กุ้งก้ามกราม (Macrobrachium rosenbergii) สายพันธุ์มาโคร 1 เป็นกุ้งที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีลักษณะแข็งแรง โตไว เหมาะแก่การเลี้ยงเพื่อเป็นกุ้งเศรษฐกิจ การเพาะและอนุบาลลูกกุ้งก้ามกรามให้มีอัตรารอดตายสูง ต้องมีการเติมแร่ธาตุแมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4) ในปริมาณที่เหมาะสม งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการเติม MgSO4 ปริมาณแตกต่างกันต่อการเจริญเติบโต และอัตรารอดตายของลูกกุ้งก้ามกรามมาโคร 1 วัยอ่อน (larva) ระยะที่ 10 ถึงระยะ Post larva โดยแบ่งออกเป็น 2 การทดลอง ดังนี้ การทดลองที่ 1 ชุดการทดลองละ 3 ซ้า ที่ระดับการเติม MgSO4 3 ระดับ คือ 0.05 (ชุดควบคุม) 0.25 และ 0.50 กรัมต่อปริมาตรน้าที่ใช้เลี้ยงกุ้ง 1 ลิตร อนุบาลลูกกุ้งก้ามกรามระยะที่ 10 ความยาวเริ่มต้น 0.57 ? 0.05 เซนติเมตร ที่ความหนาแน่น 150 ตัวต่อปริมาตรน้า 1 ลิตร ในถังน้าปริมาตร 50 ลิตร ให้อาหารเป็นไข่ตุ๋นร่วมกับอาร์ทีเมียเอ็นริชด้วยไบโอเมก้า วันละ 4 มื้อ เป็นระยะเวลา 9 วัน ผลการศึกษาพบว่า ลูกกุ้งก้ามกรามมาโคร 1 ที่เลี้ยงในชุดการทดลองที่เติม MgSO4 0.05 กรัมต่อลิตร มีความยาวลาตัว (0.93 ? 0.06 เซนติเมตร) และอัตราการรอดตาย (90.45?3.40 เปอร์เซ็นต์) สูงที่สุดแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<0.05) เมื่อเทียบกับชุดการทดลองอื่นๆ รองลงมาเป็นชุดการทดลองที่เติม MgSO4 0.25 กรัมต่อลิตร (ความยาวลาตัว 0.83 ? 0.12 เซนติเมตรและอัตราการรอดตาย 66.18?1.40 เปอร์เซ็นต์) และพบลูกกุ้งก้ามกรามตายทั้งหมดในชุดการทดลองที่เติมแร่ธาตุ 0.50 กรัมต่อลิตร การเติม MgSO4 มีผลให้ค่าเฉลี่ยของปริมาณแมกนีเซียมในน้าแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<0.05) เท่ากับ 517.67?129.73, 585.83?120.51 และ 659.52?83.67 มิลลิกรัมต่อลิตร แต่ไม่มีผลต่อคุณภาพน้าอื่นๆ การทดลองที่ 2 แบ่งออกเป็น 5 ชุดการทดลอง ชุดการทดลองละ 3 ซ้า ที่ระดับการเติม MgSO4 0, 0.05, 0.10, 0.15 และ 0.20 กรัมต่อลิตร ทาการทดลองอนุบาลลูกกุ้งก้ามกรามที่ความยาวเริ่มต้น 0.46 เซนติเมตร ความหนาแน่น 150 ตัวต่อปริมาณน้า 1 ลิตร ในถังน้าปริมาตร 6 ลิตร ให้เต้าหู้ไข่ร่วมกับอาร์ทีเมียวันละ 4 มื้อ เป็นเวลา 9 วัน ผลการศึกษาพบว่า ชุดการทดลองที่เติม MgSO4 0.05 กรัมต่อน้า 1 ลิตร กุ้งก้ามกรามมีความยาวลาตัวและอัตรารอดตายสูงที่สุดแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<0.05) เมื่อเทียบกับชุดการทดลองอื่นๆ ดังนั้นการเติม MgSO4 0.05 กรัมต่อปริมาณน้าที่ใช้ในการเลี้ยงกุ้ง 1 ลิตร เป็นปริมาณที่เหมาะสมที่สุดต่อการอนุบาลลูกกุ้งก้ามกรามให้มีอัตรารอดตายสูง ข้อมูลจากการศึกษาครั้งนี้สามารถนาไปใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการแร่ธาตุ MgSO4 ที่เหมาะสมให้แก่โรงเพาะฟักลูกกุ้งก้ามกรามต่อไป