รายละเอียดโครงการ

ความต้องการสัตว์น้ำเพื่อการบริโภคในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่เช่น เชียงใหม่ ทั้งนี้เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวและเทรนด์ของการบริโภคสัตว์น้ำที่มีคุณค่า เช่น ปลาและกุ้ง ซึ่งส่งผลให้ราคาของอาหารประเภทสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย อาหารประเภทสัตว์น้ำที่บริโภคในเขตภาคเหนือส่วนใหญ่ถูกส่งขึ้นมาจากภาคกลางซึ่งเป็นแหล่งผลิตหลักทำให้เกิดการขาดแคลนและปัญหาด้านคุณภาพ สัตว์น้ำที่มีความต้องการมากบางชนิดเช่นกุ้งก้ามกราม ก็สามารถผลิตได้ในเขตภาคเหนือ เช่น ที่อำเภอเทิงจังหวัดเชียงราย เนื่องจากตลาดมีความต้องการมาก ผลผลิตกุ้งก้ามกรามไม่เพียงพอโดยเฉพาะกุ้งก้ามกรามขนาดใหญ่ และการผลิตกุ้งยังพบกับปัญหาการหยุดการเจริญเติบโตในช่วงฤดูหนาว จากสภาพพื้นที่ของภาคเหนือในประเทศไทย ในฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส และสูงสุดประมาณ 30-35 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้าสามารถลดความแตกต่างอุณหภูมิน้ำระหว่างกลางวันและกลางคืนให้ใกล้เคียงกัน หรือสามารถควบคุมอุณหภูมิน้ำให้อยู่ในช่วง 28-30 องศาเซลเซียส ก็จะทำให้สัตว์น้ำมีอัตราการเจริญเติบโตดี ใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงสั้นลง นำไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจของการเลี้ยงเชิงพาณิชย์ ผู้วิจัยได้ทำวิจัยก่อนหน้านี้พบว่าการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามภายใต้โรงเรือนควบคุมอุณหภูมิสามารถเพิ่มการเจริญเติบโต 2 เท่าเมื่อเทียบกับที่เลี้ยงแบบทั่วไป (Whangchai 2007) เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจัยการจัดการคุณภาพน้ำที่สำคัญหลักๆ คือ การจัดการออกซิเจนละลายน้ำ การควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมและการกำจัดของเสีย (แอมโมเนีย)ในระบบเลี้ยง จากการสำรวจความต้องการพบว่าตลาดยังมีความต้องการสัตว์น้ำประเภทอินทรีย์ และที่สำคัญคือมีคู่แข่งขันในตลาดน้อย ดังนั้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ผู้วิจัยจึงได้เห็นความเป็นไปได้ของการผลิตกุ้งก้ามกรามในระบบอินทรีย์ การพัฒนาฐานเรียนรู้การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในโดมความร้อนด้วยระบบอินทรีย์ โดยสร้างโดมความร้อนเพื่อเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในระบบปิด เปิดให้นักเรียน นักศึกษา เกษตรกร และประชาชนผู้สนใจ เข้าเรียนรู้ในฐานเรียนรู้ และจัดการฝึกอบรม ถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคนิคการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามเชิงอินทรีย์ ให้แก่ เกษตรกร นักศึกษา นักเรียน ผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้ที่สนใจ จำนวน 60 คน