การอบรมครั้งนี้ทำให้ผู้เข้าร่วมได้เข้าใจว่า การขอตำแหน่งทางวิชาการไม่ใช่เพียง “การสะสมผลงาน” แต่เป็น กระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ที่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านคุณภาพงานวิจัย ความสามารถด้านการสอน และการมีส่วนร่วมในวิชาชีพ การทำงานร่วมกับ ก.พ.ว. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และการปฏิบัติตามเกณฑ์ของ ก.พ.อ. อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การขอตำแหน่งมีความราบรื่นและประสบความสำเร็จมากขึ้น
การขอตำแหน่งทางวิชาการเป็นกระบวนการสำคัญในการพัฒนาสายอาชีพของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและข้อบังคับของ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) และข้อกำหนดภายในมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยปัจจุบันใช้ ผลงานวิชาการประเภทต่างๆ ได้แก่ -งานวิจัย จะต้องตีพิมพ์ในวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูลที่ ก.พ.อ. รับรอง -ตำรา/หนังสือ ต้องผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก -งานสร้างสรรค์/นวัตกรรม ต้องพิสูจน์คุณค่าและผลกระทบ -บทความวิชาการ ต้องมีการอ้างอิงอย่างถูกต้องและสอดคล้องกับมาตรฐานสาขา ขั้นตอนการขอเริ่มตั้งแต่การเตรียม แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ครบถ้วน การจัดทำคำอธิบายผลงาน (Abstract/Executive Summary) ส่งผ่านต้นสังกัดไปยัง ก.พ.ว. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ผ่านการพิจารณาเบื้องต้น ก่อนส่งประเมิน ภายนอก และรับทราบผลการประเมินและดำเนินการแก้ไข (ถ้ามี) ทั้งนี้ บทบาทของ ก.พ.ว. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ส่วน ก.พ.ว. หรือ คณะกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีบทบาทสำคัญในหลายด้าน ได้แก่ การกำหนดนโยบายและแนวทาง ซึ่งเป็นการวางกรอบการปฏิบัติให้สอดคล้องกับเกณฑ์ ก.พ.อ. และออกข้อแนะนำและคำชี้แจงที่ช่วยให้อาจารย์เข้าใจขั้นตอนชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่พิจารณาและกลั่นกรองผลงาน ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน และคุณภาพของเอกสาร พิจารณาความเหมาะสมของผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก และประเมินความสอดคล้องของผลงานกับตำแหน่งที่ขอ การให้คำปรึกษาและสนับสนุน โดยจัดโครงการฝึกอบรม เช่น Share and Learn และจัดที่ปรึกษาสำหรับผู้ยื่นขอ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะกรณี จากการเสวนาและการบรรยาย มีข้อควรระวังหลัก ๆ ดังนี้ 1.ความถูกต้องของการอ้างอิง – ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล (เช่น APA, IEEE) 2.การคัดลอกผลงาน – ต้องไม่มีการ Plagiarism ทั้งทางตรงและทางอ้อม 3.คุณภาพของวารสาร – ต้องอยู่ในฐานข้อมูลที่รับรอง เช่น TCI กลุ่ม 1, Scopus, WoS 4.ความครบถ้วนของแฟ้มผลงาน – ขาดเอกสารสำคัญอาจถูกตีกลับ 5.การใช้ผลงานซ้ำ – ห้ามนำผลงานที่เคยใช้ขอตำแหน่งแล้วมาใช้ซ้ำในตำแหน่งถัดไป เว้นแต่เป็นส่วนหนึ่งของงานที่ขยายผลชัดเจน ในช่วงบ่าย ผู้เข้าอบรมได้แบ่งกลุ่มตามสาขาวิชาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเทคนิคการเตรียมผลงาน เช่น -กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ เน้นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) และการตีพิมพ์ในวารสารเฉพาะทาง -กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้การวิจัยประยุกต์และงานนวัตกรรมเพื่อสร้างความโดดเด่น -กลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เน้นตำรา บทความวิชาการ และการวิจัยที่มีผลกระทบเชิงนโยบาย การเข้ารับคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ โดยเอาเอกสารประกอบการสอน และบทความตีพิมพ์เข้าปรึกษา มี 3 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นที่ 1 ปัญหาการอ้างอิง: ผู้ยื่นขอตำแหน่ง ผศ. พบว่า ผลงานวิจัยบางชิ้นมีการอ้างอิงที่ไม่ตรงกับรูปแบบ APA7 การแก้ไขของที่ปรึกษา 1.ตรวจสอบและแก้ไขรูปแบบการอ้างอิง 2.แนะนำเครื่องมือจัดการบรรณานุกรม เช่น Zotero หรือ EndNote 3.ให้ Checklist การตรวจสอบอ้างอิงก่อนส่ง ประเด็นที่ 2 ปัญหาวารสารไม่ผ่านเกณฑ์: ผู้ยื่นขอ ผศ. พบว่าวารสารที่ตีพิมพ์ไม่อยู่ใน TCI กลุ่ม 1 หรือ Scopus การแก้ไขของที่ปรึกษา 1.แนะนำวารสารทางเลือกที่อยู่ในฐานข้อมูลรับรอง 2.เสนอแผนตีพิมพ์เร่งด่วน 3.ช่วยตรวจบทความให้ตรงกับข้อกำหนดของวารสารเป้าหมาย ประเด็นที่ 3 ปัญหาผลงานตำราไม่ครบองค์ประกอบ: อาจารย์ที่ใช้ตำราเป็นผลงานหลัก ถูกตีกลับเพราะขาดบทนำที่แสดงความสำคัญของเนื้อหาและความเชื่อมโยงกับงานวิจัย การแก้ไขของที่ปรึกษา 1.วิเคราะห์จุดที่ขาดและช่วยร่างบทนำให้ครอบคลุม 2.เสนอแหล่งข้อมูลวิชาการอ้างอิงเพื่อเสริมความสมบูรณ์ 3.ตรวจความถูกต้องของการจัดรูปเล่มตามเกณฑ์ ก.พ.อ. สรุปการอบรมครั้งนี้ทำให้ผู้เข้าร่วมได้เข้าใจว่า การขอตำแหน่งทางวิชาการไม่ใช่เพียง “การสะสมผลงาน” แต่เป็น กระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ที่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านคุณภาพงานวิจัย ความสามารถด้านการสอน และการมีส่วนร่วมในวิชาชีพ การทำงานร่วมกับ ก.พ.ว. มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และการปฏิบัติตามเกณฑ์ของ ก.พ.อ. อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การขอตำแหน่งมีความราบรื่นและประสบความสำเร็จมากขึ้น