย,บรรเทาปวดเล็กน้อย Green Vein Borneo เป็นสายพันธุ์จากเกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Effect:เพิ่มพลังงาน,ลดความวิตกกังวล,บรรเทาอาการคลื่นไส้,ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร,บรรเทาอาการปวด,หลับดีขึ้น Green Vein Kali หรือ(Super Green Kali) ปลูกบนเกาะกาลีมันตันประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก คนปลูกน้อย ค่อนข้างหายาก ขายไม่เยอะ และหลอกขายกันซะส่วนมาก ควรซื้อจากผู้ที่เชื่อถือได้เท่านั้น Effect: เพิ่มพลัง,กระปรี้กระเปร่าและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน,บรรเทาปวดเล็กน้อย,มีสมาธิมากขึ้น Green hulu kapuas ต้นกำเนิดน่าจะมาจากแถวๆเขต Kapuas Hulu Regency ในกาลิมันตันตะวันตก ประเทศอินโดนีเชีย ตั้งชื่อตามภูมิภาคที่มีต้นกำเนิดแม่น้ำ Kapuas เติบโตตามธรรมชาติ ใกล้กับแม่น้ำ Kapuas Effect:เพิ่มพลังงาน,มีสมาธิ,บรรเทาอาการปวดเล็กน้อย,บรรเทาความวิตกกังวล Red Bali ต้นกำเนิดของ Red Bali มักถูกโต้แย้งในหมู่ผู้ชื่นชอบกระท่อม เนื่องจากชื่อของมันมีคำว่า Bali หลายคนจึงเชื่อว่ามาจากเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย แต่ตามความเป็นจริง Red Bali อาจมีต้นกำเนิดมาจากเกาะบอร์เนียวซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และยังพบในแถบพื้นที่ป่า Djongkong ว่ากันว่าชื่อของสายพันธุ์นี้มาจากจุดส่งออก Kratom ที่คึกคักที่สุดของอินโดนีเซีย(บาหลี) นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่าว่าสายพันธุ์นี้มีอยู่ในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ของมาเลเซีย ปาปัวนิวกินี เมียนมาร์ และไทย สาเหตุที่ได้ชื่อ Red Bali เพราะพันธุ์นี้ให้เอฟเฟคความสงบผ่อนคลาย แต่ไม่ได้มีต้นกำเนิดที่บาหลี แต่ชื่อบาหลีติดอยู่กับสายพันธุ์นี้เนื่องจากชื่อเสียงของบาหลีในเรื่องความสงบสุข Effect:บรรเทาความรู้สึกไม่สบาย,ผ่อนคลาย,บรรเทาปวด,เพิ่มพลังงานเล็กน้อย,ลดความวิตกกังวล,หลับดีขึ้น Red Hulu Kapuas ต้นกำเนิดน่าจะมาจากแถวๆเขต Kapuas Hulu Regency ในกาลิมันตันตะวันตก ประเทศอินโดนีเชีย ตั้งชื่อตามภูมิภาคที่มีต้นกำเนิดแม่น้ำ Kapuas เติบโตตามธรรมชาติ ใกล้กับแม่น้ำ Kapuas Effect:เพิ่มพลังเล็กน้อย,บรรเทาความเครียด,บรรเทาอาการปวด,ช่วยในการนอนหลับ,ลดความวิตกกังวล Red Indo เป็นสายพันธุ์คลาสสิกของอินโด ใบสีแดงและคล้ายกับพันธุ์ Red Vein Kali มีการปลูกบนเกาะหลายแห่งในอินโดนีเซีย Effect:เพิ่มพลังเล็กน้อย,เสริมสร้างอารมณ์ผ่อนคลาย,บรรเทาอาการปวด,ลดความวิตกกังวล,ช่วยเรื่องการนอนหลับ,มีสมาธิ Red Borneo สายพันธุ์นี้มาจากเกาะบอเนียวโดยทั่วไปสายพันธุ์นี้ มักจะเติบโตตามริมฝั่งแม่น้ำ ส่งผลให้มีเปอร์เซ็นต์อัลคาลอยด์สูงกว่าเมื่อเทียบกับพันธุ์ เกาะนี้มีสถาพแวดล้อมที่ดี ป่าอุดมสมบูรณ์ ดินอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเจริญเติบโตของกระท่อม Effect:เพิ่มพลังงานเล็กน้อย,เพิ่มระดับความสุข,บรรเทาอาการปวด,ลดความวิตกกังวล,ผ่อนคลาย,บรรเทาความเหนื่อยล้า,หลับง่าย White Meangda เป็นสายพันธุ์ ที่มีใบเส้นสีขาว หรือเรียก แมงดาก้านขาว สายพันธุ์นี้เป็นที่นิยมของหลายคน ซึ่งพบข้อมูลว่ามีต้นกำเนิดในประเทศไทย จริงอยู่ที่สายพีนธุ์นี้มีต้นกำเนิดในประเทศไทย แต่ด้วยกฏหมาย ณ ขณะนั้นไม่เอื้ออำนวย จึงพบว่าสายพันธุ์นี้ได้มีการนำไปปลูกกันแพร่หลายในอินโดนีเซียและภูมิภาคอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินโดนีเชียขายสายพันธุ์นี้ส่งออกไปทั่วโลก Effect:เพิ่มพลังงาน,ลดความวิตกกังวล,บรรเทาอาการปวด,ลดความเครียด,กระตุ้นอารมณ์ผ่อนคลาย,มีสมาธิ White Borneo เป็นสายพันธุ์จากเกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเกาะที่มีป่าฝนขนาดใหญ่ ติดกับสามประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน Effect:เพิ่มพลังงาน,มีสมาธิ,บรรเทาความเครียด,บรรเทาปวดเล็กน้อย White Indo พันธุ์นี้มาจากอินโดนีเชีย มักใช้เรียกกระท่อมที่มีก้านสีขาว โดยแหล่งปลูกสองแห่งที่มีชื่อเสียงสำหรับสายพันธุ์นี้คือเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียว หากปลูกบนเกาะสุมาตรา คนพื้นถิ่นเรียกว่า White Vein Sumatra หากปลูกที่บอร์เนียว ก็อาจจะเรียก White Borneo แต่ปริมาณสารต่างๆจะไม่เท่ากัน เป็นต้น Effect:เพิ่มพลังงาน,กระตุ้นอารมณ์,ผ่อนคลาย,บรรเทาปวดเล็กน้อย White Ketapang สายพันธุ์นี้มาจากเขต (Ketapang Regency) อยู่ทางตอนใต้ ของกาลิมันตันตะวันตก (West Kalimantan) ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย และเป็นส่วนหนึ่งของเกาะบอร์เนียว เป็นที่รู้จักกันดีว่าสายพันธุ์ White Ketapang มีสารกลุ่มอัลคาลอยด์ที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งให้อัตราความแรงที่สูงมากทำให้ออกฤทธิ์เร็วมาก ผู้ใช้บางคนกล่าวว่าหลังการบริโภคภายใน15นาทีหรือเร็วกว่านั้นก็ออกฤทธิ์อย่างชัดเจน Effect:เพิ่มพลังงาน,ร่าเริง,เพิ่มสมาธิ,บรรเทาปวดเล็กน้อย ประเทศ Malaysia Green Malay เติบโตตามธรรมชาติในป่าเขตร้อนของมาเลเซีย Effect:เพิ่มพลังงาน,ผ่อนคลาย,มีสมาธิ,มองโลกในแง่ดี,บรรเทาอาการปวดเล็กน้อย สุดท้ายแล้วในปัจจุบันการจำแนกสายพันธุ์ หลักๆ จะดูเพียงสีก้าน และลักษณะใบตามแต่ละพื้นที่ แล้วก็ เรียกชื่อตามแต่ละพื้นที่ ในแต่ละพื้นที่ก็เรียกไม่เหมือนกัน แม้จะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน เมื่อนำไปปลูกต่างที่ก็อาจจะมีการเรียกคนละชื่อ ดังนั้น ณ ปัจจุบัน พืชกระท่อมยังไม่พบข้อมูลการจำแนกความแตกต่างของแต่ละสายพันธ์ได้อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามพืชกระท่อมยังคงต้องมีการศึกษาทดลองกันต่อไป จนกว่าจะมีจุดที่สามารถแยกสายพันธุ์ได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันถูกกฏหมายแล้ว อีกไม่นานคงมีข้อมูลที่เป็นทางการเพิ่มมากขึ้น ข้อมูลเพิ่มเติมคือ ก้านเขียว ก้านขาว ก้านแดง อาจขึ้นอยู่กับระยะการเก็บเกี่ยวด้วย ก็เป็นไปได้ อาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องสายพันธุ์ เนื่องจากบางต้นอาจมีทั้งก้านสีแดงและสีเขียวในต้นเดียวกัน งานบริการวิชาการเรื่องนี้ สอดคล้องกับแนวประราชดำริของพระเจ้าอยู่หัวฯ ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเน้นการพึ่งพาตนเอง เป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนรากฐานของวัฒนธรรมไทย เป็นแนวทางการพัฒนาที่ตั้งบนพื้นฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเอง ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต ที่สำคัญจะต้องมี “สติ ปัญญา และความเพียร” ซึ่งจะนำไปสู่ “ความสุข” ในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ลดละความฟุ่มเฟือยในการใช้ชีวิต โครงการ กระท่อม เป็นภูมิปัญญาที่ชาวบ้านนำมาใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในลักษณะของภูมิปัญญาการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ กินใบเพื่อกินแก้อาการง่วงทำให้สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้ เช่น เคี้ยวใบในขณะลงแปลงกรีดยางพาราในช่วงระหว่าง 02.00-06.00 น. เป็นต้น ความรู้ทั้งเรื่องพันธุ์ วิธีการปลูก การดูแลรักษา ชาวบ้านจะมีองค์ความรู้มากกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะอาจารย์ในมหาวิทยาลัยและนักวิชการเกษตร เนื่องด้วยที่ผ่านมา กระท่อม ยังถูกจัดไว้เป็นพืชเสพติด ทำให้การศึกษาวิจัยในต้นกระท่อมกระทำไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย โครงการนำองค์ความรู้ การผลิตปุ๋ยหมักโดยใช้ทางใบปาล์มน้ำมันแบบไม่กลับกอง การผลิตปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ดจากวัตถุเหลือทิ้งจากโรงงานปาล์มน้ำมันและยางพารา การผลิตเชื้อไตรโคเดอร์มาเพื่อป้องกันโรครากเน่าโคนเน่า การผลิตปุ๋ยหมักโดยใช้เชื้อราเมธาไรเซียม เพื่อกำจัดด้วงแรด การเพาะพันธุ์พืชกระท่อม การจำแนกกระท่อมสายพันธุ์ต่างๆ งานวิจัย : พัฒนาสูตรปุ๋ยอินทรีย์จากวัสดุเหลือทิ้งจากโรงงาน : การผลิตปุ๋ยน้ำหมักระบบอัตโนมัติแบบเดิมอากาศ : ผลของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เคมีสูตร 3-5-5 ต่อการให้ผลผลิตของปาล์มน้ำมัน : ผลของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เคมีสูตร 3-5-5 ต่อการให้ผลผลิตของยางพารา : การใช้สารสกัดจากต้นเคี่ยมเพื่อใช้ในการป้องกันและกำจัดโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน สอดคล้องกับ SDGs : SDG 1 No Poverty คำอธิบาย เป้าหมายที่ 1: ขจัดความยากจนทุกรูปแบบในทุกพื้นที่ (End poverty in all its forms everywhere) เป็นเป้าหมายที่ว่าด้วยการลดความยากจนทั้งทางเศรษฐกิจ และความยากจนในมิติอื่น ๆ ด้วย (ตามการนิยามของแต่ละประเทศ) ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม ทั้งชาย หญิง เด็ก คนยากจน และกลุ่มคนเปราะบาง เป้าประสงค์ของเป้าหมายนี้ครอบคลุมประเด็นการ ยกระดับรายได้ของผู้คนให้สูงกว่า $1.25 ต่อวัน หรือประมาณ 37.78 บาท (1.1) และลดสัดส่วนของความยากจนในมิติต่างๆ ของ คนทุกกลุ่มให้เหลือครึ่งหนึ่งภายในปี 2573 (1.2) เน้นการใช้ระบบและมาตรการคุ้มครองทางสังคม (1.3) และการสร้าง หลักประกันในเรื่องสิทธิของการเข้าถึงทรัพยากรทางเศรษฐกิจ บริการพื้นฐาน รวมถึง กรรมสิทธิ์เหนือที่ดินและทรัพย์สิน (1.4) นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิต้านทานให้กับคนยากจนและเปราะบางจากภัยพิบัติต่าง ๆ ทั้งทางเศรษฐกิจสังคม และที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศด้วย ในทางนโยบาย เป้าหมายนี้จะเน้นให้มีการช่วยเหลือกันระหว่างประเทศ โดยการระดม ทรัพยากรที่หลากหลายไปช่วยประเทศที่พัฒนาน้อยกว่า เพื่อลงทุนในโครงการที่ขจัดความยากจน (1.a) ให้นโยบายในระดับต่าง ๆ คำนึงถึงความละเอียดอ่อนด้านเพศสภาพและความยากจน 1.4 Community antipoverty programmes 1. โครงการบริการวิชาการ และโครงการบูรณาการ ต่างๆ โดยเป็นโครงการที่มีลักษณะดังนี้ - ให้ความช่วยเหลือแก่ชุมชนท้องถิ่นช่วยในการเริ่มต้น ธุรกิจที่ยั่งยืน ผ่านการศึกษา อบรม การให้คำปรึกษา หรือเข้าถึงแหล่งข้อมูลและสิ่งอำนวยความสะดวกของ มหาวิทยาลัย

ตอนที่ 10 วัตถุประสงค์
วัตุประสงค์
9.1. พัฒนาสูตรปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำปุ๋ยหมักชีวภาพ หมู่ 8 ตำบลบ้านควน อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เพื่อขอขึ้นทะเบียนการค้า 9.2. ผลิตปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยอินทรีย์เคมีอัดเม็ดเพื่อใช้ในระบบเกษตรปลอดภัย 9.3. การผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อจำหน่ายในเชิงการค้า 9.4. ลดรายจ่ายจากปัจจัยการผลิตโดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยเคมี พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน อนุรักษ์ดินและสภาพแวดล้อม 9.5. ผลิตเชื้อไตรโคเดอร์มา เชื้อราเมธาไรเซียม และเชื้อบิวเวอเรีย เพื่อใช้ในระบบเกษตรอินทรีย์และในระบบเกษตรปลอดภัย 9.6. การผลิตเชื้อไตรโคเดอร์มา เชื้อราเมธาไรเซียม และเชื้อบิวเวอเรีย เพื่อจำหน่ายในเชิงการค้า 9.7. สร้างแปลงรวบรวมพันธุ์กระท่อมสายพันธุ์ต่างๆ 10 สายพันธุ์ 9.8. ผลิตพืชกระท่อมในเชิงการค้าในระบบเกษตรกรอินทรีย์ 9.9. เป็นฐานการเรียนรู้ การปลูกพืชกระท่อมในระบบเกษตรอินทรีย์
ตอนที่ 11 ผลผลิตของโครงการและตัวชี้วัด
ผลผลิต : การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ สารควบคุมกำจัดศัตรูพืชชีวภาพ และการผลิตพืชกระท่อมในระบบเกษตรอินทรีย์
KPI 1 : ร้อยละของโครงการที่บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ประเภท : เชิงคุณภาพ
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
100 ร้อยละ 100
KPI 2 : สารชีวภัณฑ์
ประเภท : เชิงปริมาณ
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
3 ชนิด 3
KPI 3 : จำนวนผู้เข้าร่วมอบรม/ศึกษาดูงาน
ประเภท : เชิงปริมาณ
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
100 คน 100
KPI 4 : ร้อยละของโครงการที่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด
ประเภท : เชิงเวลา
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
100 ร้อยละ 100
KPI 5 : แปลงรวบรวมพันธุ์กระท่อม
ประเภท : เชิงปริมาณ
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
10 พันธุ์ 10
KPI 6 : ค่าใช้จ่ายของการให้บริการวิชาการตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
ประเภท : เชิงต้นทุน
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
350000 บาท 350000
KPI 7 : ร้อยละของความพึงพอใจของผู้รับบริการในกระบวนการให้บริการ
ประเภท : เชิงคุณภาพ
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
80 ร้อยละ 80
KPI 8 : จำนวนปุ๋ยอินทรีย์ที่ขอขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร
ประเภท : เชิงปริมาณ
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
10 ตัน 10
KPI 9 : จำนวนผู้เยี่ยมชมฐานเรียนรู้
ประเภท : เชิงปริมาณ
ค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 หน่วยนับ การคำนวณ ผลลัพธ์
1000 คน 1000
 
ตอนที่ 12 ผลผลิตของโครงการและค่าใช้จ่าย
ผลผลิต : การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ สารควบคุมกำจัดศัตรูพืชชีวภาพ และการผลิตพืชกระท่อมในระบบเกษตรอินทรีย์
ชื่อกิจกรรม :
ฐานการเรียนรู้การผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อรองรับระบบเกษตรอินทรีย์ (Organic Agriculture) ระบบเกษตรแบบปลอดภัย (GAP) และการผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อจำหน่ายในเชิงการค้า

ช่วงเวลาดำเนินกิจกรรม : 01/04/2566 - 31/08/2566
รายชื่อผู้รับผิดชอบ
อาจารย์ประสาทพร  กออวยชัย (ผู้รับผิดชอบหลัก)
อาจารย์ปิยนุช  จันทรัมพร (ผู้รับผิดชอบรอง)
อาจารย์วิชชุดา  เอื้ออารี (ผู้รับผิดชอบรอง)
งบประมาณดำเนินการ
รายจ่ายดำเนินงาน » ค่าใช้สอย
ปุ๋ยคอก จำนวน 300 กระสอบๆละ 50 บาท เป็นเงิน 15,000 บาท
กากน้ำตาล จำนวน 500 กิโลกรัมๆ 50 เป็นเงิน 25,000 บาท
EM จำนวน 200 แกลลอนๆละ 200 เป็นเงิน 40,000 บาท
ปุ๋ย 46-0-0 จำนวน 50 กระสอบๆละ 800 บาท เป็นเงิน 40000 บาท
ขุยมะพร้าว จำนวน 10 คันรถๆละ 3000 บาท เป็นเงิน 30000 บาท
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 รวม
0.00 บาท 150,000.00 บาท 0.00 บาท 0.00 บาท 150,000.00 บาท
รวมจำนวนเงินทั้งหมด 150000.00
ชื่อกิจกรรม :
ศูนย์จัดการศัตรูโดยชีววิธีเพื่อรองรับระบบเกษตรอินทรีย์ (Organic Agriculture) และระบบเกษตรแบบปลอดภัย (GAP)

ช่วงเวลาดำเนินกิจกรรม : 01/04/2566 - 31/08/2566
รายชื่อผู้รับผิดชอบ
อาจารย์ปิยนุช  จันทรัมพร (ผู้รับผิดชอบหลัก)
อาจารย์ประสาทพร  กออวยชัย (ผู้รับผิดชอบรอง)
อาจารย์วิชชุดา  เอื้ออารี (ผู้รับผิดชอบรอง)
งบประมาณดำเนินการ
รายจ่ายดำเนินงาน » ค่าใช้สอย
หัวเชื้อไตรโคเดอร์มา จำนวน 200 ขวดๆละ 200 บาท เป็นเงิน 40,000 บาท
หัวเชื้อเมธาไรเซียม จำนวน 200 ขวดๆละ 200 บาท เป็นเงิน 40,000 บาท
หัวเชื้อบิววาเรีย จำนวน 200 ขวดๆละ 200 บาท เป็นเงิน 40,000 บาท
ข้าวสาร จำนวน 200 กิโลกรัมๆละ 50 บาท เป็นเงิน 10,000 บาท
ขวดพลาสติก จำนวน 1000 ใบๆละ 5 บาท เป็นเงิน 5000 บาท
กระดาษสติกเกอร์ จำนวน 50 แพ๊คๆละ 300 บาท เป็นเงิน 15000 บาท
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 รวม
0.00 บาท 150,000.00 บาท 0.00 บาท 0.00 บาท 150,000.00 บาท
รวมจำนวนเงินทั้งหมด 150000.00
ชื่อกิจกรรม :
ฐานการเรียนรู้การปลูกพืชกระท่อมอินทรีย์ในเชิงการค้า

ช่วงเวลาดำเนินกิจกรรม : 01/04/2566 - 31/08/2566
รายชื่อผู้รับผิดชอบ
อาจารย์วิชชุดา  เอื้ออารี (ผู้รับผิดชอบหลัก)
อาจารย์ประสาทพร  กออวยชัย (ผู้รับผิดชอบรอง)
อาจารย์ปิยนุช  จันทรัมพร (ผู้รับผิดชอบรอง)
งบประมาณดำเนินการ
รายจ่ายดำเนินงาน » ค่าใช้สอย

ค่าจ้างเหมาปรับสภาพพื้นที่ จำนวน 5 ไร่ๆละ 1000 บาท เป็นเงิน 5,000 บาท

ต้นกล้ากระท่อม จำนวน 100 ต้นๆละ 200 บาท เป็นเงิน 20,000 บาท
ปุ๋ยอินทรีย์ จำนวน 20 กระสอบๆละ 500 บาท เป็นเงิน 10,000 บาท
ปุ๋ยคอก จำนวน 300 กระสอบๆละ 50 บาท เป็นเงิน 15,000 บาท
ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 รวม
0.00 บาท 50,000.00 บาท 0.00 บาท 0.00 บาท 50,000.00 บาท
รวมจำนวนเงินทั้งหมด 50000.00
 
ตอนที่ 13 ปัญหาและอุปสรรค
ปัญหาและอุปสรรค
ไม่มี
ตอนที่ 14 แนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรค
แนวทางการแก้ปัญหาและอุปสรรค
-
ตอนที่ 15 เอกสารประกอบ
รายการเอกสารประกอบ
บริการวิชาการ66
ตอนที่ 16 การบูรณาการ
การเรียนการสอน
การผลิตสารชีวภัณฑ์
ช่วงเวลา : 01/07/2566 - 31/08/2566
ตัวชี้วัด
3.2 ระบบและกลไกการส่งเสริมกิจกรรมนักศึกษา
การบูรณาการ
เอกสารประกอบ
การผลิตปุ๋ยอินทรีย์
ช่วงเวลา : 01/03/2566 - 31/08/2566
ตัวชี้วัด
2.6 ระบบและกลไกการจัดการเรียนการสอน
การบูรณาการ
เอกสารประกอบ
การปลูกสร้างสวนกระท่อมอินทรีย์
ช่วงเวลา : 01/03/2566 - 31/08/2566
ตัวชี้วัด
2.6 ระบบและกลไกการจัดการเรียนการสอน
การบูรณาการ
เอกสารประกอบ
งานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
ไม่มีข้อมูล
งานวิจัย
ไม่มีข้อมูล
อื่นๆ
ไม่มีข้อมูล