การเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมยด้วยระบบเรสเวย์ (Raceway system) นับเป็นระบบการเลี้ยงแบบหมุนเวียนน้ำประเภทหนึ่งที่มีการนำมาใช้ในการเพาะเลี้ยงกุ้งแบบหนาแน่นของบริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) โดยระบบนี้จะมีการที่ใช้บ่อเลี้ยงแบบทางยาวมีน้ำไหลผ่านตลอด เพื่อให้สารแขวนลอยหรือสารอินทรีย์ที่อยู่ในน้ำถูกรวมไว้ตรงกลางบ่อสามารถระบายออกได้จำนวนมากและเร็วที่สุด ในระหว่างการเลี้ยงกุ้งด้วยระบบนี้จะมีการเติมกากน้ำตาลลงในบ่อเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตและประสิทธิภาพการทำงานของจุลินทรีย์ภายในบ่อ ขณะเดียวกันปริมาณของกากน้ำตาลที่เติมลงไปยังส่งผลต่อปริมาณของแพลงก์ตอนภายในบ่อซึ่งจำเป็นจะต้องมีการศึกษาปริมาณของกากน้ำตาลที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถควบคุมปริมาณแพลงก์ตอนให้เหมาะสมกับการเลี้ยงกุ้ง โดยเบื้องต้นพบว่า ในบ่อเรสเวย์ที่เลี้ยงกุ้ง พบชนิดของแพลงก์ตอนในระบบ 4 ชนิด มากที่สุด คือ Cyclotella sp. (AARL-PP score=2) รองลงมา คือ Gymnodinium sp. (AARL-PP score=6) Nitzschia sp. (AARL-PP score=9) และ Peridinium sp. (AARL-PP score=6) ตามลำดับ ซึ่งมีคะแนน AARL-PP Score เท่ากับ 5.75 จัดได้ว่าน้ำในบ่อเรสเวย์อยู่ในระดับ Mesotrophic สารอาหารปานกลาง มีคุณภาพน้ำ ปานกลาง ดังนั้น งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปริมาณการใช้กากน้ำตาลต่อการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมยในระบบเรสเวย์ แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 การทดลอง คือ การทดลองที่ 1 ศึกษาปริมาณการใช้กากน้ำตาลที่ระดับความเข้มข้น 30, 40 และ 50 ppm. ต่อการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมยขนาด 0.05-0.5 กรัม พบว่า ชุดการทดลองที่ใช้กากน้ำตาล 30 ppm. ที่มีปริมาณแพลงก์ตอนน้อยสุด 27.33?2.31x104 เซลล์ต่อมิลลิลิตร การทดลองที่ 2 ศึกษาปริมาณการใช้กากน้ำตาลที่ระดับความเข้มข้น 30, 40 และ 50 ppm. ต่อการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมยขนาด 0.6-1.0 กรัม พบว่า กากน้ำตาลในประมาณที่ 30 ppm. ในช่วงเวลาชั่วโมงที่ 4 ถึง ชั่วโมงที่ 8 เป็นช่วงเวลาที่แพลงก์ตอนน้อยสุด (92.76?3.41x104 เซลล์ต่อมิลลิลิตร ) ขณะที่คุณภาพน้ำไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05) ในแต่ละชุดการทดลอง ดังนั้น ปริมาณกากน้ำตาลที่ 30 ppm. เหมาะสมต่อการนำมาใช้ควบคุมสีน้ำในเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมยระบบเรสเวย์ ข้อมูลจากการศึกษาครั้งนี้สามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการจัดการสีน้ำด้วยการปรับปริมาณการใช้กากน้ำตาลในระบบการเลี้ยงกุ้งขาวแบบเรสเวย์ต่อไป